Borussia VfL 1900 Mönchengladbach eV ที่รู้จักกันทั่วไปว่า โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค หรือเรียกสั้นๆว่า กลัดบัค เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่อยู่ในเมืองมึนเช่นกลัดบัค นอร์ทไรน์เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันแข่งในบุนเดสลีกา ลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศเยอรมนี สโมสรแชมป์ฟุตบอลลีก 5 ครั้ง,DFB-Pokal 3 ครั้ง และยูฟ่า ยูโรป้าลีก 2 ครั้ง สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1900 ที่มีชื่อมาจากภาษาละติน ซึ่งเป็นชื่อที่นิยมสำหรับสโมสรในเยอรมันในอดีต เข้าร่วมในบุนเดสลีกาในปี ค.ศ.1965 ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 ซึ่งภายใต้การคุมทีมของของ เฮนเนส ไวสวีเลอร์ พวกเขาได้แชมป์ลีก 5 ครั้ง กลัดบัคยังได้รับรางวัลแชมป์เปี้ยนในถ้วยยูฟ่า คัพ 2 ครั้ง
ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 ทีมได้แข่งที่ โบรุสเซีย พาร์ค ก่อนหน้านี้ที่แข่งที่ Bökelbergstadion ตั้งแต่ ค.ศ.1919 เป็นสโมสรที่มีสมาชิกมากเป็นอันดับ 5 ในประเทศเยอรมนีที่มีมากกว่า 75,000 คน คู่แข่งหลักคือ เอฟซี โคโลญน์
ผู้ก่อตั้งสโมสรโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เป็นกลุ่มของผู้แข่งที่ออกจากสโมสรกีฬาเยอร์มาเนีย แล้วมาก่อตั้งสโมสรใหม่ใน 17 พฤศจิกายน 1899 หลังจากนั้นปี ค.ศ.1900 ที่ห้องอาหาร Anton Schmitz บนถนน Alsstraße ในย่าน Eicken ของมึนเช่นกลัดบัค ได้ก่อตั้งสโมสรใหม่ในชื่อ เอฟซี โบรุสเซีย ปีค.ศ.1912 ทีมอยู่ใน เวอร์บานด์สลีกา เดือน มีนาคม 1914 สโมสรซื้อ เด คัลล์ พื้นที่ซึ่งจะสร้างสนาม Bökelbergstadion แต่สงครามโลกครั้งที่ 1 หยุดความคืบหน้าของทั้งการสร้างสนามกีฬาและสโมสรฟุตบอลโบรุสเซีย แต่ในช่วงปลาย ค.ศ.1917 ทีมก็กลับมาอีกครั้ง ในปี ค.ศ.1919 เอฟซีโบรุสเซียรวมกับอีกสโมสรท้องถิ่น Turnverein Germania 1889 เป็น 1899 VfTuR M.Gladbach สโมสรประสบความสำเร็จครั้งแรกในปี ค.ศ 1920 โดยชนะ Kölner BC 3-1 ในรายการ Westdeutsche Meisterschaft รอบชิงชนะเลิศ หลังการรวมทีมของ Germania และโบรุสเซีย ได้ 2 ปี สโมสรก็เป็นที่รู้จักในชื่อ Borussia VfL 1900 eV M.Gladbach.
หลังจากนาซีมีอำนาจในปีค.ศ.1933 ระบบฟุตบอลลีกของเยอรมันก็ประกอบด้วย 16 ดิวิชั่น กลัดบัคพบว่าตัวเองแข่งอยู่ในลีกแรก Gauliga Niederrhein และต่อมาใน Bezirksklassen นอกจากนี้ขณะที่ภายใต้ลีกสาม กลัดบัคก็เซ็นสัญญาผู้แข่งต่างชาติคนแรก ไฮนซ์ ดิตเกนส์ ผู้แข่งทีมชาติลักเซมเบิร์กในโอลิมปิกปี 1936 หลังจากนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่สองแต่การแข่งยังคงเป็นปกติ ยกเว้นฤดูกาล 1944-1945
ในที่สุดมึนเช่นกลัดบัคก็กลับมาเล่นในเดือนมิถุนายนปี ค.ศ.1946 และได้เลื่อนชั้นไปแข่งใน Landesliga Niederrhein (ดิวิชั่นสองลีกภูมิภาค) ในปี ค.ศ.1949 เลื่อนชั้นไปแข่ง Oberliga West ปี ค.ศ.1950 หลังจากหลายปีของการเลื่อนชั้นและตกชั้น ฤดูกาล 1958-1959 กลัดบัคคว้าแชมป์ Oberliga ได้เป็นครั้งแรก
