บรูโน่ มิเกล บอร์เกส แฟร์นานเดส (Bruno Miguel Borges Fernandes) หรือ บรูโน่ เฟอร์นานเดส (Bruno Fernandes) เกิดวันที่ 8 กันยายน 1994 สัญชาติโปรตุเกส ความสูง 179 เซนติเมตร หรือ 5 ฟุต 10 นิ้ว เล่นตำแหน่งกองกลาง เริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลข้างถนนกับเพื่อนๆ แถวในหมู่บ้าน ต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเบาวิสต้า และในที่สุดก็เข้าไปเป็นนักเตะฝึกหัดหรือนักเตะเยาวชนในอคาเดมี่ของสโมสรตั้งแต่อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นสโมสรบ้านเกิดของเจ้าตัวเอง
ด้วยความต้องการของบรูโน่ที่อยากจะพัฒนาฝีเท้าและอยากจะเก่งกาจระดับโลกเหมือนกับฮีโร่ประจำตัวของบรูโน่เองอย่าง หลุยส์ คอสต้า จึงได้ตัดสินใจย้ายออกจากเบาวิสต้าไปอยู่กับสโมสรโนวาร่า ในปี ค.ศ. 2012 ในตอนนั้น บรูโน่ มีอายุเพียง 17 ปี แล้วก่อนหน้าที่อยู่เบาวิสต้าก็ไม่เคยถูกผลักดันขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่เลย จากการย้ายมาโนวาร่า ทำให้ บรูโน่ ได้ขึ้นไปเล่นชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเส้นทางการค้าแข้งฟุตบอลอาชีพ และบรูโน่ก็ได้พิสูจน์ฝีเท้าตัวเองออกมาด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม จนพาโนวาร่าจบในอันดับที่ 5 และเกือบจะพาโนวาร่าขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดหรือ เซเรียอา อิตาลี่ ได้ หลังจากจบฤดูกาลดังกล่าว บรูโน่ ก็ไดรับความสนใจจากหลายสโมสรที่อยู่บนลีกสูงสุด และ 1 ในนั้นก็คือสโมสรอูดิเนเซ่
ด้วยความท้าทายใหม่ บรูโน่เลือกที่จะไม่ปิดกั้นโอกาส เลยได้มาอยู่กับ อูดิเนเซ่ ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 พร้อมกับลงสนามเกมแรกอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนที่การแข่งขันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ 3 ประตูต่อ 0 ซึ่งในเกมนั้น บรูโน่ ถูกส่งลงเล่นครึ่งหลังในฐานะตัวสำรอง หลังจากนั้นบรูโน่ก็ฝึกซ้อมและฝึกทักษะอย่างหนักและก็เพิ่มสกิลฝีเท้าจากการซับไกลด้วย จนในที่สุดบรูโน่ก็สามารถทำประตูแรกในถิ่น สตาดิโอ ฟรีอูลี ได้ตามเป้าหมาย ในเกมที่พบกับ นาโปลี แล้วผลการแข่งขันเกมนั้นก็จบไปแบบสนุกสุดมันส์ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 3 ต่อมาบรูโน่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรได้สำเร็จพร้อมกับยึดตำแหน่งตัวจริงได้ตลอด นอกเหนือจากนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นกับการบัญชาเกมแดนกลาง แล้วก็ใช้เวลาอยู่กับ อูดิเนเซ่ นานถึง 3 ปี ก่อนที่จะได้รับขอเสนอจากทีมดังอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากที่ชื่อเสียงของบรูโน่เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนบอลและเฮดโค้ชสโมสรอื่น พร้อมกับถูกสื่อหลายสำนักพูดถึงอย่างต่อเนื่องในเรื่องผลงาน จนท้ายที่สุดก็เป็น ซามพ์โดเรีย ที่ให้ความสนใจมากที่สุด เลยยื่นข้อเสนอซื้อตัวแบบไม่รีรอ แล้วทางบรูโน่เองก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน ก่อนที่จะเลือกซบตามความคาดหมาย การย้ายเข้ามาสโมสรซามพ์โดเรีย บรูโน่ ได้เลือกหมายเลข 10 บนสีเสื้อตัวเอง ซึ่งเป็นเบอร์ในตำนานของสโมสรอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ และก็เป็นหมายเลขเดียวกันกับไอดอลประจำอย่าง หลุยส์ คอสต้า นอกจากนั้นยังได้สวมหมายเลขนี้บนสีเสื้อทีมชาติโปรตุเกสด้วย