วิลเลี่ยน (Willian) ชื่อเต็ม วิลเลี่ยน บอร์เกส ดา ซิลวา (Willian Borges da Silva) เกิดวันที่ 9 สิงหาคม 1988 ที่รัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล สูง 175 เซนติเมตร ถนัดเท้าขวา เล่นตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งขวา, กองกลางตัวรุก และกองหน้า เริ่มต้นจากการนักเตะอคาเดมี่ของสโมสรโครินเธียนส์ตั้งแต่อายุ 10 ปี ก่อนที่จะพัฒนาตัวเองและก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในปี 2006 พร้อมกับสวมหมายเลข 10 วิลเลี่ยนลงเล่นให้กับสโมสรโครินเธียนส์ชุดใหญ่ไปทั้งหมด 16 เกม แล้วก็ทำได้ 2 ประตู
หลังจากนั้น ชักตาร์ โดเน็ตส์ ก็ยื่นข้อเสนอขอซื้อ วิลเลี่ยน ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ หรือประมาน 578 ล้านบาท กับสัญญา 5 ปี แล้วทางสโมสรต้นสังกัดอย่างโครินเธียนส์ก็ตกลงกับข้อเสนอนี้ เลยทำให้ วิลเลี่ยน โยกย้ายไปเล่นให้กับสโมสรแนวหน้าของประเทศยูเครนในวันที่ 23 สิงหาคม 2007 พร้อมกับประเดิมสนามเกมแรกไปอย่างราบรื่น ในฐานะทีมตัวสำรอง หลังจบเกมต้นสังกันใหม่อย่าง ชักตาร์ โดเน็ตส์ ก็คว้าชัยชนะได้สำเร็จ นับว่าเป็นการเปิดตัวที่เอาฤกษ์เอาชัยเลยทีเดียว ช่วงฤดูกาล 2008-2009 วิลเลี่ยน ได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีมให้ลงเกมซุเปอร์คัพในช่วงครึ่งหลังก่อนที่จะเอาชนะจุดโทษ ดินาโม เคียฟ ไปได้ และในวันที่ 27 สิงหาคม 2008 วิลเลี่ยน ก็สามารถทำประตูได้ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เอาชนะ ดินาโม ซาเกร็บ ไป 3 ประตูต่อ 1 หลังจากจบฤดูกาล วิลเลี่ยน ลงสนามทั้งหมด 52 เกม และสามารถทำประตูได้ 8 ประตู ส่วนประตูแรกของวิลเลี่ยน ในฤดูกาล 2009-2010 มาจากเกมที่ถล่ม ดนิสเตอร์ โอวิดิโอโพล ไปแบบกระจุยกระจายด้วยสกอร์ 6 ประตูต่อ 1 และฤดูกาลนั้นวิลเลี่ยนก็ทำไปได้ทั้งหมด 7 ประตู จากการลงสนาม 39 เกม มิน่ำซ้ำยังคว้าแชมป์ ยูเครน พรีเมียร์ลีก กับ ชักตาร์ โดเน็ตส์ ได้เป็นสมัยแรก ในฤดูกาล 2010-2011 วิลเลี่ยนยังเฉิดฉายฟอร์มการเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยประตูแรกของฤดูกาลมาจากเกมที่ถล่ม ทาฟริย่า ซิมเฟโรโพล ไป 7 ประตูต่อ 1 ในรายการซุเปอร์คัพ แล้วเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่พบกับโรม่า วิลเลี่ยนก็เหมาคนเดียว 2 ประตู หลังจากจบฤดูกาล วิลเลี่ยนทำไปทั้งหมด 8 ประตูจากการลงสนาม 43 เกม และยังคว้าทริปเบิ้ลแชมป์อีกด้วย ทั้ง ยูเครน พรีเมียร์ลีก, ยูเครเนี่ยน คัพ และซุเปอร์คัพ สำหรับฤดูกาล 2011-2012 ต้องรอนานถึง 4 เกมกว่าจะได้ลงสนามในเกมที่พบกับ โวลิน ลุตส์ค และก็ได้ลงมาเล่นในฐานะทีมตัวสำรองด้วย แต่ท้ายที่สุด วิลเลี่ยน ก็พา ชักตาร์ โดเน็ตส์ เอาชนะได้สำเร็จ ส่วนช็อตเด็ดในฤดูกาลนี้คือเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับทีมยักษ์ใหญ่จากประเทศอังกฤษอย่างเชลซี ถึงแม้จะเป็นความพ่ายแพ้ของ ชักตาร์ โดเน็ตส์ แต่เกมนั้น วิลเลี่ยน ทำคนเดียว 2 ประตูอีกครั้ง เลยทำให้สกอร์การแข่งขันจบลงที่ 3 ประตูต่อ 2 ด้วยทักษะการครองบอลสไตส์บราซิลเลี่ยน รวมถึงความสามารถเฉพาะตัวและความคิดสร้างสรรค์ในการปั่นป่วนแนวรับคู่แข่ง ทำให้ช่วงเวลาที่อยู่กับสโมสร ชักตาร์ โดเน็ตส์ วิลเลี่ยนคว้าแชมป์มากมาย หลังจากจบฤดูกาล 2012-2013 วิลเลี่ยน ก็ได้ย้ายไปร่วมทัพกับสโมสร อันจิ มาคัชคาล่า ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร หรือประมาน 1,247 ล้านบาท แล้ววิลเลี่ยนก็ยังได้สวมหมายเลข 10 เหมือนเดิม พร้อมกับลงเล่นให้กับ อันจิ มาคัชคาล่า ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกทั้งหมด 11 เกม กับอีก 1 ประตู