เดือนสิงหาคม 1960 มึนเช่นกลัดบัค แพ้ โคโลญน์ ในฟุตบอล เดอะ เวสต์ เยอรมัน คัพ และสัปดาห์ต่อมาสโมสรก็ได้แชมป์ DFB Pokal นับเป็นแชมป์ครั้งแรกที่พวกเค้าได้แชมป์ในระดับชาติ หลังจากที่เอาชนะ คาร์ลสรูห์ เอสซี 3-2 ปีต่อมาสโมสรใช้ชื่อ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค วีเอฟแอล ในฤดูกาล 1961-1962 หลังจบฤดูกาลใน Oberliga โบรุสเซีย ได้อันดับที่ 13 ในตาราง ในฤดูกาล 1962-1963 สโมสรหวังที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ DFB ซึ่งเริ่มต้นก่อตั้ง บุนเดสลีกา ในปีถัดไป เฮลมุท เบเยอร์ ประธานสโมสรที่อยู่ในตำแหน่งนี้มา 30 ปี ถูกแทนที่ด้วย เฮลมุท กราส์ฮอฟฟ์ ในเดือนกรกฎาคมปี 1962 กลัดบัคเซ็นสัญญา ฟริตซ์ แลงจ์เนอร์ โค้ชของทีมเวสต์ฟาเลีย เฮิร์น ที่ได้แชมป์ เดอะ เวสต์ เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ ในปี 1959 เป็นโค้ชคนใหม่ หลังจากนั้นสโมสรได้ขาย อัลเบิร์ต บรูล์ลสฟอร์ ด้วยค่าตัว 250,000 DM ให้กับทีมโมเดน่า ในอิตาลี เพื่อนำเงินที่ได้มาฟื้นฟูการเงินของสโมสร เฮลมุท กราส์ฮอฟฟ์ เงินที่ได้จากการขายในครั้งนี้ทำให้ แลงจ์เนอร์ ได้สร้างทีมใหม่ ด้วยการเซ็นสัญญานักเตะเข้ามาหลายคน ปีนั้นทีมคว้าแชมป์ เดอะ เวสต์ เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ ในเดือนเมษายนปี ค.ศ.1965 ทีมได้แชมป์ เรจินอลลิกา เวสต์ และสามารถเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จ
หลังได้สิทธิเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา ไวส์วีเลอร์ โค้ชของทีมมีความตั้งใจวางเป้าหมายความสำเร็จของทีในบุนเดสลีกา แต่สโมสรไม่มีนโยบายด้านการเงินในการซื้อผู้เล่น เค้าจึงหันมาพัฒนานักเตะเยาวชนที่มีแววดี และหมุนเวียนนักเตะในการลงเล่น ต่อมาทีมได้เซ็นสัญญา เบอร์ตี โวกต์ส และไฮนซ์ วิทต์แมนน์ เข้ามาสู่ทีม พวกเค้าลงเล่นในบุนเดสลีกกา เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1965-1966 พวกเค้าจบด้วยอันดับ 13 และฤดูกาล 1966-1967 พวกเค้าสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้สำเร็จ ด้วยความสำเร็จดังกล่าวทำให้นักเตะชั้นดีหลายคนย้ายออกจากทีม และทีมก็แก้ไขด้วยการซื้อนักเตะมาเสริมทีมทันที หลังจบฤดูกาล 1967-1968 พวกเค้าได้อันดับที่ 3 และกลัดบัคได้แต่งตั้งโค้ชคนใหม่อย่าง ฮอร์สต ค๊อปเปิล คุมทีมในฤดูกาลถัดไป
ในยุค 1970 เป็นช่วงที่สโมสรประสบความสำเร็จมากที่สุด ภายใต้การนำทีมของโค้ช เฮนเนส ไวส์วีเลอร์ ทีมพลังหนุ่มที่เล่นเกมส์บุกเป็นหลัก จนเป็นที่ถูกใจของบรรดาแฟนบอลเป็นอย่างมาก ได้แชมป์ลีก 5 ครั้ง มากกว่าทีมใดๆในช่วงเวลานั้น หลังจากทีมได้อันดับที่ 3 ของตารางคะแนน ไวส์วีเลอร์ได้ซื้อผู้เล่นเสริมมากมาย จนทำให้พวกเค้าคว้าแชมป์ได้ในวันที่ 30 เมษายน 1970 เมื่อเอาชนะฮัมบูร์กได้ในนัดที่ 33 ของฤดูกาล และพวกเค้าทำประตูแรกในการลงเล่นระดับยุโรปได้จาก เฮอร์เบิร์ต ลูเมน ทำประตูแรกในนัดที่ทีมเอาชนะ อีพีเอ ลาร์นากา 6-0 ในการแข่งขันยูโรเปี้ยนคัพ ฤดูกาล 1970-1971 พวกเค้าได้แชมป์บุนเดสลีกาอีกครั้ง และเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ วันที่ 7 เมษายน 1975 