การกลับมาของ ตราหมี ชาว แอตเลติโก้ มาดริด

ชาว แอตเลติโก้ มาดริด

ในแง่ของความสำเร็จที่แท้จริง แอตเลติโก้ มาดริด ยังคงอยู่ท่ามกลางการความเปลี่ยนแปลงของยุคทอง เราได้เห็นอดีตนักเตะในสโมสรย้ายกลับบ้าน และปัจจุบันทัพ “ตราหมี” ได้สถาปนาตัวเองกลายทีมใหญ่ของยุโรปอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเพื่อสืบหาต้นกำเนิด และอาจเข้าใจถึงความเป็นจรรยาบรรณของ แอตฯมาดริด นั้น คุณต้องย้อนกลับไปในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 เลยทีเดียว

ภายหลังคว้าแชมป์ลา ลีกา ครั้งล่าสุดเมื่อฤดูกาล 1995-1996 สาวก แอตฯมาดริด ต้องรออีก 18 ปี กว่าทีมรักจะได้สัมผัสแชมป์ลีกอีกครั้ง และก็สำเร็จในปี 2013-14 การเข้ามาคุมทีมของ ดิเอโก ซิมิโอเน กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของทีม ถือว่าเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมในการคว้าแชมป์ครั้งที่สอง

ปัญหาท่วมหัวในสมัย อันทิช

ย้อนกลับไปสมัย ราดิเมียร์ อันทิช โค้ชชาวเซอร์เบีย คุมทีมอยู่นั้น แอตฯมาดริด พบกับปัญหามากมายทั้งในและนอกสโมสร เพราะ เฆซุส กิล ประธาน “ตราหมี” ในขณะนั้น ฝักใฝ่การเมืองซีกขวาสุดโต่ง และขึ้นชื่อเรื่องการเป็นมาเฟีย เขายังเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในคดีการยิงโค้ชทีมตัวเอง

แม้ในยุคที่เปิดกว้างกว่าที่มีอยู่ในสเปนในทุกวันนี้ แอตเลติโก้ มาดริด ในฤดูร้อนนั้นไร้รากฐานใด ๆ ที่คุณคาดหวังว่าจะได้เห็นจากสโมสรที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขา กิล ได้แบ่งเวลาของเขาระหว่างบทบาทอื่น ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองมาร์เบลลา ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่มีสัญลักษณ์ทางอาชญากรรมมากมาย

ท่ามกลางการตัดสินใจที่ขัดแย้งกันมากที่สุดระหว่างการดำรงตำแหน่งอันยาวนานของเขาที่ บิเซนเต้ กัลเดรอน กิล ก็สั่งปิดโรงเรียนเยาวชนของสโมสร เมื่อสามปีก่อน เป็นหนทางเดียวที่ให้ตัวเขาเองอยู่รอด

แอตฯมาดริด เสียเวลาเพียงเล็กน้อย และจัดการเซ็นสัญญาที่กับนักเตะในฤดูร้อนนั้น ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู โฆเซ โมลินา และ ซานติ เดเนีย กลางหลังจาก อัลบาเซเต นอกจากนี้ อันทิช ยังคว้าตัว มิลานโก พันทิช กองกลางที่สร้างสรรค์เกม มาเสริมทัพ รวมไปถึงกองหน้าชาวบัลแกเรีย อย่าง ลิโบสลาฟ เปเนฟ มาล่าตาข่าย

บรรดานักเตะที่ย้ายเข้าใหม่ ได้เพิ่มความรู้สึกของการมองโลกในแง่ดีของแฟนบอลที่จะเพิ่มขึ้น เฉพาะเมื่อทีมทำผลงานได้เป็นอย่างย่ำแย่เมื่อซีซั่นก่อน บางทีมันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่า “ตราหมี” กำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลที่ดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่มีใครคาดการณ์อย่างจริงจังว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ความภูมิใจของชาวตราหมี