ในวันที่ 28 สิงหาคม 2013 ทางสโมสรยักษ์ใหญ่จาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง เชลซี ได้ยื่นข้อเสนอซื้อตัว วิลเลี่ยน ในราคา 32 ล้านปอนด์หรือประมาน 1,328 ล้านบาท เป็นระยะเวลาสัญญา 5 ปี พอเข้าสู่สโมสรเชลซี วิลเลี่ยนก็สวมหมายเลข 22 และประเดิมสนามเกมแรกที่พบกับบาเซิ่ลในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก การย้ายมาอยู่กับต้นสังกัดใหม่ในช่วงแรก วิลเลี่ยน นิ่งขรึมและเงียบไปบ้าง แต่วิลเลี่ยนก็สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีเหมือนเดิม จนกลายเป็น 1 ในนักเตะตัวหลักของสโมสร แล้วประตูที่ 2 ของเจ้าตัวก็มาในเกมที่พบกับเซาแธมป์ตัน ซึ่งประตูนั้นเป็นลูกยิงอันสุดสวยนอกกรอบเขตโทษ ทำให้เกมดังดล่าวถล่มไป 3 ประตูต่อ 0 ในฤดูกาล 2014-2015 วิลเลี่ยน ลงเล่นในฐานะทีมตัวจริง ด้วยความสามารถในการอ่านเกม ทำให้วิลเลี่ยนมีการประสานงานกับ เชสก์ ฟาเบรกัส, เอเด็น อาซาร์ และออสการ์ ได้เป็นอย่างดี แล้วเกม แคปปิตอล วัน คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่พบกับสเปอร์ส วิลเลี่ยน ก็ปั่นลูกฟรีคิกสุดสวยให้กับทีมได้ด้วย ก่อนที่ จอห์น เทอร์รี่ จะมาทำประตูสำคัญ ทำให้ วิลเลี่ยน คว้าแชมป์กับเชลซีได้สำเร็จ ในช่วงฤดูกาล 2015-2016 เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ยากลำบากมาก เนื่องจากเกิดความขัดแย้งภายในทีม ในกรณีที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่ว่า วิลเลี่ยน ก็ยังเป็น 1 ในนักเตะที่ยังสามารถโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมาได้ดีอย่างต่อเนื่อง แล้ว 6 ประตูของเจ้าตัวก็มาจากการยิงลูกฟรีคิกทั้งหมด แถมยังสามารถทำประตูจากการยิงลูกโอเพ่นเพลย์ และยิงเสียบมุมเสาไปตุงตาข่าย จนทำให้เชลซีเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปได้ในฤดูกาลนั้น นอกจากนี้ วิลเลี่ยน ยังกลายเป็นนักเตะที่ได้ลงสนามมากที่สุดตลอดฤดูกาล 2015-2016 แล้วยังสามารถทำประตูสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของสโมสรได้ด้วย จากการทำ 11 ประตู รวมถึงช่วงท้ายฤดูกาล วิลเลี่ยนก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองได้สำเร็จ จากการโหวดของเหล่าแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม
ช่วงฤดูกาล 2016-2017 วิลเลี่ยน เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทางต้นสังกัดเป็นระยะเวลา 4 ปี ในเดือนกรกฎาคม 2016 วิลเลี่ยน ทำประตูได้ในเกมที่เอาชนะเบิร์นลี่ย์ และเกมที่พบกับ ฮัลล์ ซิตี้ ในเดือนตุลาคม แต่ถึงอย่างไรแล้ว วิลเลี่ยน ก็ต้องหยุดพักการเล่นไปช่วงเวลานั้น เนื่องจากแม่ของวิลเลี่ยนเสียชีวิต ทำให้เปโดรได้ลงเล่นแทน แล้ววิลเลี่ยนก็ได้กลับมาลงเล่นอีกครั้งในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และก่อนหน้านั้นวิลเลี่ยนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครบ 100 เกมในเกมที่พบกับลิเวอร์พูลเมื่อเดือนกันยายน 2016 และเกมที่ 150 