กลัดบัคลงแข่งนัดแรกในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ พบกับทีม ทเวนเต้ เอนส์เชเด้ นัดแรกเสมอกัน 0-0 และนัดที่สอง วันที่ 25 เมษายน 1975 กลัดบัคเอาชนะได้ 5-1 ทำให้ทีมได้แชมป์ยูฟ่า คัพ เป็นการชนะในระดับนานาชาติครั้งแรกของสโมสร อูโด เลตเทค เข้ามาคุมทีมแทน ไวส์วีเลอร์ ในฤดูกาล 1975-1976 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ โดยฤดูกาลนั้นพวกเค้าชนะถึง 20 นัด ฤดูกาล 1976-1977 ทีมป้องกันแชมป์ได้อีกครั้งและ อัลลัน ซิมอนเซ้น ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป และคว้ารางวัลบัลลงดอร์ มาครอง เดือนมีนาคม 1977 พวกเค้าแพ้ลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยนคัพ และทำสถิติเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ถึง 4 ครั้งโดยได้แชมป์ในปี 1975 และ 1979 และได้รองแชมป์ในปี 1973 และ 1980 วันที่ 9 พฤษภาคม 1979 หลังจาก เลตเทค คุมทีมแล้วผลงานไม่ดีนัก สโมสรจึกได้แต่งตั้งจุปป์ ไฮน์เกส เข้ามาแทนที่ ฤดูกาลนั้นทีมจบที่อันดับ 7 และป้องกันแชมป์ยูฟ่า คัพได้อีกด้วย
หลังเริ่มยุค 1980 ความรุ่งเรืองของสโมสรกฟ็หายไป ถูกแทนที่ด้วยทีมบาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาล 1986-1987 จุปป์ ไฮน์เกส ย้ายไปคุมทีมบาร์เยิร์น มิวนิค และเป็น โวล์ฟ แวร์เนอร์ มาคุมทีมแทน ประกฎว่าจบฤดูกาลพวกเค้าได้อันดับที่ 3 ถือเป็นยุคสิ้นสุด การใช้โค้ชยาวนาน โดย 23 ปีก่อนหน้าพวกเค้าใช้โค้ชแค่ 3 คน แต่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1987 ถึง 2008 พวกเค้าใช้โค้ชถึง 16 คน ต้นปี 1990 ทีมทำผลงานได้ตกต่ำอย่างมาก ฤดูกาล1989-1990 พวกเค้าตกชั้นไปแข่งในบุนเดสลีกา 2
ช่วงนี้เป็นช่วงที่สโมสรขึ้นๆลงๆระหว่างบุนเดสลีกา และบุนเดสลีกา2 ต่อมาทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ได้มีการแก้ไขสถานการณ์ด้านการเงินของสโมสร โดยการสร้างสนามแห่งใหม่ที่มีความจุกว่า 59,771 ที่นั่ง สำหรับแข่งขันในลีก และปรับเป็น 46,249 ที่นั่ง สำหรับการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยสนามมีการเปิดใช้ในปี ค.ศ.2004 และพวกเค้าได้เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในบุนเดสลีกาได้อีกครั้งหลังจบฤดูกาล 2007-2008
หลังเลื่อนชั้นขึ้นมาในบุนเดสลีกาในรอบนี้ สโมสรก็ไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆอีกเลย ผลงานของทีมอยู่ระหว่างกลางของตารางและบอกปีก็ต้องลุ้นหนีตกชั้น แต่ก็รอดกลับมาได้ โดยผลงานที่ดีที่สุดในช่วงนี้คือการได้รองแชมป์ DFB Pokal ในฤดูกาล 2016-2017
ช่วงนี้สโมสรได้ทำสถิติซื้อขายนักเตะค่าตัวมหาศาล เริ่มด้วยการขาย มาเทียส กุนเทอร์ ให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนที่ราคา 17 ล้านยูโร หลังจบฤดูกาล 2017-2018 ทีมได้อันดับที่ 9 ไม่ได้ลงแข่งรายการยุโรป เดือนกรกฎาคม 2018 กลัดบัคทุ่มเงินกว่า 23 ล้านยูโร ในการคว้ากองหน้าจากทีม นีซ มาร่วมทีม คือ อเลสซาเน่ พลีอา และใน DFB คัพ รอบแรก กลัดบัค ชนะต่อ บีเอสซี ฮาสตัดต์ 11-1 เป็นสถิติการชนะสูงสุด สูงกว่าที่ทีมเคยชนะ เอฟซี เวียเซ่น 8-1 ในฤดูกาล 1977-1978