สโมสรฟุตบอลคริสตัล พาเลซ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเขตเซลเฮิสต์ เมืองลอนดอน แข่งขันอยู่ในรายการพรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศอังกฤษ พวกเค้าก่อตั้งสโมสรขึ้น ในปี ค.ศ.1905 ที่อาคารคริสตัล พาเลซ ซึ่งเป็นอาคารที่จัดนิทรรศการที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังของเมือง และใช้สนามชิงชนะเลิศฟุบอลรายการ เอฟเอ คัพ ในเขตพระราชวังเก่าแก่ เป็นสนามเหย้า
ในปี ค.ศ.1915 พวกเค้าก็ต้องถูกย้ายออกจากพระราชวัง เนื่องจากการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปเล่นที่สนาม เฮิร์น ฮิลล์ เวโลโดร์ม แอน เดอะ เนสต์ และใช้สนามแห่งนี้จนถึงปี ค.ศ.1924 แล้วย้ายไปใช้สนามเซลเฮิสต์ พาร์คเป็นสนามเหย้าจนถึงปัจจุบัน
พาเลซได้มีโอกาสขึ้นมาเล่นฟุตบอลรายการสูงสุดของอังกฤษหลายครั้ง พวกเค้าประสบความสำเร็จอย่างมากในฤดูกาล 1980–1990 และในฤดูกาล 1990-1991 พวกเค้าคว้าอันดับ 3 ของลีกสูงสุด ซึ่งจะได้สิทธิ์ไปแข่งขันในรายการยุโรป แต่พวกเค้าโดนสมาคมฟุตบอลยุโรปปฏิเสธไม่ให้สโมสรจากประเทศอังกฤษเข้าร่วมแข่งขัน เนื่องจากโศกนาฏกรรมที่สนามเฮย์เซล
สโมสรคริสตัล พาเลซ ยังเป็นหนึ่งในสโมสรที่ร่วมก่อตั้งพรีเมียร์ลีกอีกด้วย และได้เข้าชิงฟุตบอลรายการเอฟเอคัพถึง 2 ครั้งได้แก่ปี ค.ศ.1990 และปี ค.ศ.2016 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั้งสองครั้ง พวกเค้าเคยคว้าแชมป์ของลีกดิวิชั่น 2 รวมถึงชนะเพลย์ออฟ 48 ครั้งในการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด
สีของชุดประจำสโมสรเดิมเป็นสีม่วงแดงและสีน้ำเงิน แต่ในปี ค.ศ.1973 พวกเค้าทำการเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีน้ำเงินแทน ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบัน พวกเค้ามีคู่ปรับอย่างทีม ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เวลามีการแข่งขันกันจะถูกเรียกว่า M23 derby และยังเป็นคู่ปรับกับทีมทางใต้ของลอนดอนอย่าง มิลล์วอลล์กับชาร์ลตัน แอตเลติค
ในปี ศ.ศ.1985 สมาคมฟุตบอลได้ก่อตั้งสำนักงานขึ้นใหม่ สำหรับแข่งขัน เอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศ ที่อาคารที่มีชื่อเสียงอย่าง อาคารคริสตัล พาเลซ หลายปีต่อมาเจ้าของสถานที่ต้องการความท้าทายใหม่นอกจากการจัดนิทรรศการสำหรับนักท่องเที่ยว ปี ค.ศ.1861 เค้าได้ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลสมัครเล่นขึ้นที่ สนามเดอะพาเลซ ชื่อว่าทีมคริสตัล พาเลซ แต่ก็ไม่มีประวัติมากมายนักจนถึงปี ค.ศ.1876 เจ้าของทีมต้องการให้มีสโมสรฟุตบอลอาชีพมาเล่นที่นั่น และประชาชนบริเวณนั้นสามารถสัมผัสได้ แม้ว่าสมาคมฟุตบอลจะปฏิเสธความคิดนี้ เนื่องจากเค้ายังมีทีมฟุตบอลที่ต้องจัดการอยู่ เจ้าของทีมก็เลยจัดตั้งบริษัทแยกออกมาเพื่อเป็นเจ้าของสโมสรอีก 1 ทีม