ทั้งหมดทุกรายการในเกมที่พบสเปอร์ส ในช่วงท้ายฤดูกาล วิลเลี่ยน ทำเพิ่มได้อีก 2 ประตู รวมถึงลูกฟรีคิกสุดสวยในเกมเอฟเอคัพที่พบกับสเปอร์ส ถึงแม้ วิลเลี่ยนจะลงสนามน้อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็สามารถทำประตูได้มากสุดถึง 12 ประตู ในช่วงฤดูกาล 2017-2018 ไม่มีนักเตะคนไหนได้ลงสนามมากกว่าวิลเลี่ยนเลย เพราะวิลเลี่ยนลงสนาม 56 เกม จากการแข่งขันทั้งหมด 59 เกมในฤดูกาลนั้น แต่การที่ผู้จัดการทีมนำแผน 3-5-2 มาใช้งาน วิลเลี่ยนมักจะถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรแล้ว วิลเลี่ยน ก็ทำได้ 13 ประตู โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมทำไป 5 ประตูจากการลงสนาม 5 เกม แล้วเกมที่เอาชนะไบรท์ตันได้ ประตูของ วิลเลี่ยน กลายเป็นประตูสุดสวยอีก 1 ประตู และได้รับรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลนั้นด้วย ในฤดูกาล 2018-2017 ประตูแรกของวิลเลี่ยนมาจากการปั่นบอลโค้งเข้าตุงตาข่ายในเกมที่เอาชนะคาร์ดิฟฟ์ 4 ประตูต่อ 1 ไม่กี่วันต่อมาเจ้าตัวก็ทำประตูในเกมยูโรป้าลีกได้อีก ซึ่งเกมนั้น วิลเลี่ยน ได้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมเชลซีเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย แล้วทางด้าน วิลเลี่ยน มักจะถูกเปลี่ยนตัวกับ เปโดร และ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย บ่อย แต่รวมแล้วเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 56 เกมในทุกรายการ และก็ลงเล่นเกมยูโรป้าลีกทุกเกม พร้อมกับคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกกับทางโมสรเชลซีเป็นครั้งแรกด้วย นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ช่วงฤดูกาล 2019-2020 ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด วิลเลี่ยนโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมออกมาได้หลายครั้งหลายคราว ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเตะดาวรุ่งหลายคน แลเวก็ได้ลงเล่นตำแหน่งแนวรุกตัวริมฝั่งขวาเป็นหลัก และขยับขึ้นมาเป็นผู้สร้างสรรค์เกมแทนที่ เอเด็น อาซาร์ ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แล้วก็ทำได้ 2 ประตู ในเกมที่พบสเปอร์ส เลยทำให้วิลเลี่ยนและสโมสรเชลซีสามารถคว้าชัยในสนามเหย้าใหม่ของสเปอร์สได้เป็นครั้งแรก
วิลเลี่ยน ลงเล่นในนามทีมชาติบราซิล ตั้งแต่ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี, ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี และชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี และยังได้รับโอกาสลงเล่นในรายการฟุตบอลโลก 2007 ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีด้วย ใรปี 2011 วิลเลี่ยน มีชื่อติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในเกมกระชับมิตรที่พบกับทีมชาติกาบอง แล้ววิลเลี่ยนก็สามารถทำประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จ ต่อมาในปี 2015 และ 2016 วิลเลี่ยน ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติในรายการโกปาอเมริกาทั้ง 2 ปี ส่วนช่วงปี 2018 วิลเลี่ยน ได้ลงเล่นในรายการที่ใหญ่ที่สุด คือฟุตบอลโลก 2018 และเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ แต่ก็จบด้วยการคว้าอันดับที่ 3 หลังจากเอาชนะยอดทีมแกร่งอย่างทีมชาติเบลเยี่ยมไม่ได้