ความภูมิใจของชาวตราหมี

เมื่อฤดูกาลใหม่เปิดฉากขึ้น 9 เกม แอตฯมาดริด สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 8 นัด เสมอ 1 นัด และเสียไปเพียง 2 ลูก เท่านั้น จนนำเป็นจ่าฝูง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งจากการที่พวกเขาต้องหนีตกชั้นเมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่า ก็เริ่มฟอร์มแรงเช่นกัน พวกเขาทำคะแนนตามมาเป็นรองจ่าฝูง ซึ่งหวังจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 5 ภายใต้การคุมทัพปีที่ 6 ของ โยฮัน ครัฟฟ์

มันจะใช้เวลาจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนสำหรับ แอตฯมาดริด ที่จะประสบความพ่ายแพ้ครั้งแรกของพวกเขา การตัดสินใจที่จะปิดโรงเรียนในปี 1992 ได้นำไปสู่การที่กองหน้าดาวรุ่งอนาคตไกลที่มีชื่อ ราอูล ย้ายไปร่วมทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด คู่อริตลอดกาล

แอตฯมาดริด ได้ลิ้มรสของสิ่งที่พวกเขาปล่อยไปแล้ว ราอูล ได้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด เป็นครั้งแรก ในมาดริดดาร์บี้ เมื่อปีที่แล้ว ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี และเกมดังกล่าวผลปรากฏว่า “ตราหมี” เป็นฝ่ายปราชัย 1-0

หนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญในความสำเร็จของ แอตฯ มาดริด คือความสามารถในการขยันขันแข็งเพื่อต่อต้านระบบการโจมตีของคู่แข่ง และทีมที่สามารถแข่งขันกับสโมสรที่ดีที่สุดที่ฟุตบอลสเปน ในเวลานั้นอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด

ภายใต้สถานการณ์ปกติ โค้ชคนใหม่ และทีมที่เปลี่ยนไปมากจะต้องใช้เวลาในการสร้างระบบ แต่จากวันแรก อันทิช ดูเหมือนจะหาทางออกที่ถูกต้องในทุกตำแหน่ง และเขาแทบจะไม่ลังเลเลยจากการเริ่มต้นที่ต้องการ

ผู้รักษาประตู โมลินา ได้ลงครบทุกนาทีในลีก กองหลัง 4 คน นำโดย เดลฟิ เกลิ และ โซโลซาบาล คอยคุมแนวรับ โทนี แล่นแบ็คขวา ซานติ แล่นแบ็คซ้าย อันทิช มักเลือกใช้แผนยอดเพชรในตำแหน่งกองกลางกับ ฮวน ซิซาโน ในบทบาทตัวรับ ซิมิโอเน และ คามิเนโร ขนาบข้าง โดยมี พันทิช สร้างสรรค์เกม ส่วนในแนวรุกเป็น กิโก และเปเนฟ ล่าตาข่ายคู่แข่ง

แม้ว่าจะไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นด้านที่ภาคภูมิใจในคุณภาพการต่อสู้ และมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เกินกว่าเครื่องหมาย แม้แต่ กิโก ก็จะสะสมใบแดงได้สามใบตาม ขณะเดียวกัน ซิมิโอเน ถือเป็นดาวเด่นในแดนกลางของทีมชุดนั้น

ด้วยความได้เปรียบ 10 แต้ม เหนือ บาร์เซโลน่า และ 16 แต้ม เหนือ มาดริด แม้จะพ่ายแพ้ในดาร์บี้แมตช์ ก็แต่พวกเขายังคงครองตำแหน่งจ่าฝูงในครึ่งหลังของฤดูกาล บรรดานักเตะเชื่อว่าจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจเพื่อให้งานสำเร็จ

ความสามารถในการย้อนกลับจากความทุกข์ยากอาจเป็นลักษณะสำคัญ พวกเขาเอาชนะ เรอัล โซเซียดัด ในนัดที่ 22 ด้วยการ แต่จากนั้นความพ่ายแพ้ครั้งต่อไปคือการพบกับ เซบีญ่า ในเดือนกุมภาพันธ์