สโมสรฟุตบอลคริสตัล พาเลซ ฉายา เดอะกลาเซียร์ ก่อตั้งขึ้น วันที่ 10 กันยายน 1905 โดยการให้คำแนะนำของเอ็ดมุนด์ กู๊ดแมน ผู้ช่วยเลขานุการของแอตตัน วิลล่า ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นพร้อมๆกับสโมสรเชลซีจากลอนดอน แต่มีเพียงเชลซีเท่านั้นที่ได้รับการรับรอง ในปีฤดูกาล 1905-1906 คริสตัล พาเลซต้องไปเล่นในดิวิชั่น2 ลีกทางตอนใต้ของประเทศ พวกเค้าประสบความสำเร็จเลื่อนสู่ดิวิชั่น 1 ในฐานะแชมป์ และยังเล่นรายการกลางสัปดาห์ อย่างยูไนเต็ด คันทรี ลีก และสามารถเอาชนะวัตฟอร์ดได้ในการแข่งครั้งแรกด้วยสกอร์ 3-0 ก่อนไปเยือนที่นิวบอร์มตัน
คริสตัล พาเลซเล่นอยู่ในลีกทางตอนใต้จนถึงปี ค.ศ.1914 ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในปี 1907 พวกเค้าสามารถเอาชนะนิวคาสเซิลได้ในการแข่งรอบแรก แต่สถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้พวกเค้าต้องย้ายสนามแข่ง ไปแข่งที่สนามเฮิร์น ฮิลล์ เวโลดอร์ม ซึ่งเป็นของทีม เวสต์นอร์ทวู้ด เอฟซี สามปีต่อมาเค้าก็ต้องย้ายสนามแข่งอีกครั้งเนื่องจากการยุบทีมของ ครอยดัน คัมมอน เอฟซี ในฤดูกาล 1920-1921 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกในดิวิชั่น 3 คว้าแชมป์มาครองได้และเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั้น 2 จนปี ค.ศ.1924 ได้ย้ายสนามแข่งมาที่เซลเฮิสต์ พาร์ค จนถึงปัจจุบัน
นัดเปิดสนามที่เซลเฮิสต์ พาร์คไม่ค่อยดีนัก พาเลซ พ่ายต่อ เชฟฟิลด์ เว้นเดย์ไป 0-1 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 25,000 คน ปิดฤดูกาลด้วยอันดับที่ 21 ตกชั้นสู่ดิวิชั่น 3 อีกครั้ง ก่อนสงครามโลกครั้งที่2 พาเลซทำได้ดีด้วยการเลื่อนชั้นและไม่เคยทำอันดับต่ำกว่าครั้งบนของตารางอีกเลย เคยไปถึงอันดับ 2 และ 3 ของลีกสูงสุด
ในช่วงสงครามโลกฟุตบอลลีกถูกระงับ พวกเค้าก็ยังคว้าแชมป์รายการ ลีกตอนใต้และ D ลีกรวม 2 รายการ หลังสงครามโลกจบลง สโมสรทำได้ไม่ดีนักในการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยอันดับดีที่สุดคือที่ 7 และยังต้องหนีตกชั้นถึง 3 ฤดูกาลด้วยกัน และในระหว่างที่แข่งขันในดิวิชั่น 3 อยู่นั้น สมาคมฟุตบอลได้มีการปรับโครงสร้างลีกใหม่ โดยให้ทีมที่ได้อันดับต่ำกว่าครึ่งตารางไปรวมกับทีมที่ได้อันดับต่ำกว่าครึ่งตารางของดิวิชั่น 3 ตอนเหนือ เป็นดิวิชั่นใหม่คือดิวิชั่น 4
พาเลซจบด้วยอันดับ 14 ทำให้ต้องไปเล่นในดิวิชั่น 4 พวกเค้าใช้เวลาไม่นานนัก ในฤดูกาล 1960-1961 เจ้าของทีมคนใหม่ อาร์เธอร์ เวต ได้แต่งตั้งผู้จัดการทีมคือ อาร์เธอร์ โรว์ และพาคริสตัล พาเลซเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 3 ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ.1962 คริสตัล พาเลซประสบความสำเร็จในการแข่งนัดกระชับมิตรกับเรอัลมาดริด นี่เป็นครั้งแรกที่ทีมจากสเปนได้มาเล่นที่ลอนดอน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ทำให้โรว์ต้องลงจากตำแหน่งหลังจากจบฤดูกาลในปี 1962 แต่การเลื่อนชั้นครั้งนั้นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ดิ๊ก เกรแฮมและเบิร์ต เฮดก็สานต่องานและนำสโมสรเล่นชั้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้ในฤดูกาล 1963-1964 และเลื่อนสู่ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1968-1969
