อาร์เซน่อล : Arsenal

ประวัติสโมสรอาร์เซน่อล
อาร์เซน่อล (Arsenal) ชื่อเต็มว่า (Arsenal Football Club) หรือเรียกกันในนามฉายาว่า “ปืนใหญ่” เริ่มก่อตั้งสโมสรตอนเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1889 จากกลุ่มคนในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ ในช่วงแรกได้ใช้ชื่อสโมสรว่า ไดอัล สแควร์ (Dial Square) แล้วลงแข่งขันอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับ อีสเทิร์น วันเดอเรอร์ ซึ่งเกมนั้น ไดอัล สแควร์ ถล่มประตูไปแบบขาดลอย นับว่าเป็นชัยชนะครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา แล้วก็มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น รอยัล อาร์เซน่อล (Royal Arsenal) ในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1886 ช่วงนั้นยังเป็นสโมสรสมัครเล่นที่ลงแข่งขันอยู่ระดับท้องถิ่น ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อมาเป็น วูลวิช อาร์เซน่อล (Woolwich Arsenal) ในช่วงที่สงครามโลกสงบลงทาง วูลวิช อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้เข้าร่วมแข่งขันดิวิชั่น 1 ต่อมา วูลวิช อาร์เซน่อล ได้ตัดคำว่า “วูลิช” ออก แล้วใช้ชื่อว่า “อาร์เซน่อล” เพียงอย่างเดียว และช่วงปี 1930 เป็นต้อนมา อาร์เซน่อล ก็สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศในเวลานั้นได้ถึง 5 สมัย นับว่าเป็นทศวรรษที่ อาร์เซน่อล ประสบความสำเร็จมาที่สุด แล้วก็มีนักเตะชั้นนำมากกมายที่อยู่กับสโมสร ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล จอร์จ เมล (Josh mel), เอ็ดดี้ แฮ็ปกู้ด (Eddie Hapgood), คลิฟฟ์ บาสติน (Cliff Bastin), เท็ด เดร็ค (Ted Drake), เดวิด แจ๊ค (David Jack) และ อเล็กซ์ เจมส์ (Alex James) แต่ในทศวรรษนั้นก็ต้องสูญเสียนายใหญ่อย่าง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน (Herbert Chapman) ไปแบบไม่มีวันหวนกลับคืนมา หลังจากผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไป ทอม วิทเทคเกอร์ (Tom Whittaker) ก็เข้ามาทำทีมต่อ แล้วก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้จัดการทีมของสโมสรอาร์เซน่อลที่ประสบความสำเร็จมากมาย ในช่วงปี ค.ศ. 1947-1948 อาร์เซน่อลสามารถคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 มาครอง แล้วปี ค.ศ. 1950 ก็สามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพเพิ่มด้วย ถัดมาอีกไม่กี่ปีก็สามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีก จนก้าวเข้าสู่ช่วงทศวรรษ 60 อาร์เซน่อลก็รวยราไม่เป็นท่า และไม่สามารถคว้าแชมป์รายการไหนมาครองได้เลย จนกระทั่ง เบอร์ตี้ เข้ามาช่วยฟื้นฟูสโมสรและพาสโมสรอาร์เซน่อลประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งแชมป์ลีกและแชมป์เอฟเอคัพ หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนผู้จัดการทีมมากมาย จนมาถึงอดีตดาวดังประจำสโมสรอย่าง จอร์จ เกรแฮม ก็เข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมต่อ ในช่วงปี ค.ศ. 1986-1987 จอร์จ เกรแฮม พาอาร์เซน่อลคว้าแชมป์ลีกคัพได้ นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 มาได้อีก 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1988-1989 และ 1990-1991 แล้วในปี ค.ศ. 1994 อาร์เซน่อลก็สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพได้ หลังจากหมดยุคของ จอร์จ เกรแฮม ทางบอร์ดบริหารก็ได้แต่งตั้ง บรู๊ช ริอ็อค เข้ามาคุมทีมต่อ และก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอย่างต่อเนื่อง

