โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลั่น “ผมต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด”

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล

ในพื้นที่ต้อนรับของสนามฝึกซ้อมเมลวู้ด ของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คุณไม่ต้องมองกลับไปไกลสำหรับการเตือนความจำถึงความสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ของพลพรรค “หงส์แดง” หลังจากที่พวกเขาพึ่งคว้าแชมป์รายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับเวิลด์ คัพ มาครองได้สำเร็จในช่วงปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเล็กน้อยที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล กำลังเดินยิ้มเข้ามาที่บริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ต้อนรับแขก โดยดาวเตะชาวอียิปต์ มีบทบาทสำคัญในการพา “หงส์แดง” คว้าแชมป์รายการต่างๆด้วยการโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจากการซัดไป 85 ประตู จาก 132 เกมจนถึงตอนนี้ และเขากำลังช่วยนำสโมสรไปสู่การคว้ารางวัลที่พวกเขาต้องการมากที่สุดอย่าง แชมป์พรีเมียร์ลีก

แน่นอนว่าในเวลานี้ยังไม่มีใครมอบถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล แต่การที่พวกเขานำเป็นจ่าฝูง โดยมีแต้มทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 มากถึง 14 คะแนน และยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 เกมนั้น ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน กำลังได้เปรียบอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล จะเปิดรังแอนฟิลด์ เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีแรงจูงใจมากกว่าทีมอื่นๆเป็นเท่าตัวอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ก็เก็บชัยชนะจาก “ปีศาจแดง” ได้เพียง 2 เกม จาก 11 นัดหลังสุดที่เจอกัน

นอกจากนี้ แมนฯยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เทรนเนอร์ชาวนอร์เวย์ ก็เป็นทีมเดียวในฤดูกาลนี้ที่เก็บแต้มจาก ลิเวอร์พูล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ทีมเสมอกันไป 1-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และ“ปีศาจแดง” เป็น 1 ใน 2 ทีมในพรีเมียร์ลีก ซึ่ง ซาลาห์ ยังยิงประตูไม่ได้

ซาลาห์ ให้สัมภาษณ์กับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “คุณสามารถเห็นได้จากแฟนๆก่อนเกม และระหว่างเกมว่าพวกเขาตื่นเต้นกับการที่ได้ดูเราเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพวกเขาต้องการชนะในเกมนี้จริงๆ”

“มันเป็นเกมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และโอเค นั่นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในฐานะผู้เล่นคุณไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่าคุณรู้ว่าแฟน ๆ กำลังผลักดันให้คุณเล่นได้ดีขึ้น และให้ทุ่มเทมากกว่าสิ่งที่คุณมีอยู่ แต่คุณต้องทำให้มันเป็นเกมปกติ คุณต้องเก็บ 3 คะแนนให้ได้ และเดินหน้าต่อไป”

“ผมคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นกับผมในวิธีที่แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ พวกเขาป้องกันผมในทางที่แตกต่างออกไป มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ แต่ผมมีความสุขกับมัน และตราบใดที่ทีมชนะ ผมก็จะมีความสุข” อดีตปีก โรม่า กล่าว

แน่นอนว่า แมนฯยูไนเต็ด ไม่ใช่เพียงทีมเดียวที่จะพยายามทำให้ ซาลาห์ เจองานที่ยากลำบาก และนับตั้งแต่เขาซัดไป 44 ประตูรวมทุกรายการ ในฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งแบ่งเป็นในลีก 32 ประตูนั้น เขาก็จำเป็นต้องปรับปรุงการเล่นให้ดีขึ้นไปอีก

ซาลาห์ กล่าวว่า “ในปีแรกที่ผมมาที่นี่ ผมมักจะเล่นเป็นปีก จากนั้นในปีที่ 2 มันเป็นความท้าทายที่แท้จริงในการดูว่า ผมจะทำอย่างไรเมื่อทีมอื่นๆ ป้องกันผมจากตำแหน่งปีก และผมรู้ว่าจะมีผู้เล่น 2 คนรอผมอยู่ที่นั่นเสมอ สำหรับทุกเกมผมพยายามศึกษาคู่ต่อสู้ก่อนที่เราจะลงเล่น ผมพยายามค้นหาการเล่นด้วยความคิดของตัวเองในแบบที่ผมจะยิงประตูพวกเขาได้”