คริสตัล พาเลซ แข่งขันอยู่ในลีกสูงสุดตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 จนถึง ค.ศ.1973 พวกเค้าก็ต้องผิดหวัง ภายใต้การจัดการของมัลคอล์ม อลิสสัน ทีมตกชั้นและตกไปยังดิวิชั่น 3 ในฤดูกาล 1974-1975 พาเลซได้รับฉายาว่า นกอินทรีย์ พวกเค้าทะลุไปถึงรอบก่อนรองชนะเลยในการแข่งขันเอฟเอคัพ ในฤดูกาล 1975-1976 โดยสามารถเอาชนะทีมอย่างลีด และเชลซีมาได้ อย่างไรก็ตาม มัลคอล์มถูกไล่ออกหลังจบฤดูกาล โดยเทอรรี่ เวนาเบิ้ล มาคุมทีมต่อและในฤดูกาล 1978-1979 พาพาเลซเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
หลังจากที่ทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จ ปี ค.ศ.1979 ทีมก็ได้รับการขนานนามว่า ทีมแห่งยุค 80 ในช่วงแรกของฤดูกาล 1979-1980 พวกเค้าทำได้ดีโดยอยู่อันดับบนของตารางแต่ด้วยปัญหาการจัดการด้านการเงิน ฤดูกาล 1980-1981 สโมสรประสบปัญหาย่ำแย่จากเรื่องดังกล่าวและไม่สามารถรักษาอันดับในดิวิชั่น1ได้ ในที่สุดก็ต้องตกชั้น พอดีกับที่รอน นัวเดส เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร
วันที่ 4 มิถุนายน 1984 อดีตผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เลิกเล่นฟุตบอลแล้ว สตีป คอปเปล เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม และภายใต้การจัดการของเค้าในปีฤดูกาล 1988-1989 ก็สามารถพาทีมประสบความสำเร็จในการเอาชนะรอบเพลย์ออฟ เลื่อนชั้นกลับสู่ดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้ง และความสำเร็จต่อเนื่องในปี ค.ศ.1990 พาเลซได้เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ โดยพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนนัดแรกเสมอกันไป 3-3 แต่นัดที่สองพวกเค้าก็พลาดท่าพ่ายไป 0-1
ฤดูกาล 1990-1991 พวกเค้าทำผลงานได้ดีถึงขั้นลุ้นแชมป์ โดยคว้าอันดับ 3 มาครองได้ ซึ่งเป็นอันดับสูงที่สุดตั้งแต่ลงแข่งในรายการฟุตบอลลีก อย่างไรก็ตามหลังจบฤดูกาล พาเลซถูกสมาคมฟุตบอลยุโรปห้ามลงแข่งรายการของยุโรปเนื่องจากโศกนาฏกรรมเฮย์เซล แต่พวกเค้าก็ยังคว้าแชมป์ ฟูล เมมเบอร์ คัพ โดยการเอาชนะเอฟเวอตันได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-1 หลังจากนั้นกองหน้าตัวความหวังอย่าง เอียน ไรท์ ก็ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซน่อล ส่งผลให้พวกเค้าจบอันดับที่ 10 ของตาราง ในฤดูกาล 1992-1993 คริสตัล พาเลซได้รับอนุญาตให้เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง เอฟเอ พรีเมียร์ลีก
สโมสรได้ขายมาร์ก ไบรท์ ให้กับเชฟฟิลด์ เว้นเดย์ แต่ไม่สามารถหาผู้เล่นมาทดแทนได้ ทำให้ทีมประปัญหาและต้องหนีโซนตกชั้นอยู่ทั้งฤดูกาล แล้วพวกเค้าก็ตกชั้นด้วยคะแนน 49 คะแนน ซึ่งน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก สตีฟ คอปเปลก็ได้ลาออกไป อลัน สมิธ ผู้ช่วยของเค้าก็ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อ เพียงแค่ฤดูกาลแรกของเค้าก็สามารถพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