เพียงสองวันต่อมาโดยบังเอิญหรืออย่างอื่น แอตฯมาดริด ประสบความพ่ายแพ้ในบ้านที่น่าตกใจกับ เรอัล บายาโดลิด ที่มันผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดของซีซั่น ตามสไตล์ของพวกเขา พวกเขากลับมาได้ด้วยการคว้าเจ็ดแต้ม จากการแข่งขันสามนัดถัดไปของพวกเขา แต่มันก็ยังคงเป็นช่วงเวลาของฤดูกาลเมื่อมีรอยแตกเล็กน้อยเริ่มแสดงออกมา

การกลับมาของ ตราหมี

ชื่อเสียงของ อันทิช หลังพา ตราหมี ล้ม เจ้าบุญทุ่ม

สำหรับ อันทิช ได้สร้างชื่อให้ตัวเองในสเปนในฐานะผู้เล่น และโค้ช 8 ปีในอาชีพของเขาที่คุมทีม แต่ยังไม่ได้รับรางวัล แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็กำลังจะเปลี่ยนไป หลังเขาพา แอตฯมาดริด เอาชนะ บาร์เซโลน่า ได้เมื่อปี 1996 ในศึก โคปา เดย์ เลย์ พร้อมพา “ตราหมี”คว้าแชมป์สำเร็จ

แฟนบอล แอตฯมาดริด เฉลิมฉลองการชนะการแข่งขันบอลถ้วยอย่างมีสไตล์ รวมถึงนักเตะที่สนุกสนานในห้องแต่งตัวหลังจากเกม ประธานสโมสร กิล ดื่มด่ำกับแชมเปญดื่มด่ำกับผู้เล่นที่ชนะของเขา ขณะที่ อันทิช ก็มีความพึงพอใจอันยิ่งใหญ่ที่เขาพาทีมคว้าถ้วยได้ พร้อมกับคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในปีเดียวกัน

มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่จะประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญที่สโมสรหรือที่อื่น ๆ อย่างน้อยก็ในแง่ของการเล่นอาชีพของพวกเขา อันทิช เป็นเพียงชายคนเดียวที่ได้เป็นทั้งนักเตะ ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในเมืองกระทิงดุ
เนื่องจากมันเป็นฤดูกาลแห่งความสำเร็จที่โดดเดี่ยว และเพราะเวลาจะผ่านไปนานก่อนที่ แอตฯมาดริด จะกลับมาอีกครั้งภายใต้การกุมบังเหียนของ ซิมิโอเน

โค้ชอาร์เจนไตน์ มักใช้ระบบ 4-4-2 สร้างทีม และยอมรับว่าใช้กองกลางรูปเพชร เช่นเดียวกับ อันทิช ในแง่คุณภาพส่วนบุคคลอาจเป็นรองทีมยักษ์ใหญ่ แต่เป็นความทนทานทางร่างกาย และจิตใจที่ช่วยให้พวกเขาเหนือกว่าคู่แข่งทางเทคนิคที่เหนือกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะที่หายไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ย้อนไปยังวันที่ไม่ได้เริ่มต้นคุมทีม ซิมิโอเน และ วิเชยโน ผู้ช่วยของเขา ได้รับการคัดเลือกจาก คามิเนโร อดีตนักเตะรุ่นเดียวกัน ซึ่งกลับมาทำหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการด้านการกีฬาของ “ตราหมี” ในช่วงฤดูร้อนปี 2554

นอกจากนี้ คามิเนโร ยังได้แต่งตั้งให้ พันทิช เป็นหัวหน้าทีมของ แอตฯมาดริด ในปีนั้นด้วย ซึ่งอดีตดาวยิงชาวเซอร์เบีย พาทีมจบลงด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก และทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นของยุคทองใหม่ของสโมสรอย่างมีประสิทธิภาพ

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม การกลับมาของ แอตเลติโก้ มาดริด ถึงได้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ย้อนหลังไปถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นวันที่ ซิมิโอเน กลับมา ในขณะที่เขาช่วยให้สโมสรรู้สึกเป็นตัวตนอีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน โดยแชมป์ลีกฟุตบอลสเปนที่ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุด สำหรับทีมที่คิดว่าน่าแปลกใจในฤดูกาลเดียวพวกเขาทิ้งหนึ่งขุมทรัพย์แห่งมรดกไว้ให้นักเตะรุ่นหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เนื้อหาใกล้เคียง