กุน อเกวโร่ : Kun Aguero

ประวัติ กุน อเกวโร่
กุน อเกวโร่ (Kun Aguero) หรือ เซร์คิโอ อเกวโร่ (Sergio Aguero) ชื่อเต็ม เซร์ฆิโอ เลโอเนล อเกวโร่ เดล กัสติโย (Sergio Leonel Agüero del Castillo) เกิดวันที่ 2 มิถุนายน 1988 มีชื่อเล่นว่า “กุน” มาจากปู่ที่เห็นอเกวโร่เหมือนตัวการ์ตูนญี่ปุ่น นั้นเลยเป็นที่มาของชื่อ “กุน อเกวโร่”

กุน อเกวโร่ อินดิเพนเดียนเต้
เขาเริ่มเส้นทางค้าแข้งจากการเข้าไปเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรบ้านเกิดอย่าง อินดิเพนเดียนเต้ ตั้งแต่ ปี 1997 จนย่างเข้าสู่ปี 2003 อเกวโร่ก็ถูกเลือกให้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ และลงสนามเป็นเกมแรกของลีกอาร์เจนติน่าในเกมที่พบ ซาน ลอเรนโซ่ ซึ่งเกมนั้นอเกวโร่เป็นนักเตะที่น้อยที่สุดด้วยวัยอายุเพียง 15 ปี กับอีก 35 วัน พร้อมกับเป็นที่ฮือฮาอย่างมากหลังจากทำลายสถิติเดิมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนวนเทพลูกหนังของอินทรีฟ้าขาว ผลงานของอเกวโร่โดดเด่นเป็นอย่างมากตลอด 3 ฤดูกาลที่ลงเล่นให้กับอินดิเพนเดียนเต้ โดยที่ค่อยๆไต่เต้าของไปเป็นศูนย์หน้าประจำสโมสร หลังจากจบฤดูกาลนั้นอเกวโร่ทำไปได้ทั้งหมด 23 ประตู จากการลงสนาม 53 เกม ด้วยผลงานดังกล่าวทำให้รัศมีของอเกวโร่กว้างไกลไปถึงหลายสโมสรยักษ์โหญ่ในทวีปยุโรป

กุน อเกวโร่ แอตเลติโก้ มาดริด
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2006 อเกวโร่ ได้ย้ายไปร่วมทัพกับสโมสร แอตเลติโก้ มาดริด ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร เลยทำให้ อเกวโร่ กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรในเวลานั้น อเกวโร่ ลงสนามให้กับสโมสรไปทั้งหมด 42 เกม กับ 7 ประตู หลังจากที่นักเตะดาวดังประจำสโมสรอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส ย้ายไปลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์ 2007 เลยทำให้ อเกวโร่ ได้รับบาทเป็นกองหน้าตัวหลักของสโมสรทันที และในปีนั้น อเกวโร่ ก็ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจาก ดาเนียล กีซา และ ลูอีส ฟาเบียนู ด้วยการทำไปทั้งหมด 19 ประตู ในเดือนมีนาคมอเกวโร่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากหลังจากเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่พบกับบาร์เซโลน่า ซึ่งในเกมนั้น แอตเลติโก้ มาดริด เบียดเอาชนะไปได้ 4 ประตูต่อ 2 นอกจากนี้อเกวโร่ยังทำประตูสำคัญในเกมใหญ่ด้วย อาทิเช่น เกมที่พบกับ เซบีย่า, บียาร์เรอัล, บาเลนเซีย และ เรอัล มาดริด แล้วก็จบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 4 ทำให้ แอตเลติโก้ มาดริด ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบหลาย 10 ปี ในฤดูกาล 2008-2009 อเกวโร่ ได้กลายมาเป็นคู่หูกับรุ่นพี่อย่าง ดิเอโก้ ฟอร์รัน จนทำให้อเกวโร่ระเบิดเฟอร์มเก่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็พา แอตเลติโก้ มาดริด จบในอันดับที่ 4 อีกครั้ง ในช่วงฤดูกาล 2009-2010 นับว่าเป็นฤดูกาลที่ อเกวโร่ ประสบความสำเร็จ มากมาย ด้วยการพา แอตเลติโก้ มาดริด เข้าชิงแชมป์ ยูโรป้าลีก และในวันที่ 27 สิงหาคม 2010 ก็คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ต่อมาทางบอร์ดบริหารได้ยืนยันผ่านเว็บไซต์ของสโมสรอย่างเป็นทางการวว่า สโมสรได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอเกวโร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนถึงปี 2014 พร้อมกับได้รับตำแหน่งเป็นรองกัปตันทีมคนใหม่ ในฤดูกาล 2010-2011 เป็นฤดูกาลที่ อเกวโร่ ประสบความสำเร็จกับสโมสรมากที่สุด ด้วยการทำไป 20 ประตู ซึ่งเป็นการทำประตูที่มากที่สุดตลอดการค้าแข้งฟุตบอลอาชีพของอเกวโร่ ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2011 อเกวโร่ ออกมาประกาศว่า “ต้องการที่จะย้ายออกจากสโมสรและขอยกเลิกสัญญา”