“ผมต้องเปลี่ยนตำแหน่งของผม ในตอนนี้บางครั้งผมเข้าไปเล่นข้างในมากขึ้น และบางครั้งผมก็เล่นเป็นหมายเลข 9 มันเป็นความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงบทบาท แต่ผมคิดว่าผมทำได้ดี ผมยิงประตูได้ และจบซีซั่นในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ยังมีหลายสิ่งที่ผมต้องพัฒนาและต้องปรับปรุงเพิ่มเติม” อดีตกองกลาง เชลซี กล่าว

ผลที่ตามมาอีกประการหนึ่งของการโชว์ฟอร์มในมาตรฐานที่สูงกว่าปกติสำหรับ ซาลาห์ คือความกดดัน และความคาดหวังที่มีต่อเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น โดยดาวเตะวัย 27 ปี ยังคงมีสถิติทำสกอร์ยอดเยี่ยม แต่ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มีอยู่หลายครั้งที่เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์

“มีความกดดันอยู่เสมอเมื่อคุณต้องการเล่นในระดับสูงสุด และเมื่อคุณต้องการที่จะคว้าถ้วยรางวัล และความสำเร็จส่วนตัว แน่นอนว่ามีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการมันก็แค่มุ่งเน้นไปที่งานของคุณ และทำมันให้ถูกวิธีในแต่ละเกม” มิดฟิลด์ “หงส์แดง” กล่าว

ซาลาห์ ทำประตูได้อย่างมากมายให้กับ ลิเวอร์พูล และเวลานี้ ซาดิโอ มาเน่ ปีกชาวเซเนกัล เพื่อนร่วมทีม “หงส์แดง” ก็ก้าวขึ้นมาแบ่งเบาภาระของเขาได้มากขึ้น ซึ่งรวมไปถึง โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ กองหน้าทีมชาติบราซิล ที่คอยช่วยทีมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

นับตั้งแต่ ซาลาห์ มาถึงแอนฟิลด์ ในปี 2017 เขาได้สร้างโอกาส และทำแอสซิสต์มากกว่าผู้เล่น ลิเวอร์พูล คนอื่นๆ และในความเป็นจริง เขามีสถิติอยู่ในอันดับต้นๆ ในทุกการประเมินในเชิงสร้างสรรค์เกม ซึ่งเขาบอกว่ามันเกิดมาจากการฝึกซ้อม

ความฉลาดนั้น สามารถเห็นได้ในวิธีที่ ซาลาห์ เปลี่ยนตำแหน่ง

ซาลาห์ กล่าวว่า “บางครั้งผู้คนตัดสินคุณตามประตูของคุณเท่านั้น แต่จริงๆแล้วความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่โค้ชนึกถึงและพูดคุยกับผมอยู่เสมอ ผมคิดว่าเพื่อนร่วมทีมของผมก็มีความสุขเช่นกัน ผมรู้สึกว่าการสร้างสรรค์โอกาส และทำแอสซิสต์นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก”

“ในเกมล่าสุดกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผมแอสซิสต์ให้กับ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และผมมีความสุขมากที่เห็นเขาทำประตูได้ และผมไม่ได้คิดถึงเครดิตการแอสซิสต์ของผมเลย ผมแค่มีความสุขที่เราสามารถเอาชนะได้”

“นอกจากนี้ ผมไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การทำสกอร์ด้วยตัวเองให้มากจนเกินไป เพราะนั่นหมายความว่าเกมของผมจะไม่เปลี่ยนแปลง และฝ่ายตรงข้ามจะหาวิธีป้องกันผม ถ้าบางครั้งผมรับบอล และสร้างโอกาสหรือทำแอสซิสต์ ผมก็สามารถสร้างความสับสนให้กับพวกเขาได้ มันเป็นเรื่องของความไวในหัวของคุณ”

ความฉลาดนั้น สามารถเห็นได้ในวิธีที่ ซาลาห์ เปลี่ยนตำแหน่งกับ มาเน่ และ เฟอร์มิโน่ แต่ในขณะเดียวกัน ซาลาห์ กับ มาเน่ ก็เคยมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นในเกมที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 โดย มาเน่ คิดว่า ซาลาห์ ไม่ยอมส่งบอลให้เขาทำประตูในเกมนัดนั้น

อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ กับ มาเน่ ลืมเรื่องราวต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาประสานงานกันได้อย่างสุดยอด ซึ่งรวมไปถึง เฟอร์มิโน่ ด้วย โดยดาวเตะทั้ง 3 รายของ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นแล้วว่า ทำไมพวกเขาถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแนวรุกที่อันตรายที่สุดในโลก