พวกเค้าได้โอกาสพิสูจน์อีกครั้งกับลีกสูงสุด วันที่ 25 มกราคม 1995 พาเลซเปิดสนาม เซลเฮิส์ต พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างเกมส์อีริค คันโตน่า ถูกใบแดง ไล่ออกจากสนาม เค้าถูกยั่วยุโดยแมททิว ซิมมอนส์ คันโตน่าใช้สองเท้ากระโดดเตะแฟนบอล ทำให้คันโตน่าถูกตัดสินจำคุก 2 สัปดาห์ และอุทธรณ์โทษเหลือบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ 120 ชั่วโมง ส่วนแมททิว ซิมมอนส์ ถูกตรวจพบว่าพยายามยั่วยุคันโตน่าถึงสองครั้งก็ถูกห้ามเข้าสนาม เซลเฮิสต์ พาร์คอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น ในเดือนมีนาคม คริส อาร์มสตรอง ถูกห้ามลงแข่งขันเมื่อสมาคมฟุตบอลตรวจสอบการใช้สารเสพติดแล้วผลปรากฎว่าไม่ผ่าน แต่อลัน สมิธ ก็ยังสามารถพาทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิสได้ถึง 2 รายการคือ เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ แต่ด้วยผลงานที่ไม่คงเส้นคงวา ฤดูกลาลนั้น พาเลซจบด้วยอันดับ 4 จากท้าย ประกอบกับพรีเมียร์ลีกลดจำนวนทีมลงจาก 22 เหลือ 20 ทีม พาเลซจึงตกชั้นในที่สุด
ปี ค.ศ.1995 สมิธลาออกจากสโมสร และสตีฟ คอปเปลก็หวนกลับมาเป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคอีกครั้ง และภายใต้ความร่วมมือกันของ เรย์ เลวิงตัน กับเดฟ บาสเซ็ตต์ ในการคุมทีมก็พาทีมทะลุถึงรอบเพลย์ออฟ แต่นัดชิงชนะเลิศ สตีฟ คลาริดจ์ของเลสเตอร์ มายิงประตูนาทีสุดท้าย ทำให้พาเลซพ่ายไป 1-2 ฤดูกาลถัดมา คอปเปลเข้ามาคุมทีมอีกครั้งหลังจาก เดฟ บาสเซ็ตต์ย้ายไปคุมน๊อตติ้งแฮม ฟอเรส ปี ค.ศ.1997 พวกเค้าได้เข้าชิงในการเพลย์ออฟอีกครั้ง แต่ก็พ่ายให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดที่เวมบลีย์ แต่ก็ได้เลื่อนชั้น
ครั้งนี้พวกเค้าไม่ได้ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกเหมือนสองครั้งแรก ด้วยฟอร์มการเล่นย่ำแย่สุดๆพวกเค้าก็ตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 1 อีกครั้งในฤดูกาล 1998-1999 ในช่วงหน้าร้อนปีนั้นพวกเค้าเล่นรายการยุโรปคือ อินเตอร์โตโต้คัพ
หลังจากนั้น มาร์ค โกลด์ เบิร์ก ก็ไม่สามารถบริหารและสนับสนุนการเงินให้สโมสรได้อีก ไซมอน จอร์แดน ก็เข้ามาบริหารจัดการต่อ เมื่อสตีฟ คอปเปลออกไปและแทนที่ด้วยอลัน สมิธ อีกครั้ง ภายใต้การบริหารของจอร์แดน ในปีฤดูกาล 2000-2001 ทีมเกือบตกชั้น เดือนเมษายน สมิธถูกไล่ออกและสตีฟ เค็มเบอร์ สานต่อโดยจะต้องทำทีมเอาชนะ 2 นัดที่เหลือเพื่อการันตีการไม่ตกชั้น และเป็นดอกี้ ฟรีแมน ยิงประตูนาทีที่ 87 ช่วยให้ทีมเอาชนะสตอร์กพอร์ท เค้าตี้ ในนัดสุดท้ายได้พอดี สตีฟ บลู๊ค เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2001-2002 และทำผลงานได้ดีในช่วงต้น ทำให้ความหวังในการเลื่อนชั้นกลับมาอีกครั้ง แต่เพียงแค่ 4 เดือน บลู๊คก็ย้ายไปร่วมทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ และเทรเวอร์ ฟรานซิส อดีตนักเตะเบอร์มิงแฮมมาคุมทีมแทน ภายใต้การจัดการของฟรานซิส พาเลซจบด้วยอันดับกลางตารางทั้งสองฤดูกาล แต่หลังจากนั้นเค้าก็จากไป และโค้ชประสบการณ์สูงอย่าง สตีฟ เคมเบอร์มาแทนที่