อาร์เซน่อล 1997-1998
จนในที่สุด อาร์แซน เวนเกอร์ (Arsene Wenger) ก็เข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1997-1998 แล้วก็ไม่ทำให้บอร์ดบริหารและแฟนบอลที่รอคอยมานานต้องผิดหวัง หลังจากพาอาร์เซน่อลคว้าดับเบิ้ลแชมป์ตั้งแต่ปีแรก นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ของประวัติศาสตร์สโมสรที่สามารถคว้าแชมป์ลีกและแชมป์เอฟเอคัพมาได้ในปีเดียวกัน นอกจากนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนแรกที่พาสโมสรประสบความสำเร็จ และในปีนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี หลังจากที่ อาร์แซน เวนเกอร์ พาอาร์เซน่อลประสบความสำเร็จมากมายก็มีนักเตะชาวต่างชาติเข้ามาร่วมทีมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ปาทริก วิเอร่า (Patrick Vieira) และ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ (Emmanuel Petit) แล้วทั้งสองรายที่ย้ายเข้ามาก็มีดีกรีเป็นถึงนักเตะชุดแชมป์โลกของทีมชาติฝรั่งเศสด้วย แต่ถึงอย่างไรแล้วสโมสรก็ต้องเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง เอียน ไรท์ (Ian Wright) ออกจากสโมสรไป ถัดมาอีกไม่กี่ปีสโมสรก็สามารถคว้าแชมป์แชริตี้ชิลได้อีก ในช่วงปี ค.ศ. 1999-2000 ก็เหมือนจะก้าวตามรอยเดิม เพราะสามารถคว้าแชมป์แชริตี้ชิลมาครองได้ และก็จบในอันดับที่ 2 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แล้วช่วงปี ค.ศ. 2000-2001 อาร์เซน่อลก็ชวดแชมป์เอฟเอคัพอีก รวมถึงตกรอบรองชนะชนะเลิศในรายการ อาร์เซน่อล ด้วย แต่ว่ายุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ได้คุมทีมก็ได้สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับสโมสร แล้วช่วง 4 ปีหลังก็สามารถพาอาร์เซน่อลคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง พร้อมกับเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 12 ด้วย นอกเหนือจากนี้ยังสามารถคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีมาครอง รวมถึงยอดนักเตะคนสำคัญอย่าง โรแบร์ ปิแรส (Robert Pires) ก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมได้เหมือนกัน ช่วงปีต่อมาอาร์เซน่อลไม่สามารถรักษาแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ แต่ยังดีที่สามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาเป็นของขัวญปลอบใจ นอกจากนี้นักเตะดาวรุ่งอย่าง เธียร์รี่ อองรี่ (Thierry Henry) ก็แจ้งเกิดได้ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจาก PFA พร้อมกับทำสถิติโหดเหี้ยมด้วยการทำไป 100 ประตู ในช่วงปี ค.ศ. 2003 ถึง 2004 แล้วในปีนั้นอาร์เซน่อลก็สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถ้วยทองมาครองได้อีก 1 สมัย แบบไร้พ่าย โดยที่ไม่แพ้ต่อทีมไหนมานานถึง 48 เกม แบ่งเป็นชนะ 26 เกม แล้วก็เสมออีก 23 เกม พร้อมกับทำลายสถิติมากมายหลายอย่าง ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ นับว่าเป็นวางรากฐานที่มั่นคงให้กับสโมสร ในช่วงเวลาต่อมา อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ได้วางมือและอำลาสโมสรที่ทำทีมมายาวนานที่สุด ไม่ว่า อาร์แซน เวนเกอร์ จะออกจากสโมสรไปยังไงสาวกปืนใหญ่ก็ไม่มีวันลืมเรื่องราวที่ได้สร้างขึ้นมา หลังจากที่ อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาสโมสรไป บอร์ดบริหารก็ได้แต่งตั้ง อูไน เอเมรี่ เข้ามารับช่วงต่อ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องโดนปลดออกอีก ส่วนปัจจุบัน อาร์เซน่อล อยู่ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta)

อาร์เซน่อล 2003-2004
เกียรติประวัติแชมป์ระดับทวีปยุโรป ได้แก่ แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (1 สมัย) 1994 / แชมป์อินเตอร์ ซิตีส์แฟส์คัพ (1 ครั้ง) 1970 : เกียรติประวัติแชมป์ระดับประเทศ ได้แก่ แชมป์ดิวิชั่น 1 หรือ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (13 สมัย) 1931, 1933, 1934, 1935, 1938, 1948, 1953, 1971, 1989, 1991, 1998, 2002, 2004 / แชมป์เอฟเอฟคัพ (13 สมัย) 1930, 1936, 1950, 1971, 1979, 1993, 1998, 2002, 2003, 2005, 2014, 2015, 2017 / แชมป์อีเอฟแอลคัพ หรือ แชมป์คาราบาวคัพ (2 สมัย) 1987, 1993 / แชมป์แชริตี้ชิลด์ หรือ แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ (15 สมัย) 1930, 1931, 1933, 1934, 1938, 1948, 1953, 1991 (แชมป์ร่วม), 1998, 1999, 2002, 2004, 2014, 2015, 2017