ในฤดูกาลนี้ ซาลาห์, มาเน่ และ เฟอร์มิโน่ ซัดรวมกันไป 38 ประตู และเมื่อถูกถามว่า พวกเขาทั้ง 3 คน ไม่ได้แข่งขันกันทำสกอร์ใช่หรือไม่? ซาลาห์ กล่าวว่า “ใช่ แน่นอน” เขาพูดพร้อมหัวเราะ “ไม่เลย เราไม่ได้มองอย่างนั้น ถ้าไม่มีพวกเรายิงประตู และเกมจบที่ 0-0 ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราจะโกรธมาก และเราก็รู้สึกรำคาญ แต่เมื่อใครสักคนยิงประตูได้ และเราชนะ มันเยี่ยมมาก”

มาเน่ และ เฟอร์มิโน่ ไม่ใช่ผู้เล่น ลิเวอร์พูล เพียง 2 คน ที่ ซาลาห์ พูดคุยด้วยอยู่เสมอ คล็อปป์ ก็เคยบอกว่าดาวเตะอิยิปต์ เป็นคนที่มีอิทธิพลในห้องแต่งตัว และ ซาลาห์ ก็คิดว่าสปิริตของทีม “หงส์แดง” เป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของพวกเขา

อดีตปีก เชลซี กล่าวต่อว่า “ในใจของผมวิธีที่ผมคิดคือทุกอย่างเริ่มต้นในห้องแต่งตัว ความสัมพันธ์ที่คุณมีกับทุกคนสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในสนาม เราทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และผมคิดว่านั่นช่วยเราอย่างมากในเกม และในการฝึกซ้อม มันสร้างอารมณ์ที่ดี”

นอกจากนี้ การมีผู้จัดการทีมชั้นยอดอย่าง คล็อปป์ ก็ช่วยนักเตะในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และความต้องการส่วนบุคคลของผู้เล่นแต่ละคน และเมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์บางอย่าง นักเตะอาวุโสในทีมอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางชาวอังกฤษ ก็จะช่วยแก้ปัญหา

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม คล็อปป์ ถูกยกย่องว่าเป็นเหมือนพ่อ อย่างที่ มาเน่ เคยพูดไว้เมื่อเร็วๆนี้ และเป็นเหตุผลที่ ซาลาห์ เห็นโค้ชเยอรมันในแบบเดียวกัน โดยระบุว่า “เขารู้วิธีปฏิบัติต่อพวกเราแต่ละคน ผมคิดว่าเขาได้ช่วยทุกคนในทีม และปรับปรุงพวกเราทุกคนในฐานะผู้เล่นเช่นกัน เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเราทุกคน”

คล็อปป์ และผู้เล่นของเขาถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล แล้ว นั่นเป็นความมั่นใจในคืนอันยิ่งใหญ่ที่กรุงมาดริดเมื่อปีที่แล้ว และดูเหมือนว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่พวกเขาจะเสียสมาธิในการตามล่าเป้าหมายต่อไปอย่างถ้วยพรีเมียร์ลีก

ในเวลานี้ ฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ยากที่ใครจะมาหยุด และการบุกไปเอาชนะ สเปอร์ส 1-0 แต่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม และ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ แสดงความคิดเห็นว่าพวกเขายังทำได้ดีพอนั้น แสดงถึงคาแรกเตอร์ผู้ชนะอย่างแท้จริง

ซาลาห์ กล่าวว่า “บางครั้งคุณมีเกมที่ยากเช่น สเปอร์ส เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่เราสามารถเอาชนะเกมนั้นได้ เนื่องจากประสบการณ์ของเรา และสำหรับตัวผมเองตราบใดที่เราชนะผมก็มีความสุข ผมต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และผมไม่สนใจว่าเราจะทำอย่างไรใน 17 เกมถัดไป ผมแค่ต้องการรางวัลนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

เมื่อถูกถามว่า ลิเวอร์พูล สร้างทีมที่ดีที่สุดได้อย่างไร ซาลาห์ ตอบว่า “เมื่อผมมาที่นี่เราไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆของลีก เราจบอันดับ 4 ในปีแรก จากนั้นเราก็เป็นอันดับ 2 ในฤดูกาลที่แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมถูกถามในสิ่งที่ผมต้องการจะประสบความสำเร็จ ผมมักจะตอบว่า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก”

“ผมเชื่อเสมอว่าเราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำ และหากเราทำงานหนักส่วนที่เหลือจะตามมาเอง” ปีก “หงส์แดง” กล่าวทิ้งท้าย

ลิเวอร์พูล สร้างทีมที่ดีที่สุดได้อย่างไร

เนื้อหาใกล้เคียง