เคมเบอร์เริ่มต้นด้วยการพาพาเลซชนะรวด 3 นัดแรกของฤดูกาล 2003-2004 ส่งให้ทีมอยู่ในกลุ่มทีมนำของตาราง แต่เดือนพฤษจิกายน เค้าก็ถูกไล่ออกเนื่องจากอันดับของทีมหล่นมาอยู่โซนตกชั้น เอียน ดาวี่ รับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อ และพาทีมชนะเวสต์แฮมในการเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่แค่เพียงฤดูกาลเดียวพวกเค้าก็ตกชั้นอีกครั้งหลังจากเสมอกับชาร์ลตัน แอตเลติคในนัดสุดท้ายของฤดูกาล
หลังจากทีมตกชั้น ไซมอน จอร์แดน ไม่สามารถบริหารการเงินให้กับสโมสรได้ ทำให้สโมสรไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ ทางสมาคมฟุตบอลลีกจึงตัดคะแนน 10 คะแนน และเข้ามาบริหารจัดการและบีบให้ทีมขายนักเตะคนสำคัญอย่าง วิคเตอร์ โมเสส และ โจเซ่ ฟอนเต้ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ผู้จัดการทีมอย่างนีล วอร์นอค์กลาออกในปี ค.ศ.2010 หลังจากเข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี ค.ศ.2007 ปีเตอร์ เทย์เลอร์ก็เข้ามาคุมทีมต่อในระยะเวลาสั้นๆ แล้วพอล ฮาร์ตก็เข้ามาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล ซึ่งผลเสมอนัดสุดท้ายกับเชฟฟิลด์ เว้นเดย์ 2-2 ก็ส่งให้พวกเค้าตกชั้นในที่สุด
ในช่วงปิดฤดูกาล 2010 กลุ่มแฟนบอลได้ระดมทุนและเข้าเจรจาขอซื้อสโมสร นำโดย สตีฟ พาริช แกนนำกลุ่ม สตีเฟ่น บราวเวตต์,เจเรมี โฮสกิ้ง และมาร์ติน ลอง และรณรงค์การทวงสิทธ์พื้นที่สนามคืนจากธนาคารลอยด์ให้ขายคืนสโมสรอีกด้วย หลังจากนั้นได้แต่งตั้ง จอร์จ เบอร์ลีย์เป็นผู้จัดการทีม แต่ผลงานของทีมก็ไม่ดีขึ้นยังอยู่อันดับตอนล่างของตาราง วันที่ 1 มกราคม 2011 หลังจากพ่ายต่อ มิลล์วอลล์ 0-3 เบอร์ลีย์ก็ถูกไล่ออก และผู้ช่วยของเค้าชื่อดอกี้ ฟรีแมน ก็ขึ้นมารักษาการณ์แทนและได้รับสัญญาเต็มเวลาในวันที่ 11 มกราคม 2011 วันที่ 30 เมษายน พาเลซรอดสามารถเสมอกับฮัลล์ซิตี้ 1-1 ทำให้พวกเค้าอยู่ในโซนปลอดภัยจากการตกชั้นแม้จะมีเกมส์เหลืออีก 1 เกมส์ก็ตาม
หลังจากนั้น 1 ปีครึ่ง ในวันที่ 30 ตุลาคม 2012 ฟรีแมนก็ย้ายไปคุมทีมโบลตัน วันเดอร์เรอร์ เดือนพฤษจิกายนปีเดียวกัน เอียน ฮอลโลเวย์ เข้ามาคุมทีมและสามารถพาทีมเข้ารอบเพลย์ออฟนัดชิงที่เวมบลีย์ และเอาชนะวัตฟอร์ต 1-0 กลับขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในรอบ 18 ปี แต่เค้าก็ลาออกในเดือนตุลาคม 2013 โทนี่ พูลิสได้เข้ามาคุมทีมสั้นๆ ต่อด้วย เนล วอร์นอค์ก เข้ามาคุมทีมต่อแต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก อดีตนักเตะเก่าของทีม อลัน พาร์ดิวเข้ามาคุมทีมในเดือนมกราคม 2015 เพียงแค่ฤดูกาลแรกเค้าก็พาทีมเข้าชิงเอฟเอคัพ ก่อนจะพ่ายให้กับแมนเชอสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เดือนธันวาคม 2016 พาร์ดิวก็ถูกไล่ออกและแทนที่ด้วย แซม อัลลาไดค์ ผู้ช่วยให้ทีมอยู่ในพรีเมียร์ลีกได้ต่อ แต่อยู่ๆวันที่ 26 มิถุนายน 2017 เค้าก็ลาออก
พาเลซแต่งตั้งผู้จัดการทีมใหม่ซึ่งเป็นคนต่างชาติคนแรกคือ แฟรง เดอ บัวร์ อดีตนักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งคุมทีมได้แค่ 77 วันก็ถูกไล่ออกเนื่องจากการทำทีมแพ้ 4 นัดรวดในฤดูกาล 2017-2018 พาเลซก็แต่ตั้ง รอย ฮอดก์สัน เป็นผู้จัดการทีมต่อถึงปัจจุบัน