กุน อเกวโร่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2011
ไม่นานอเกวโร่ก็ได้แถลงต่อ ESPN ว่า “เจ้าตัวจะไม่กลับมาอยู่กับ แอตเลติโก้ มาดริด อีกต่อไป” และในวันเดียวกันนั้น อเกวโร่ ก็ได้กลายเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ กับสัญญาอีก 5 ปี ในฤดูกาลแรก อเกวโร่ สวมหมายเลข 16 และสรีนชื่อด้านหลังเสื้อว่า “Kun Aguero” แล้วอเกวโร่ก็ทำแฮททริกแรกได้ในเกมที่พบกับวีแกน แล้วก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมต่อเนื่องกับสังกัดใหม่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนทำได้ 30 ประตู จากการลงสนาม 48 เกมทุกรายการ และก็ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ฤดูกาลต่อมาอเกวโร่ก็พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์คอมมูนิตี้ชิลด์ตั้งแต่ต้นฤดูกาล พอหลังจากนั้นอเกวโร่ก็ถูกอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดทั้งฤดูกาล ส่งผลให้ อเกวโร่ ทำประตูได้น้อยลงเหลือ 17 ประตู จากการลงสนาม 40 เกม และไม่สามารถพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์อะไรได้เลย หลังจบฤดูกาล 2012-2013 มีข่าวลื่อว่า อเกวโร่อยากย้ายไปร่วมทัพกับ เรอัล มาดริด แต่ถึงอย่างไรแล้วอเกวโร่ก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะเจ้าตัวยังมีความสุขกับต้นสังกัดดี และอเกวโร่ก็ไม่ได้ลงฝึกซ้อมกับสโมสรเลยในช่วงปิดฤดูกาล เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า แต่ทาง อเกวโร่ ก็รักษาตัวอย่างเข้มงวดและสามารถเรียกความฟิตกลับมาได้ทันในการลงสนามนัดเปิดฤดูกาล พร้อมกับซัดประตูใส่นิวคาสเซิ่ลได้ด้วย แล้วในเกมที่พบกับอาร์เซน่อล อเกวโร่ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก หลังจากได้รับบาดเจ็บบริเวณน่องขา จากการที่ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้อเกวโร่พลาดการลงสนามเป็นถึง 8 เกม หลังจากหายเจ็บกลับมาอเกวโร่ก็ทำประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 29 มกราคม 2014 อเกวโร่ก็ทำประตูที่ 50 ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แล้วก็ทำประตูสุดท้ายของฤดูกาลในเกมที่เอาชนะเอฟเวอร์ตันคากูดิสันพาร์ค ในฤดูกาล 2014-2015 อเกวโร่ ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึง 2019 เป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากจบฤดูกาลอเกวโร่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ (Premier League Golden Boot)