แล้วบรูโน่ก็ใช้เวลาปรับตัวเข้ากับแท็กติกการเล่นและสไตล์การเล่นเพื่อนร่วมทีมได้ไม่นานก็สามารถเข้าขาและรู้ใจกันเป็นอย่างดี และบรูโน่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่เกมก็สามารถประเดิมประตูแรกในสีเสื้อของซามพ์โดเรียได้สำเร็จ ต่อมาก็ระเบิดฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาเรื่อยๆ และนี่ก็ถูกยกให้เป็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่บรูโน่เข้าสู่เส้นทางอาชีพนักฟุตบอล หลังจากนั้นไม่นาน บรูโน่ ก็กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมอีกครั้ง จากความสนใจของสโมสรบ้านเกิดอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ต้องการเสริมด่วน
หลังจากจบฤดูกาล 2016-2017 ทางสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ทุ่มเงินจำนวน 8.5 ล้านยูโร หรือประมาน 7.35 ล้านปอนด์ ให้กับซามพ์โดเรียทันทีกับการคว้าตัวบรูโน่ ในวัย 23 ปี พร้อมบวกออฟชั่นค่าฉีกสัญญาที่สูงถึง 100 ล้านยูโร หรือประมาน 86.5 ล้านปอนด์บรูโน่ สามารถพัฒนาศักยภาพตัวเองจนสามารถขึ้นมาเป็นกำลังของยอดทีมแนวหน้าระดับประเทศอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำสถิติการลงเล่น 33 เกม และอีก 11 ประตู ให้กับสโมสร นอกเหนือจากนี้ยังคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนได้ถึง 5 ครั้ง โดยที่ 3 ครั้งดังกล่าวสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนควบคู่ไปด้วย และยังมีรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของซูเปอร์ลีกา รวมถึงติดทีมยอดเยี่ยมของซูเปอร์ลีกาและทีมยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า ยูโรป้าลีกอีก จนมาถึงช่วงเปิดตลาดนักเตะในปี 2018 จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นตลอดกาลของ บรูโน่ ทำให้สะดุดตากุนซือใหญ่ อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แล้วทาง ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็มีความต้องการที่จะเสริมทัพด่วน เลยได้ยื่นข้อเสนอเข้ามา แต่ในช่วงเวลานั้นต้นสังกัดเก่าอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ยังคงต้องการที่จะรั้งบรูโน่ให้อยู่ช่วยสโมสรต่ออีก 1 ปี แล้วบรูโน่เองก็รับปากที่กับทาง สปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นที่เรียบร้อย แต่ด้วยสถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกแย่ลงทุกสัปดาห์ จนทำให้บอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เร่งปิดดีลบรูโน่ด่วน แล้วท้ายที่สุด บรูโน่ ก็ตัดสินใจย้ายทันทีตามข้อเสนอ ถึงจะมีสัญญาส่วนตัวกับต้นสังกัดอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ทั้งสองฝ่ายก็แยกทางกันโดยดี
ในวันที่ 29 มกราคม 2020 บอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการกับการบรรลุตกลงกับสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในการคว้าตัว บรูโน่ เฟอร์นานเดส ด้วยที่ค่าตัวเบี้องต้นอยู่ที่ 47 ล้านปอนด์ หรือประมาน 1,880 ล้านบาท รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ อีก 67.6 ล้านปอนด์ หรือประมาน 2,704 ล้านบาท หลังจากนั้น บรูโน่ ก็ได้ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อ ในงานเปิดตัวกับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่า “ตัวผมเริ่มหลงไหลและเริ่มรักสโมสรแห่งนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมได้รับชมผลงานรุ่นพี่ของผมอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้ลงเล่นกับสโมสร และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็กลายมาเป็นแฟนตัวยงของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที” บรูโน่ เฟอร์นานเดส ได้กล่าวต่อ “สำหรับผมแล้วการที่ได้ลงเล่นให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นเกียรติต่อตัวผมเองและเป็นความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากกับการย้ายเข้ามา แล้วผมก็จำเป็นที่จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสโมสร ไม่ว่ายังไงผมก็ขอสัญญากับแฟนบอล เรด เดวิลส์ ว่าผมจะทุ่มเททุกอย่างให้กับสโมสรแห่งนี้ เพื่อให้ทีมกลับมาประสบความสำเร็จและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่กล่าวมา เพราะบรูโน่กลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจน นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีม ผลงาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็โดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วผลงานส่วนตัวของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส เองก็เป็นที่ยอมรับของเหล่าสตาร์ทโค้ชและเพื่อนร่วมทีม รวมถึงแฟนบอลทั่วสนามด้วย
บรูโน่ เฟอร์นานเดส เริ่มก้าวเข้ามาติดทีมชาติโปรตุเกสรุ่นเล็กทุกชุด ไล่เรียงจาก อายุไม่เกิน 19 ปี หรือ U19, อายุไม่เกิน 20 ปี หรือ U20, อายุไม่เกิน 21 ปี หรือ U21, และอายุไม่เกิน 23 ปี หรือ U23 ด้วยมีทักษะส่วนตัวที่น่าจดจำเป็นอย่างมาก คือ การโชว์ทักษะฝีเท้ากับทีมชาติชุดเยาวชน จนได้รับบทบาทเป็นตัวคุมทัพจังหวะเกมแดนกลาง พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 10 ในนามทีมชาติตอนเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพด้วย ซึ่งในทัวร์นาเม้นนั้น บรูโน่ สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยมตามสไตล์การเล่นของตัวเอง จนมาถึงปี 2017 บรูโน่ ก็ถูกเรียกขึ้นไปติดทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ ด้วยการมีวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลที่กว้างไกลและแม่นยำ บวกกับการเคลื่อนที่สอดแทรกจากแดนกลางขึ้นมาแดนหน้าได้รวดเร็วและยังสามารถเอาตัวรอดจากการครอบครองบอลในพื้นที่แคบได้ด้วย รวมถึงลูกทีเด็ดที่เผด็จศึกคู่แข่งด้วยการสังหารไกล ทำให้ บรูโน่ ได้รับความไว้วางใจจากการเล่นลูกเซ็ตพีช หรือ ลูกนิ่ง และก็กลายเป็นกำลังหลักของทีมชาติโปรตุเกสชุดปัจจุบัน
สำหรับเส้นทางชีวิตนอกสนามของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส นั้น ไม่ได้หวือหวาหรือมีข่าวเสียหายอะไรเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเลย ด้วยที่สถานะความรักของบรูโน่นั้นแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ฝากความเสียใจถึงแฟนคลับสาวๆ ด้วยละกัน) โดยที่เจ้าตัวมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และภรรยาของบรูโน่ชื่อว่า “เอน่า ปินโญ่” (Ana Pinho) แต่งงานกันในปี 2015 พร้อมกับมีพยานรักสำคัญอย่างลูกสาวสุดที่รักที่ชื่อว่า “มาทิลด์” (Matilde) ที่กำเนิดเกิดขึ้นในวันที่ 31 มกราคม 2017 และนับตั้งแต่ที่บรูโน่ตกลงปลงใจกับเอน่า ทั้งคู่ก็ชีวิตแบบเรียบง่าย ไร้ความขัดแย้งใดๆต่อกัน ถือว่าเป็นครอบครัวที่แฮปปี้ดี แล้วเวลาว่างบรูโน่มักจะเล่นกันสนุขคู่ใจที่เลี้ยงไว้