กุน อเกวโร่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2015
ในฤดูกาล 2015-2016 อเกวโร่ ได้ประกาศเปลี่ยนหมายเลขเสื้อจากหมายเลข 16 มาเป็นหมายเลข 10 แล้วในวันที่ 3 ตุลาคม 2015 อเกวโร่ ก็ทำ 5 ประตูคนเดียวในเกมที่ถล่มนิวคาสเซิ่ลไป 6 ประตูต่อ 1 และเป็นการทำ 5 ประตู ที่ใช้เวลาเพียง 23 นาที ถือว่าเป็นการทำ 5 ประตูที่เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่ทางอเกวโร่ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด และหนักถึงขั้นเอ็นร้อยหวายฉีกขาดในเกมที่ลงเล่นให้กับทีมชาติ หลังจากกลับมาอเกวโร่ก็ทำประตูได้ในเกมที่แพ้ต่อลิเวอร์พูล แต่ก็ถือว่าเป็นประตูที่ 85 ในพรีเมียร์ลีก ทำให้เจ้าตัวมีคะแนนสูงสุดของนักเตะอเมริกาใต้ตลอดทั้งฤดูกาล แล้ววันที่ 16 เมษายน 2016 อเกวโร่ก็ทำแฮตทริกในเกมที่เอาชนะเชลซีไป 3 ประตูต่อ 0 และอเกวโร่ก็กลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ที่สามารถทำแฮตทริคในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ได้ และเป็นนักเตะคนที่ 5 ที่สามารถทำถึง 20 ประตูในช่วงเวลา 3 ฤดูกาล หลังจากจบฤดูกาล อเกวโร่ ทำได้ 24 ประตูจากการลงสนาม 30 เกม และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ และทำให้ชื่อของอเกวโร่ถูกบันทึกไว้ในพรีเมียร์ลีกว่าเป็นนักเตะที่ทำประตูได้ดีที่สุด ในช่วงฤดูกาล 2016-2017 ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) อเกวโร่ก็ยังทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิม จนทำประตูที่ 178 ให้กับสโมสรได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2017 นอกจากนี้อเกวโร่ยังได้รับรางวัลนักเตะดีเด่นประเดือนมกราคมอีก และช่วงฤดูกาล 2018-2019 ก็สามารถทำประตูที่ 200 ได้สำเร็จ และทำแฮททริกที่ 9 ในพรีเมียร์ลีกได้ในเกมที่ถล่ม ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ไป 6 ประตูต่อ 1 และเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2018 ทางบอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายืนยันทางเว็บไซต์หลักว่าทางสโมสรได้ทำการเซ็นสัญญากับ อเกวโร่ จนถึงปี 2021 เป็นที่เรียบร้อย แล้ววันถัดมา อเกวโร่ ก็ลงสนามในนามสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครบ 300 เกมพอดี และมีส่วนช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้นด้วย ปัจจุบัน อเกวโร่ ก็ยังเป็นกำลังหลักให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการต่อกรกับทีมแนวหน้าท็อปซิกอย่าง ลิเวอร์พูล, แชมเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส

กุน อเกวโร่ ทีมชาติอาร์เจนติน่า
ในนามทีมชาติอาร์เจนติน่า อเกวโร่ ได้สร้างชื่อในฐานะสุดยอดนักเตะดาวรุ่งสายเลือดใหม่ในรายการฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่มีรุ่นพี่อย่าง ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เคยสร้างชื่อเสียงมาก่อนในรายการนี้ อเกวโร่ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมาก และสามารถนำทัพอินทรีฟ้าขาวคว้าแชมป์ได้ด้วย โดยเป็นผู้ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศหลังจากไล่ตีเสมอทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ก่อนจะพลิกแซงเอาชนะไป 2 ประตูต่อ 1 ในช่วงท้ายเกม ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้ อเกวโร่ ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อย่างไม่ต้องสงสัย และยังสามารถคว้ารางวัลลูกฟุตบอลทองคำหรือรางวัลดาวซัลโวไปครองได้ด้วย จำนวน 6 ประตู ส่วนในนามทีมชาติชุดใหญ่ อเกวโร่ ลงสนามเกมแรกในเกมอุ่นเครื่องพบกับทีมชาติบราซิลในวันที่ 3 กันยายน 2006 ต่อมาอเกวโร่ก็มีชื่อติดทีมชาติไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่งในปี 2008 และสามารถพาอเกวโร่ คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ หลังจากนั้น อเกวโร่ ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่มาโดยตลอด เพราะอเกวโร่ได้แสดงทุกอย่างให้แฟนบอลทั่วประเทศได้เห็นกันแล้วว่าอเกวโร่เองก็สามารถพาทีมชาติอาร์เจนติน่าประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน