คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : Cristiano Ronaldo

ประวัติ โรนัลโด้

กริซตียานู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู ซึ่งมาจากภาษาโปรตุเกส หรือที่เรารู้จักกันทั่วไป ในชื่อของ คริสเตียโน โรนัลโด้ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1985 และเป็นนักฟุตบอลช่าวโปรตุเกสซึ่งเคยเล่นเป็นกองหน้าให้กับทีมยูเวนตุส และเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้เป็นนักเตะที่ถูกนึกถึงเสมอ ถ้ามีการกล่าวถึงนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก และได้รับการยกย่อง ให้เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาล โรนัลโด้ได้รับการบันทึกสถิติ ว่าสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุด สำหรับนักเตะชาวยุโรป และเป็นนักเตะยุโรปคนแรก ที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำยุโรป 4 สมัย ตลอดชีวิตการค้าแข่ง โรนัลโด้ได้รับถ้วยรางวัลมาทั้งหมด 26 สมัย ประกอบไปด้วยถ้วยลีก 5 สมัย,ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก 5 สมัย,และยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ 1 สมัย,จากการทำประตูของโรนัลโด้ ทำให้เขาติดอันดับนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดจากลีกระดับทอป 5 รวมทั้งสิ้น 405 ประตู โดยแต่ละประตูมาจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก (121 ประตู),ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ (9 ประตู) นอกจากนี้ยังสามารถทำแอสซิสต์จากยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก (34 ประตู),ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ (6 ประตู) และสามารถทำประตูมากกว่า 680 ประตู ในการเล่นให้กับทีมในลีก และทีมชาติ

โรนัลโด้เกิดและเติบโตในเกาะมาเดรา ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่อยู่ในโปรตุเกส โรนัลโด้ รู้ตัวเอง ว่าชอบการแข่งขันตอนอายุ 15 เขาจึงได้ทำตามความฝัน โดยการเริ่มเล่นให้กับสปอร์ติง ลิสบอน ก่อนที่จะย้ายไปเซ็นต์สัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี ค.ศ.2003 ในขณะที่มีอายุเพียง 18 ปี หลังจากโรนัลโด้ได้รับแชมป์ครั้งแรก ซึ่งเป็นรายการเอฟเอคัพ ฤดูกาลแรกของโรนัลโด้ เขาสามารถช่วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคว้าแชมป์ 3 รายการ ประกอบด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก,พรีเมียร์ลีก,ฟีฟ่า เวิลด์คัพ ในขณะที่โรนัลโด้มีอายุ 22 ปี หลังจากนั้นโรนัลโด้ก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โรนัลโด้ได้รับรางวัลนี้ ในปี 2009 โรนัลโด้ได้ถูกบันทึกว่าเป็นการซื้อขายนักเตะที่แพงที่สุดในโลกขณะนั้น โดยย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทีม เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร (80 ล้านปอนด์)

ในขณะที่อยู่ในทีมเรอัล มาดริด โรนัลโด้สามารถคว้าถ้วยรางวัลได้ทั้งหมด 15 รางวัล โดยมาจาก ลาลีกา 2 รางวัล,โกปาเดลเรย์ 2 รางวัล,ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 4 รางวัล,ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 รางวัล และฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 3 รางวัล และเป็นนักเตะเรอัล มาดริดที่สามารถทำประตูได้มากที่สุด ได้รับการบันทึกว่าทำแฮททริค ในลาลีกา ทั้งหมด 34 ครั้ง และเป็นนักเตะคนเดียวที่สามารถทำประตูได้มากกว่า 30 ประตู ติดต่อกัน เป็นเวลา 6 ฤดูกาลของลาลีกา หลังจากเข้าร่วมกับทีมเรอัล มาดริด โรนัลโด้ก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ 3 สมัย ซึ่งบัลลงดอร์ที่โรนัลโด้ได้รับ ประกอบไปด้วย ปี 2013,2014,2016 และ 2017 และได้รับรางวัลแชมป์ 3 สมัย ของรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ทำให้โรนัลโด้เป็นนักเตะคนแรก ที่สามารถคว้ารางวัล ไปได้ทั้งหมด 5 รางวัล ในปี ค.ศ.2018 โรนัลโด้ย้ายไปอยู่ทีมยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากที่สุด ที่ยูเวนตุสยอมจ่ายเพื่อซื้อนักเตะ ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี

ทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้ได้ถูกยกย่องจากสหพันธ์ฟุตบอลของโปรตุเกส ว่าเป็นนักเตะชาวโปรตุเกส ที่เก่งที่สุด ในปี 2015 โรนัลโด้ได้เข่าร่วมชุดทีมชาติโปรตุเกส เมื่อปี 2003 ในขณะที่มีอายุ 18 ปี และได้เล่นในฐานะกัปตันทีม มามากกว่า 150 แมทซ์ รวมไปถึงได้ลงเล่น และทำประตูใน 8 ทัวร์นาเม้นต์ และได้รับการบันทึกสถิติ ว่าเป็นนักเตะโปรตุเกสที่สามารถทำประตูได้มากที่สุด และสามารถดำรงตำแหน่งกัปตันทีมได้มากที่สุด การยิงประตูครั้งแรกของโรนัลโด้ในชุดของทีมชาติ เกิดขึ้นในการแข่งขัน ยูโร 2004 ซึ่งโรนัลโด้พาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ โรนัลโด้ได้รับตำแหน่งกัปตันอย่างเต็มตัว ในเดือนกรกฏาคม 2008 และพาทีมชาติโปรตุเกสได้รับแชมป์ครั้งแรก ในรายการยูโร 2006 และได้รับรางวัลรองเท้าเงิน จากที่เป็นนักเตะลำดับที่ 2 ที่ยิงประตูมากที่สุด ในทัวร์นาเม้นต์ ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักเตะยุโรป ที่ทำประตูมากที่สุด นอกจากนี้ยังได้รับการบันทึกสถิติ ว่าเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุด จากนิตยสารฟอร์บ ในปี 2016 และ 2017 และได้รับการบันทึกว่าเป็นนักกีฬาที่มีอิทธิพลมากที่สุด โดยอีเอสพีเอ็น ในปี 2016,2017 และ 2018

โรนัลโด้ ตอนเด็ก

โรนัลโด้ เกิดที่ เซนต์ ปีเตอร์ ฟุงชาล ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะมาเดรา และเติบโตในซังตูอังตอนีอู ฟุงชาล โดยโรนัลโด้เป็นบุตรคนที่ 4 และเป็นลูกคนสุดท้องของมาเรีย โดโลเรส ซึ่งชื่อโรนัลโด้ มาจากการที่โรนัลด์ เรแกน ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ ย่าของโรนัลโด้ อิสเบลมาจากเกาะเซนต์วิเซนจจ์ แหลมเวจจ์ โรนัลโด้มีพี่ชายคนโต 1 คน ชื่อว่า ฮิวโก้ และพี่สาว 2 คน ชื่อว่า เอลม่า และลิลเลียนา คาเทีย ซึ่งเป็นนักร้อง โรนัลโด้เติบโตมาในครอบครัวคาธอลิก และนอนห้องเดียวกันกับพี่ๆของเขา

โรนัลโด้ วัยเด็ก

ตอนเป็นเด็ก โรนัลโด้ได้เล่นให้กับสโมสรอังดูริญญาในปี ค.ศ.1992-1995 ซึ่งพ่อของโรนัลโด้เป็นผู้จัดการอยู่ในขณะนั้น และหลังจากนั้น ก็ได้เล่นให้กับสโมสรนาซิอองนาล และในปี 1997 โรนัลโด้มีอายุได้ 12 ปี ก็ได้เข้าร่วมการคัดตัวของสโมสรสปอร์ติง ลิสบอน ทั้งหมด 3 วัน และได้รับการเซ็นต์สัญญา ด้วยเงิน 1500 ปอนด์, ต่อมาโรนัลโด้ก็ได้ย้ายจากมาเดรา ไปยังอัลโกเชส ซึ่งอยู่ใกล้กับลิสบอน เพื่อเข้าร่วมชุดนักเตะเยาวชน เมื่ออายุ 14 ปี โรนัลโด้เชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพพอ ที่จะเล่นในฐานะนักเตะกึ่งมืออาชีพ และแม่ของเขาก็เห็นด้วยที่จะให้พักการศึกษา เพื่อฝึกซ้อมทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอล หลังจากที่โรนัลโด้มีชื่อเสียงในโรงเรียน เขาก็ได้ทำการปาเก้าอี้ใส่อาจารย์ ส่งผลให้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ซึ่งโรนัลโดก็ชี้แจงว่า อาจารย์ไม่ให้ความเคารพเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น 1 ปี โรนัลโด้ได้รับการวินิจฉัยว่ามีสภาวะหัวใจเต้นเร็ว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่จะทำให้โรนัลโด้ต้องเลิกเล่นฟุตบอล โรนัลโด้ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวใจด้วยเลเซอ หลังจากการพักฟื้นเพียง 1 วัน โรนัลโด้ก็กลับไปฝึกซ้อมต่อทันที

โรนัลโด้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

สปอร์ติง ลิสบอน เมื่อโรนัลโด้อายุ 16 ปี ก็ได้รับการเลื่อนขั้นจากชุดเยาวชน ซึ่งเป็นเพราะผู้จัดการทีมในขณะนั้น ที่มีชื่อว่า ลาซโซ โบโลนี ประทับใจในทักษะการเลี้ยงลูกฟุตบอลของโรนัลโด้ ทำให้โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะของสโมสรคนแรก ที่สามารถลงแข่งขันในรุ่น U16,U17 และ U18 ได้ โดยโรนัลโด้ได้ลงเล่นให้กับชุด B และชุดหลักของสโมสร ในฤดูกาลเดียวกัน, ในปีถัดมา วันที่ 7 ตุลาคม 2002 โรนัลโด้ได้เข้ารับการทดสอบ เพื่อจะลงเล่นให้กับพรีเมียลีก ซึ่งในการทดสอบ เป็นการแข่งที่พบกับ สโมสรโมไรเรนเซ่ โดยโรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 2 ประตู และผลการแข่งขันมีสกอร์รวม 3-0 จากผลงานการเล่นของโรนัลโด้ ทำให้เขาได้รับการสนใจจาก ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเฌราร์ อูลีเย ประธานสโมสรบาเซโลน่า โจน ลาปอร์ต้า ผู้จัดการทีมอาเซนอล อาร์แซน เวงเกอร์ ซึ่งสนใจที่จะให้มาเล่นตำแหน่งปีก และได้มีการพูดคุยที่สนามของอาเซนอล เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายตัวมาร่วมทีม

ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ตัดสินใจที่จะดึงตัวโรนัลโด้ทันที หลังจากที่สปอร์ติ้ง ลิสบอน ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ในเดือนสิงหาคม 2003 ในที่สุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้วางแผนที่จะเซ็นต์สัญญา และมีสัญญาให้ทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ยืมตัวไปอีก 1 ปี ทำให้โรนัลโด้ประทับใจมาก อย่างไรก็ตามนักเตะในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำการเร่งเร้าให้เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน เซ็นต์สัญญากับโรนัลโด้ทันที ในที่สุดเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ก็ได้เซ็นต์สัญญาและจ่ายเงินให้กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นจำนวน 12.24 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะที่เขาคิดว่าน่าตื่นเต้น และน่าสนใจที่สุดในชีวิตเขา หลังจากที่โรนัลโด้ทำการย้ายทีม ในเดือนเมษายน 2013 สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทำการเลือกให้โรนัลโด้กลายมาเป็นสมาชิกคนที่ 100,000 ของสโมสร

โรนัลโด้ ผีแดง

โรนัลโด้ได้กลายมาเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรก ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ของโรนัลโด้ขณะนั้น ทำให้เป็นสัญญาซื้อขายที่แพงที่สุด สำหรับนักเตะดาวรุ่งในลีกอังกฤษ แม้ว่าโรนัลโด้จะขอสวมเสื้อเบอร์ 28 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เขาสวมขณะร่วมทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่เขาก็ได้รับการสวมเสื้อเบอร์ 7 แทน ซึ่งเคยถูกใส่โดย จอร์จ เบสต์,เอริค คันโตน่า,และเดวิด แบ็คแฮม ซึ่งการสวมเสื้อเบอร์ 7 ทำให้โรนัลโด้มีแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก และมีบุคคลสำคัญที่ทำให้โรนัลโด้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นั่นคือ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ซึ่งโรนัลโด้ก็ได้พูดว่า “เขาเป็นพ่อของผม ในดวงใจ ผู้ซึ่งมีอิทธิพล และความสำคัญอย่างมาก ในชีวิตการเป็นนักเตะ” การปรากฏตัวครั้งแรกของโรนัลโด้ ในพรีเมียลีก เป็นแมทซ์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ โบลตัน วอนเดอเรอส์ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2003 ซึ่งทำให้ผู้ชมลุกขึ้นยืนและปรบมือให้ หลังจากที่โรนัลโด้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่น ในนาทีที่ 60 แทนที่ นิกกี บัตต์ ทักษะในการเล่นของโรนัลโด้ ทำให้ได้รับการชื่นชมจาก จอร์จ เบสต์ ซึ่งได้กล่าวว่า “ไม่เป็นที่สงสัยเลย ว่าเป็นการปรากฏตัวที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ที่เขาเคยเห็น” โรนัลโด้สามารถทำประตูลูกแรกโดยการยิงลูกฟรีคิกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมทซ์ที่ชนะ พอร์ตสมัท 3-0 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน สามารถทำได้อีก 3 ประตูในลีก ซึ่งมาจากช่วงท้ายฤดูกาล และในวันสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเจอกับแอสตัน วิลล่า ซึ่งโรนัลโด้ สามารถยิงประตูเป็นลูกสุดท้ายในฤดูกาล และเป็นครั้งแรก ที่โรนัลโด้ได้รับใบแดง โรนัลโด้สามารถยิงประตูขึ้นนำในแมทซ์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ มิลล์วอลล์ 3-0 ในเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ทำให้โรนัลโด้ได้รับถ้วยรางวัลใบแรกตั้งแต่เริ่มเล่นกีฬาฟุตบอล

ในช่วงต้นฤดูกาล 2005 มี 2 แมทซ์ที่เขาลงเล่น และเป็นแมทซ์ที่ดีที่สุดในฤดูกาล 2004-05 โดยโรนัลโด้สามารถทำประตู และแอสซิสในแมทซ์ที่พบกับแอสตัน วิลล่า และสามารถทำ 2 ประตู ในแมทซ์ที่พบกับ อาร์เซนอล โรนัลโด้ลงเล่น 120 นาที ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของเอฟเอคัพ ซึ่งผลปรากฏว่าเสมอ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้พ่ายแพ้จากการยิงจุดโทษ โรนัลโด้สามารถทำประตูลูกที่ 1000 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียลีก จากแมทซ์ที่แพ้ มิดเดิลส์เบรอ 4-1 ในวันที่ 29 ตุลาคม ในช่วงกลางฤดูกาลของพรีเมียลีก ช่วงเดือนพฤศจิกายน โรนัลโด้ได้ทำการเซ็นต์ และต่อสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปจนถึงปี 2010 โรนัลโด้ได้รับถ้วยรางวัลใบที่ 2 ในรายการฟุตบอลลีกคัพ ซึ่งทำประตูแฮททริค ในการแข่งขันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ วีแกน แอทเลติก 4-0

โรนัลโด้ แมนยู

ในช่วงฤดูกาลที่ 3 ของโรนัลโด้ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อโรนัลโด้ได้ถูกแบนโดยยูฟ่า จากการที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม ในการชูนิวกลางใส่แฟนคลับของทีมเบนฟิก้า โรนัลโด้ถูกไล่ออกจากแมทซ์แมนเชสเตอร์ เดอร์บี้ (การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้) ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 จากการที่โรนัลโด้เข้าประทะกับ แอนดี้ โคล ในการแข่งขันโรนัลโด้จะเล่นคู่กับรุด ฟาน นิส เตอรอย ซึ่งเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า ในการแข่งขันฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2006 จากที่โรนัลโด้โดนกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้ เวย์น รูนี่ โดนไล่ออกจากการแข่งขัน ทำให้เขาประกาศว่าจะย้ายทีมไปอยู่กับเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ปฏิเสธการย้ายตัว

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่ทำให้เวย์น รูนี่ โดนไล่ออกจากสนาม ทำให้โรนัลโด้ โดนโห่จากแฟนบอลในฤดูกาล 2006-07 แต่โรนัลโด้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็น โดยการทำลายสถิติ ทำประตูได้ 20 ประตูเป็นครั้งแรก และได้รับถ้วยพรีเมียลีก เป็นครั้งแรก สิ่งสำคัญที่ทำให้โรนัลโด้ประสบความสำเร็จ เกิดจากการฝึกซ้อมตัวต่อตัว กับ เรเน่ มูเลนสตีน ซึ่งสอนให้โรนัลโด้ฝึกตัวเองให้คู่แข่งเดาความคิดไม่ได้ เพิ่มทักษะการเล่นเป็นทีม ทักษะการขอบอล การเป็นกัปตัน และหาโอกาสในการทำประตู แทนที่จะรอเพื่อนร่วมทีมสร้างโอกาสให้ หลังจากนั้น โรนัลโด้ก็สามารถทำประตู 3 นัดติดต่อกัน จากการพบกับทีม แอสตัน วิลล่า(การชนะในแมทซ์นี้ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นเป็นจ่าฝูงของพรีเมียลีก)วีแกน แอทเลติกและเร้ดดิ้ง โรนัลโด้ได้รับการเลือก ให้เป็นนักเตะพรีเมียลีกยอดเยี่ยมประจำเดือน ในเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม และกลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ที่ได้รับรางวัลติดต่อกัน

2007-09 การเก็บเกี่ยวและความสำเร็จ ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ของรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก 2006-07 โรนัลโด้สามารถทำประตูแรกในการแข่งขัน และชนะ โรม่า ไปด้วยสกอร์รวม 7-1 สามารถทำประตูในนาทีที่ 4 ในแมทซ์ที่พบกับ มิลาน และชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 แต่ในการแข่งขันรอบที่ 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็แพ้มิลาน ไปด้วยสกอร์ 3-0 ที่สนามซานซิโร โรนัลโด้มีส่วนสำคัญที่พาทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ารอบชิงชนะเลิศในรายการเอฟเอคัพ แต่พ่ายแพ้เชลซีไปด้วยสกอร์รวม 1-0 โรนัลโด้สามารถทำประตูได้เพียงแค่การแข่งขัน แมนเชสเตอร์ เดอร์บี้ ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2007 ซึ่งเป็นลูกที่ 50 ในสโมสรและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้รับถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรก ในรอบ 4 ปี โรนัลโด้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ นักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอและนักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ รวมไปถึงรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล กลายมาเป็นนักเตะคนแรก ที่ได้รับรางวัล 4 รางวัล ของพีเอฟเอ และเอฟดับบิวเอ ค่าเหนื่อยของโรนัลโด้ก็ขึ้นเป็น 120,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ และได้รับการต่อสัญญา 5 ปี จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โรนัลโด้ รองเท้าทองคำ

โรนัลโด้ทำประตูรวม 42 ประตู ทุกรายการแข่งขัน ในฤดูกาล 2007-08 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในอังกฤษ โรนัลโด้พลาดการแข่งขันไปทั้งหมด 3 ครั้ง จากการโขกใส่นักเตะของพอร์ทสมัธ ในช่วงต้นฤดูกาล โรนัลโด้กล่าวว่า เขาจะไม่ยอมให้นักเตะคนอื่นมายั่วยุเขา ในช่วงท้ายฤดูกาล 2007 โรนัลโด้ก็ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศบัลลงดอร์ ซึ่งกาก้าก็ได้รางวัลไปครอง และได้รับรางวัลอันดับ 3 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า ตามหลังกาก้า และลีโอเนล เมซซี่

โรนัลโด้สามารถทำประตูแฮททริคครั้งแรก และครั้งเดียวให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมทซ์ที่ชนะ นิวคาสเซิล 6-0 ในวันที่ 12 มกราคม 2008 ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นเป็นจ่าฝูงของพรีเมียลีก ในเดือนต่อมา วันที่ 19 มีนาคม โรนัลโด้ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมเป็นครั้งแรกในแมทซ์ที่แข่งขันในบ้าน ชนะโบลตัน และสามารถทำไปได้ 2 ประตู ซึ่งลูกที่ 2 เป็นลูกที่ 33 ของเขาซึ่งมากกว่าจอร์จ เบสต์ ที่ทำไปได้ 32 ประตู ในฤดูกาล 1967-68 และเป็นการทำลายสถิติของสโมสร ด้วยผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง จากการทำประตูได้ทั้งหมด 31 ประตูในลีก ทำให้โรนัลโด้ได้รับรางวัล รองเท้าทองคำของพรีเมียลีก และรางวัลรองเท้าทองคำของยุโรป และกลายเป็นนักเตะตำแหน่งปีกคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

ในการแข่งขันรอบน็อกเอ้าต์ของรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ทั้ง 2 รอบ ของการแข่งขันกับโอลิมปิก ลียง ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ในขณะที่เล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า ก็สามารถโหม่งทำประตูชนะทีมโรมา ไปด้วยสกอร์รวม 3-0 ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกับเชลซี ที่มอสโก โรนัลโด้พลาดทำประตูขึ้นนำ จากการยิงจุดโทษ ซึ่งถูกเซฟโดยนายประตู แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าชัยชนะมาได้ และจากการทำประตูมากที่สุดของโรนัลโด้ ในการแข่งขัน จึงทำให้โรนัลโด้ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของยูฟ่า นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของเอฟดับบลิวเอและ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ติดต่อกันเป็นฤดูกาลที่ 2

มีข่าวลือว่าโรนัลโด้ มีความสนใจที่จะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้โน้มน้าวฟีฟ่า ด้วยการร้องเรียนมาดริด เกี่ยวกับการซื้อนักเตะที่ผิดกฏ แต่ฟีฟ่าก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ และประธานของฟีฟ่า เซฟฟ์ บลัทเทอร์ ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า นักเตะควรได้รับการอนุญาตให้ออกจากสโมสร เป็นการอธิบายเกี่ยวกับกรณีของ “ทาสในสมัยใหม่” แม้จะมีการแสดงความเห็นด้วยของโรนัลโด้ ต่อคำพูดของเซฟ์ บลัทเทอร์ โรนัลโด้ก็ยังคงเล่นให้กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไปอีก 1 ปี ช่วงฤดูกาล 2008-09 ในวันที่ 7 กรกฏาคม โรนัลโด้เข้ารับการผ่าตัดเกี่ยวกับข้อเท้า และต้องพักฟื้นเป็นเวลา 10 สัปดาห์ หลังจากการกลับมาลงเล่น โรนัลโด้ก็สามารถทำประตูลูกที่ 100 ให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่งพบกับสโตก ซิตี้ และกลายเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูจาก 19 ทีม ในพรีเมียลีก ในช่วงปิดฤดูกาล 2008 โรนัลโด้ได้ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับรางวัลแชมป์สโมสรโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัลลูกฟุตบอลเงิน และกลายมาเป็นนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ตั้งแต่จอร์จ เบสต์ ในปี 1968 และเป็นนักเตะพรีเมียลีกคนแรกที่ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า

โรนัลโด้ ปีศาจแดง

จากแมทซ์ที่ชนะ ปอร์โต้ โรนัลโด้ยิงไกลเป็นระยะ 40 หลา และได้รับรางวัล ปุสกัส อวอร์ด จากฟีฟ่า ซึ่งเป็นรางวัลที่จะคัดเลือกลูกทำประตูที่ดีที่สุดในปีนั้นๆ และโรนัลโด้ก็ได้ออกมากล่าวว่าลูกที่ได้รับรางวัล เป็นลูกยิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยทำประตูมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่กรุงโรม ซึ่งโรนัลโด้มีส่วนสำคัญเล็กน้อย ที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ บาร์เซโลน่า ไปด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้โรนัลโด้มีถ้วยรางวัลรวม 9 รางวัล ได้รับถ้วยพรีเมียลีกครั้งที่ 3 และฟุตบอล ลีกคัพ โรนัลโด้สามารถทำประตูได้รวม 26 ประตู น้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว 16 ประตู ในขณะที่ลงเล่นมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว 4 แมทซ์ และการทำประตูครั้งสุดท้ายของโรนัลโด้ เกิดจากการยิงลูกฟรีคิก ในการแข่งขันแมนเชสเตอร์ เดอร์บี้ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2009

โรนัลโด้ ย้ายมาเรอัล มาดริด

ย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2009-10 โรนัลโด้ได้ย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด ซึ่งทำลายสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ และมีสัญญาถึงฤดูกาล 2015 มีค่าเหนื่อยอยู่ที่ 11 ล้านยูโรต่อปี และค่าฉีกสัญญา 1 พันล้านยูโร มีเหล่าบรรดาแฟนคลับมาร่วมการเปิดตัวของโรนัลโด ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ทั้งสิ้น 80,000 คน ซึ่งทำลายสถิติ ในรอบ 25 ปี ที่มีคนจำนวน 75,000 คน มาแสดงการต้อนรับ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่นาโปลี จากการที่ราอูล ซึ่งเป็นกัปตัน ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์เสื้อที่โรนัลโด้ใส่ ตอนอยู่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้จึงต้องสวมเสื้อเบอร์ 9 ซึ่งเสนอให้เขาโดยนักเตะตำนานของมาดริด อย่าง อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน

โรนัลโด้ เรอัล มาดริด เบอร์ 9

โรนัลโด้ลงเล่นครั้งแรก ในแมทซ์ที่เจอกับ ลา คอรุนญ่า และสามารถทำประตูในการยิงจุดโทษ ทำให้เรอัล มาดริด ชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ทั้ง 4 ลีกที่ลงเล่น ซึ่งเป็นนักเตะเรอัล มาดริดคนแรกที่ทำได้ ในการยิงประตูในแชมเปี้ยนลีกครั้งแรกของโรนัลโด้ มาจากลูกฟรีคิก 2 ลูกในการแข่งขันรอบแรก ระหว่างเรอัล มาดริด และ ซูริค โรนัลโด้สามารถเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างดีเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตามโรนัลโด้ก็เกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าช่วงเดือนตุลาคม ในขณะที่เล่นให้ทีมชาติ และต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมด 7 สัปดาห์ หลังจากโรนัลโด้กลับมาลงเล่นได้เพียง 1 สัปดาห์ โรนัลโด้ก็ได้รับใบแดงใบแรก จากแมทซ์ที่พบกับ อัลเมรีอา ในช่วงกลางฤดูกาลโรนัลโด้เป็นอับดับ 2 รองจากเลโอเนล เมซซี่ ในการชิงรางวัล บัลลงดอร์ และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า โรนัลโด้สามารถทำประตูไปได้ทั้งหมด 33 ประตู รวมทุกรายการแข่งขัน รวมไปถึงลูกแฮททริค ที่พาเรอัล มาดริด ชนะ มาจอร์กา 4-1 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2010 ซึ่งเป็นแฮททริคครั้งแรกของโรนัลโด้ จากการลงเล่น ในสเปน ฤดูกาลแรกในสโมสรเรอัล มาดริด โรนัลโด้ไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลใดๆได้เลย

โรนัลโด้ มาดริด

จากการที่ราอูลได้ย้ายออกจากทีม โรนัลโด้ก็เปลี่ยนไปสวมเสื้อ หมายเลข 7 ก่อนฤดูกาล 2010-11 หลังจากนั้น เป็นครั้งแรกที่โรนัลโด้ สามารถทำได้ 4 ประตูในแมทซ์เดียว ในการแข่งที่เรอัล มาดริด ชนะ ราซิงเดซานตันเดร์ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม และโรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 6 แมทซ์ติดต่อกัน 3 ครั้งมาจากลาลีกา 2 ครั้งจากทีมชาติโปรตุเกส และอีก 1 ครั้งจากแชมเปี้ยนลีก รวมเป็นการทำประตูทั้งสิ้น 11 ประตู จากการลงเล่น 6 ครั้ง เป็นจำนวนประตูที่มากที่สุด ที่โรนัลโดสามารถทำได้ต่อเดือน โรนัลโด้สามารถทำแฮททริคได้อีกครั้ง ในแมทซ์ที่เจอกับ แอธเลติก บิลเบา,เลเวนเต้,บีย่าเรอัลและมาลาก้า อย่างไรก็ตาม แม้ฤดูกาลนี้โรนัลโด้สามารถแสดงศักยภาพได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็พลาดรางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ ในปี 2010

ในระหว่างการแข่งขัน เอล กลาซิโก้ ครั้งที่ 4 ในการพบกับคู่แข่งทีมสำคัญอย่าง บาร์เซโลนา ในเดือนเมษายน 2011 โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 2 ประตู ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ผลประตูรวมในฤดูกาลนี้ ของโรนัลโด้ เท่ากับสถิติของที่เคยได้รับการบันทึกไว้ว่าสามารถทำได้ 42 ประตู ในทุกการแข่งขันของฤดูกาล, อย่างไรก็ตามในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของเรอัล มาดริด ในรายการแชมเปี้ยนลีก โรนัลโด้ก็ไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้ หลังจากกลับมาเล่นในลีก โรนัลโด้สามารถทำประตูจากการยิงลูกโทษ และยิงประตูชัยให้กับทีม เรอัล มาดริด ในนาทีที่ 103 ของรอบชิงชนะเลิศ โคปา เดล เร ทำให้โรนัลโด้ได้รับถ้วยรางวัลแรก ตั้งแต่ย้ายมาเล่นในสเปน อีก 2 สัปดาห์ต่อมา โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 4 ประตูในแมทซ์เดียวอีกครั้ง ในแมทซ์ที่พบกับ เซบีญ่า แฮททริค ในแมทซ์ที่เจอกับ เกตาเฟ้ และทำประตูจากการยิงฟรีคิก ในการแข่งที่พบกับบีญ่าเรอัล ทำให้ประตูรวมในลีกของโรนัลโด้ ขยับขึ้นเป็น 38 ประตู ซึ่งเท่ากับสถิติที่มากที่สุดในฤดูกาล ที่เป็นของเทลโม ซาร์ร่า และ อูโก้ ซานเชส และในแมทซ์สุดท้ายของฤดูกาล โรนัลโด้ก็สามารถทำเพิ่มได้อีก 2 ประตู ในการแข่งที่พบกับ อัลเมรีอา ทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะลาลีกาคนแรก ที่สามารถทำประตูได้ 40 ประตู ได้รับรางวัลดาวซัลโว และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำยุโรป เป็นครั้งที่ 2 กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลใน 2 ลีก และสามารถทำประตูรวมในทุกการแข่งขัน ให้กับเรอัล มาดริด ทั้งหมด 53 ประตู ในฤดูกาลที่ 2 ตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีมเรอัล มาดริด

ในช่วงฤดูกาล 2011-12 โรนัลโด้ก็สามารถทำลายสถิติได้อีกครั้ง โดยสามารถทำประตูรวมทั้งหมด 60 ประตูในทุกการแข่งขัน ซึ่งประตูที่ 100 ในนามของเรอัล มาดริด มาจากการแข่งขันซูเปร์โกปาเดเอสปาญา ที่สนามกัมนอว์ และสามารถชนะบาร์เซโลนา ไปด้วยสกอร์รวม 5-4 และเป็นอีกครั้งที่โรนัลโด้ได้ขึ้นโพเดี้ยมบัลลงดอร์ ตามหลังเลโอเนล เมซซี่ หลังจากที่ทำประตูแฮททริค ใส่ทีม เรอัล ซาราโกซา,ราโย บาเยกาโน,มาลากา,โอซาซุนาและเซบีญ่า ซึ่่งในนัดที่ชนะเซบีญ่า ทำให้เรอัล มาดริดขึ้นเป็นจ่าฝูงของลาลีกาในขณะที่ผ่านไปเพียงครึ่งฤดูกาล แม้โรนัลโด้จะสามารถทำประตูได้ 2 ประตู ในแมทซ์ที่พบกับ บาร์เซโลนา แต่เรอัล มาดริดก็พ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 4-3 ในรอบรองชนะเลิศโคปา เดล เร โรนัลโด้สามารถทำได้ 2 ประตูอีครั้ง ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนลีก ซึ้งพบกับบาร์เยิร์น มิวนิค และมีสกอร์รวมเสมอ 3-3 เมื่อมีการยิงจุดโทษ ลูกยิงของโรนัลโด้ ถูกเซฟโดยมานูเอล นอยเออร์ ทำให้เรอัล มาดริด ตกรอบไปในที่สุด

โรนัลโด้ได้พบกับทีมที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในขณะที่ช่วยให้เรอัล มาดริดได้แชมป์ลาลีกา เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในสถิติ 100 คะแนน ตามมาด้วยลูกแฮททริคในแมทซ์ที่พบกับ เลบันเต้ ทำให้เรอัล มาดริดสามารถแซงบาร์เซโลนาไปได้ โรนัลโด้สามารถทำประตูลูกที่ 100 ให้กับเรอัล มาดริด ในลาลีกาลีก ในการแมทซ์ที่เรอัล มาดริด ชนะ เรอัล โซเซียดาด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2012 ซึ่งโรนัลโด้ลงเล่นเพียงแค่ 92 แมทซ์จาก 3 ฤดูกาล แต่สามารถทำลายสถิติของแฟเร็นตส์ ปุซกาซไปได้ ในการแข่งขันมาดริด เดอร์บี้ ซึ่งพบกับทีม แอตเลติโก้ มาดริด โรนัลโด้ก็สามารถทำประตูแฮททริค อีกครั้ง ทำให้โรนัลโด้มีผลประตูสะสม 40 ประตู เทียบเท่ากับสถิติในฤดูกาลที่แล้ว เมื่อวันที่ 21 เมษายน โรนัลโด้สามารถพาทีมเอาชนะ บาร์เซโลนา ที่สนาม กัมนอว์ ไปด้วยสกอร์ 2-1 และจะเห็นโรนัลโด้ทำท่าล้อเลียนว่าใจเย็นๆ ใส่คนดู ตอนที่เขาทำประตูได้ และโรนัลโด้ก็ใช้ท่าแสดงความดีใจเมื่อทำประตูได้อีกครั้ง เมื่อผ่านไปอีก 4 ปี ที่สนามเดิม ในการแข่งขันในลีกรอบสุดท้าย ซึ่งเจอกับมาจอร์ก้า ทำให้โรนัลโด้มีประตูรวม 46 ประตู ซึ่งตามหลังลีโอเนล เมซซี่อยู่ 4 ประตู และกลายเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูจาก 19 ทีมในลีก ภายในฤดูกาลเดียวกันได้

โรนัลโด้เริ่มต้นฤดูกาล 2012-13 ด้วยการชูถ้วยรางวัล ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลใบที่ 3 ตั้งแต่ย้ายมาเล่นในสเปน ซึ่งสามารถทำประตูในทุกการแข่งขันภายใต้ทีมชาติโปรตุเกสและเรอัล มาดริด ก็ยังบุกไปชนะถ้วย สเปน ซูเปอร์คัพ ในการแข่งขันที่ชนะบาร์เซโลนา 4-4 ด้วยกฏอเวย์โกล อย่างไรก็ตามโรนัลโด้ได้ออกมากล่าวว่า เขาไม่มีความสุขในความไม่เป็นมืออาชีพภายในสโมสร และยังปฏิเสธที่จะฉลองการทำประตูที่ 150 ให้กับเรอัล มาดริด โรนัลโด้สามารถทำประตูแฮททริคได้อีกครั้ง ซึ่ง 2 ใน 3 มาจากลูกโทษ ในแมทซ์ที่พบกับ ลา คอรุนญ่า โรนัลโด้ได้ทำแฮททริคเป็นครั้งแรก ในรายการแชมเปี้ยนลีก ในการแข่งที่เรอัล มาดริด ชนะ อาแจ็กไปด้วยสกอร์รวม 4-1 หลังจากนั้น 4 วัน โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะคนแรก ที่สามารถทำประตูได้ใน 6 การแข่งขัน เอล กลาซิโก้ ซึ่งบุกไปเสมอบาร์เซโลนา 2-2 ที่สนามกัมนอว์ และจากสถิติการเล่นของโรนัลโด้ ในฤดูกาล 2012 ทำให้ถูกโหวตและได้รับอันดับ 2 ของรางวัลบัลลงดอร์ ซึ่งเลโอเนล เมซซี่ ได้เป็นครั้งที่ 4

โรนัลโด้ บัลลงดอร์

ในช่วงฤดูหนาวของ 2012-13 โรนัลโด้เป็นกัปตันของเรอัล มาดริดอย่างเป็นทางการนัดแรก พาทีมมาดริดชนะ เรอัล โซเซียดาด ด้วยสกอร์ 4-3 ด้วยนักเตะเพียง 10 คน เมื่อวันที่ 6 มกราคม และกลายเป็นนักเตะที่ไม่ใช่ชาวสเปนคนแรก ที่เป็นกัปตันทีม ในรอบ 60 ปี ของ เรอัล มาดริด ในแมทซ์เอล กลาซิโก้ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ซึ่งเป็นแมทซ์ที่ 500 ของโรนัลโด้ ที่ลงเล่นให้กับเรอัล มาดริด 3 วันก่อนหน้านี้ โรนัลโด้ทำประตูที่ 300 ให้กับเรอัล มาดริด ในแมทซ์ที่ทำแฮททริคใส่ เกตาเฟ้ และตามมาด้วยการทำแฮททริคใส่ทีม เซลต้า บีโก้ และเซบีญ่า โรนัลโด้สามารถทำประตูที่ 200 ในนามของเรอัล มาดริด เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งชนะมาลากา ไปด้วยสกอร์ 6-2 โรนัลโด้สามารถพาทีมเรอัล มาดริด เข้ารอบชิงชนะเลิศของโคปา เดล เร ด้วยการทำประตูในแมทซ์เอล กลาซิโก้ ซึ่งเป็นแมทซ์ที่ 6 ติดต่อกันที่กัมนอว์ ที่โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ ในสถิติของเรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ โรนัลโด้สามารถทำประตูขึ้นนำด้วยการโหม่ง แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้แอตเลติโก้ มาดริด ไปด้วยสกอร์ 2-1 และได้รับใบแดง ในนาทีที่ 114 จากการทำกริยาไม่เหมาะสม เรอัล มาดริดไม่สามารถป้องกันสถานะแชมป์ลีกได้ โดยพ่ายแพ้ให้กับทีมบาร์เซโลนา

ในรอบน็อคเอ้าต์ ของรายการแชมเปี้ยนลีก โรนัลโด้เผชิญหน้ากับสโมสรเก่าของเขาเป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมีผลการแข่งขัน เสมอ 1-1 ที่สนามซานติอาโก เบอร์นาบิว และโรนัลโด้สามารถทำประตูชัยให้กับทีม ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีผลการแข่งขันรวม 2-1 ประตู อย่างไรก็ตามโรนัลโด้ไม่ได้แสดงความยินดีใดๆ จากการที่ชนะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อเป็นการแสดงความนับถือจากทีมที่เขาเติบโตขึ้นมา โรนัลโด้สามารถทำได้ 3 ประตู จากการแข่งขันที่เรอัล มาดริด ชนะ กาลาตาซาราย ไปด้วยผลการแข่งขันรวม 5-3 และพาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โรนัลโด้สามารถทำไปได้เพียง 1 ประตูจากการบุกไปพ่ายแพ้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ 4-1 และชนะ 2-0 ในบ้านตัวเอง ทำให้เรอัล มาดริดตกรอบชิงชนะเลิศ เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โรนัลโด้สามารถทำไปได้ 12 ประตูในการแข่งขัน และกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในแชมเปี้ยนลีก เป็นครั้งที่ 2 รวมผลการทำประตูทุกรายการ ในฤดูกาลนี้โรนัลโด้ สามารถทำประตูรวมทั้งสิ้น 55 ประตู

ภายในทีมเรอัล มาดริดได้เฝ้าสังเกตุเกี่ยวกับอนาคตของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นฤดูกาล 2013-14 โรนัลโด้ก็ได้ต่อสัญญากับสโมสรเรอัล มาดริด ไปจนถึง 2018 และรับเงิน 17 ล้านยูโร ทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก และสโมสรเรอัล มาดริด ก็ได้รับแกเร็ธ เบลล์ เข้ามาร่วมทีมในตำแหน่งปีก ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร่ แซงหน้าค่าเหนื่อยที่เรอัล มาดริดเคยจ่ายให้โรนัลโด้กว่า 4 ปี เมื่อร่วมทีมกับโรนัลโด้ และคาริม เบนเซม่า ทำให้ทีมบุกของเรอัล มาดริด ถูกขนานนามว่า “บีบีซี” ซึ่งมาจาก เบล,เบนเซม่า,และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และได้รับการเผยแพร่ชื่อนี้ผ่านสื่อต่างๆ หลังจากควบรวมทีม ในช่วงต้นฤดูกาล โรนัลโด้ กล่าวว่า ฟอร์มการเล่นช่วงนี้ของเขา เป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต ปลายเดือนพฤศจิกายน โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ทั้งสิ้น 32 ประตู จาก 22 แมทซ์ที่ลงเล่นให้กับสโมสร และทีมชาติ และสามารถทำแฮททริคใส่คู่แข่งอย่าง กาลาตาซาราย, เซบีญ่า, เรอัล โซเซียดาด, ไอร์แลนด์เหนือ, และสวีเดน เมื่อจบฤดูกาล 2013 โรนัลโด้สามารถทำประตูรวมทั้งสิ้น 69 ประตู จากการลงเล่น 59 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดของโรนัลโด้ และยังได้รับรางวัลบัลลงดอร์ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โรนัลโด้ได้รับ 2 รางวัลนี้พร้อมๆกัน

จากความสำเร็จส่วนตัวของโรนัลโด้ ทำให้โรนัลโด้มีความสุขกับการประสบความสำเร็จของทีม ในสเปน โรนัลโด้ ช่วยให้เรอัล มาดริด ได้รับ ลา เดซิม่า(แชมป์ยุโรปครั้งที่ 10) ในรอบน็อคเอ้าต์ของการแข่งขัน โรนัลโด้สามารถยิงประตูได้ทั้ง 2 ขา (เหย้า,เยือน) ทำให้เรอัล มาดริด ชนะ ชาลเก้ ไปด้วยสกอร์รวม 9-2 เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ การทำประตูในการแข่ง ที่ชนะ ดอร์ทมุนท์ 3-0 ในบ้าน ซึ่งเป็นการลงเล่นครั้งที่ 100 ในแชมเปี้ยนลีกของโรนัลโด้ ทำให้ผลรวมการทำประตูของโรนัลโด้ขยับขึ้นเป็น 14 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่ลีโอเนล เมซซี่ได้ทำไว้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังจากการพาทีมชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปด้วยสกอร์ 4-0 ที่สนาม อันลีอันทซ์ อารีน่า โรนัลโด้ก็ทำประตูในนาทีที่ 120 ด้วยการยิงจุดโทษ และสามารถเอาชนะแอตเลติโก มาดริด ไปด้วยสกอร์รวม 4-1 กลายเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำประตูในรอบชิงชนะเลิศ และสามารถเอาชนะ 2 ทีมที่แตกต่างกันได้ จากทักษะการเล่นและฟอร์มการเล่นของโรนัลโด้ ได้ตกลงเนื่องมาจากอาการเอ็นอักเสบ และกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งเกิดในช่วงเดือนสุดท้ายของฤดูกาล โรนัลโด้ลงเล่นในแมทซ์สุดท้าย ซึ่งขัดต่อการแนะนำจากแพทย์ ภายหลังโรนัลโด้ออกมากล่าวว่า “คุณจะไม่มีวันชนะ ถ้าคุณไม่ยอมเสียสละและยอมรับความเสี่ยง” จากการเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุด ในครั้งที่ 3 ซึ่งมีสถิติการทำประตู 17 ประตู โรนัลโด้ก็ได้รับรางวัล ยูฟ่า ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งยุโรป

ในการแข่งรายการโคปา เดล เร โรนัลโด้ช่วยพาเรอัล มาดริดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จากการยิงจุดโทษ ในแมทซ์ที่เจอแอตเลติโก้ มาดริด ที่สนามบีเซนเตกัลเดรอน และทำให้โรนัลโด้มีสถิติ ที่สามารถทำประตูในทุกนาทีจากการแข่งขัน 90 นาทีในกีฬาฟุตบอลและเป็นอีกครั้งที่โรนัลโด้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ทำให้ไม่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเรอัล มาดริดสามารถชนะบาร์เซโลนา ด้วยสกอร์ 2-1 อย่างไรก็ตามการแข่งขันภายในลีก เรอัล มาดริดก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก โดยจบฤดูกาลเป็นอันดับ 3 และโรนัลโด้สามารถทำไปได้ 31 ประตู จากการลงเล่น 30 ครั้งในลีก ทำให้โรนัลโด้ได้รับรางวัล ดาวซัลโว และรางวัลรองเท้าทองคำยุโรป ซึ่งรางวัลรองเท้าทองคำ โรนัลโด้ได้รับรางวัล ร่วมกับ หลุยซ์ ซัวเรส จากทีมลิเวอร์พูล โรนัลโด้สามารถทำประตูไปได้ 400 ประตู จากการลงเล่น 653 ให้กับสโมสรเรอัล มาดริด และทีมชาติ หลังจากการชนะเซลต้า โรนัลโด้ได้อุทิิศตัวให้กับเพื่อนร่วมชาติของเขา ที่ชื่อว่า เอวแซบีอู ซึ่งเสียชีวิต 2 วันก่อนหน้านี้ ในนาทีสุดท้ายของการแข่งขันระหว่างเรอัล มาดริด และทีมบาเลนเซีย โรนัลโด้ได้ทำประตูจากการตอกส้น ซึ่งเป็นประตูที่ 50 รวมทุกรายการแข่งขัน ได้รับการยกย่องให้เป็นการทำประตูยอดเยี่ยมของฤดูกาล จาก สันนิบาตฟุตบอลอาชีพสเปน และโรนัลโด้ก็ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของลาลีกา

โรนัลโด้ เรอัล มาดริด ทองคำ

ในช่วงฤดูกาล 2014-15 โรนัลโด้สามารถทำลายสถิติเดิม ด้วยการทำประตูได้ 61 ประตู รวมทุกรายการแข่งขัน เริ่มต้นด้วยการทำ 2 ประตู ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด พบกับ เซบีญ่า ในรายการ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ซึ่งเป็นการทำประตูเริ่มต้นฤดูุกาลที่ดีที่สุดของโรนัลโด้ ด้วยการทำ 15 ประตู จากการลงเล่น 8 รอบแรกของลาลีกา รวมไปถึงการยิง 4 ประตู ในแมทซ์ที่พบกับ เอลเซ่ และทำแฮททริคในแมทซ์ที่พบกับ ลา คอรุนญ่า และแอธเลติก บิลเบา ได้รับการบันทึกสถิติลูกแฮททริค ลูกที่ 23 ของโรนัลโดในลาลีกา ในแมทซ์ที่พบกับ เซลต้า บีโก้ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ทำให้โรนัลโด้เป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้ 200 ประตู ได้เร็วที่สุด จากการลงเล่นเพียงแค่ 178 นัด หลังจากโรนัลโด้ได้รับรางวัล แชมป์สโมสรโลก ที่โมรอคโค และได้รับรางวัลลูกบอลเงิน โรนัลโด้ก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เป็นสมัยที่ 2 เทียบเท่ากับ โยฮัน ไกรฟฟ์,มิเชล ปลาตินี่ และ มาร์โก ฟัน บัสเติน ซึ่งได้รับรางวัลบัลลงดอร์ จำนวน 3 ครั้ง

จากการพักเบรคในช่วงฤดูหนาว ฟอร์มการเล่นของโรนัลโด้ตกลง จากเพื่อนร่วมทีม จากการพ่ายแพ้บาเลนเซีย 2-1 ในนัดเปิดฤดูกาล 2015 แม้ว่าโรนัลโด้จะยิงประตูขึ้นนำก่อน ทำให้หยุดสถิติไร้พ่ายของเรอัล มาดริด ที่ทำไว้ 22 แมทซ์ ในทุกรายการแข่งขัน ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ของเรอัล มาดริด โดยเป็นอันดับ 2 ของลีก และตกรอบรองชนะเลิศในยุโรป โรนัลโด้ สามารถทำประตูในการแข่งกับทีม ชาลเก้ ชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 ก่อนที่จะชนะไปด้วยสกอร์รวม 4-3 ทำให้มาดริดเข้ารอบรองชนะเลิศ และโรนัลโด้สามารถทำประตูได้ทั้งสองรอบการแข่ง ระหว่างเรอัล มาดริด และยูเวนตุส ซึ่งมาดริดแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 2-3 จากการทำ 10 ประตูของโรนัลโด้ ทำให้โรนัลโด้เป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในรายการ ยูฟาแชมเปี้ยนลีก ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 เท่ากับเนย์มาร์ และ เมซซี่

ในลาลีกา ซึ่งจบฤดูกาล มาดริดอยู่อันดับที่ 2 โรนัลโด้ก็ยังสามารถทำประตูได้ โดยยิง 5 ประตู ใน 1 แมทซ์ และแฮททริคใน 8 นาที ระหว่างแมทซ์ที่เรอัล มาดริด ชนะ กรานาดา ไปด้วยสกอร์ 9-1 เมื่อวันที่ 5 เมษายน หลังจากนั้น 3 วัน โรนัลโด้ก็สามารถทำประตูที่ 300 ในนามของสโมสรเรอัล มาดริด ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด ชนะ ราโอบาเยกาโน ด้วยสกอร์ 2-0 และสามารถทำแฮททริคในแมทซ์ที่พบกับ เซบีญ่า เอสปันญ่อล และเกตาเฟ่ ทำให้ตัวเลขที่โรนัลโด้ ทำแฮททริคให้กับเรอัล มาดริด ขยับขึ้นเป็น 31 ครั้ง แซงอัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน ซึ่งทำสถิติให้กับสโมสร ไว้ที่ 28 ครั้ง จบฤดูกาล โรนัลโด้ทำประตูทั้งหมด 48 ประตูมากกว่าที่เคยทำไว้ในฤดูกาล 2011-12 อยู่ 2 ประตู แม้ว่าจะพลาดการแข่งขันไป 2 แมทซ์ ในเดือนกุมภาพันธ์จากการโดนโทษแบน ในนัดที่พบกับ กอร์โดบา และยังได้รับรางวัลดาวซัลโว สมัยที่ 2 และรางวัลรองเท้าทองคำยุโรป ครั้งที่ 4

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลที่ 7 ที่สโมสรเรอัล มาดริด ในช่วงฤดูกาล 2015-16 โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุด ในสโมสรเรอัล มาดริด ทั้งในลีก และการแข่งขันอื่นๆ ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริดบุกไปชนะ เอสปันญ่อล 6-0 โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 5 ประตู เมื่อวันที่ 12 กันยายน ทำให้โรนัลโด้มีสถิติทำประตูในลาลีกา 230 ประตู จากการลงเล่น 203 แมทซ์ ทำลายสถิติเดิม ที่ราอูลเคยทำไว้ ในเดือนต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม โรนัลโด้ก็สามารถทำลายสถิติราอูลได้อีกครั้ง จากการทำประตูในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด ชนะ เลบันเต้ ด้วยสกอร์ 3-0 ที่สนามเบอร์นาบิล ทำให้สถิติการทำประตูรวมของโรนัลโด้ ให้กับเรอัล มาดริด ขยับขึ้นเป็น 324 ประตู โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในแชมเปี้ยนลีก ด้วยการทำแฮททริคในรอบแรก ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด พบกับ ชัคตาร์โดเนตสค์ แซงหน้า ลีโอเนล เมซซี่ซึ่งทำไว้ 77 ประตู ในฤดูกาลที่แล้ว ในวันที่ 30 กันยายน เรอัล มาดริด บุกไปชนะมัลโม่ เอฟเอฟ ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้โรนัลโด้ทำลายสถิติ ทำประตูที่ 500 ทั้งในนามสโมสร และในนามของทีมชาติ กลายมาเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในรอบแบ่งกลุ่มในฐานะนักเตะ เรอัล มาดริด และนักเตะทีมชาติ ด้วยสถิติ 11 ประตู รวมไปถึงอีก 4 ประตู ที่โรนัลโด้ทำได้ ในการแข่งที่พบกับ มัลโม เอฟเอฟ แม้ว่าโรนัลโด้จะได้แค่อันดับ 2 ในการชิงรางวัลบัลลงดอร์ซึ่งลีโอเนล เมซซี่คว้าอันดับ 1 ไป โรนัลโด้ก็ยังถูกวิจารณ์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นกับทีมระดับต้นๆ จากการที่โรนัลโด้ทำได้ 14 ประตู ในแมทซ์ที่พบกับ เอสปันญ่อล และมัลโม อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ฟอร์มการเล่นของโรนัลโด้ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยทำได้ 4 ประตู ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริดเปิดบ้าน ชนะ เซลต้า บีโก้ 7-1 ในวันที่ 5 มีนาคม 2016 โรนัลโด้ทำประตูในลาลีกา เป็นประตูที่ 252 และกลายมาเป็นนักเตะอันดับ 2 ที่ทำประตูสูงที่สุด ตามหลังเมซซี่ ซึ่งเป็นอับ 1 ในวันที่ 2 เมษายน โรนัลโด้สามารถยิงประตูชัย ชนะในแมทซ์ เอล กลาซิโก 2-1 ด้วยนักเตะเรอัล มาดริดเพียง 10 คน ทำแฮททริคในแมทซ์ ที่เจอกับ โวล์ฟสบวร์ก ทำให้เรอัล มาดริด เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ชนะในแมทซ์เหย้า ด้วยสกอร์ 2-0 โรนัลโด้สามารถทำประตูรวมในการแข่งขันได้ทั้งสิ้น 16 ประตู กลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงที่สุด 4 สมัยติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 5 ในชีวิตจากทั้งหมด โรนัลโด้เกิดปัญหาจากการออกกำลังกายอีกครั้ง ทำให้ฟอร์มการเล่นของโรนัลโด้ตกลง ในรอบชิงชนะเลิศของแชมเปี้ยนลีก ที่พบกับแอตเลติโก้ มาดริด โรนัลโด้ทำประตูจากจุดโทษ และป้องกันแชมป์ให้กับเรอัล มาดริด ทำให้เรอัล มาดริด ได้รับรางวัลอูลเดซิม่า(แชมป์ยุโรป ครั้งที่ 11) เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ที่โรนัลโดสามารถทำประตูรวมในทุกรายการ ได้มากกว่า 50 ประตู และจากการมีส่วนร่วมในทีมในการคว้าแชมป์ ทำให้โรนัลโด้ได้รับรางวัล ยูฟา นักเตะยอดเยี่ยมแห่งยุโรป เป็นครั้งที่ 2

ในฤดูกาล 2016-17 โรนัลโด้พลาดการลงเล่นทั้งหมด 3 ครัง รวมไปถึงนัดที่เจอกับ เซบีญ่า ในการแข่งยูฟ่า ซูเปอร์คัพ จากการที่โรนัลโด้ต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ที่เกิดตอนแข่งขันกับฝรั่งเศษ เมื่อในรายการยูโร 2016 วันที่ 15 กันยายน โรนัลโด้ไม่ได้แสดงความยินดี ในแมทซ์ที่เขายิงฟรีคิกทำประตูใส่ทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในรายการแชมเปี้ยนลีก ซึ่งโรนัลโด้ได้ออกมากล่าวในภายหลังว่า “พวกเขาทำให้ผมเป็นผมในทุกวันนี้” ในวันที่ 6 พฤศจิกายน โรนัลโด้ต่อสัญญากับทีมเรอัล มาดริด ไปจนถึงปี 2021 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน โรนัลโด้สามารถทำลูกแฮททริคได้อีกครั้ง ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด บุกไปชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-0 ทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูในแมทซ์ มาดริด เดอร์บี้ มากที่สุดด้วยประตูรวม 18 ประตู ในวันที่ 15 ธันวาคม โรนัลโด้ทำประตูที่ 500 ให้กับสโมสร เรอัล มาดริด ในแมทซ์ที่ชนะ คลับ อเมริกา 2-0 ในรอบรองชนะเลิศของรายการชิงแชมป์สโมสรโลก และทำแฮททริคอีกครั้ง ในแมทซ์ที่เจอกับสโมสรญี่ปุ่น ทีมคาชิมะแอนต์เลอส์ ชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 และกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในการแข่งขัน ด้วยการทำประตูทั้งหมด 4 ประตู และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของรายการชิงแชมป์สโมสรโลก โรนัลโด้ ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เป็นครั้งที่ 4 ได้รับรางวัล นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่โรนัลโด้ พาโปรตุเกส ชนะในการแข่งขันรายการ ยูโร 2016

โรนัลโด้ บัลลงดอร์ เรอัล มาดริด

ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2017 เรอัล มาดริด บุกไปชนะ บีญ่าเรอัล ด้วยสกอร์ 3-2 ทำให้โรนัลโด้ทำลายสถิติของฮูโก้ ซานเชส และกลายมาเป็นนักเตะที่ยิงจุดโทษได้สำเร็จมากที่สุดในลาลีกา จากการทำประตูด้วยจุดโทษของโรนัลโด้ ทำให้เรอัล มาดริด มีผลการทำประตูตั้งแต่ก่อตั้ง รวมทั้งสิ้น 5900 ประตู ซึ่งเป็นสโมสรแรกที่ทำสถิตินี้ได้ ในวันที่ 12 เมษายน ในรอบรองชนะเลิศ 2016-17 ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ในแมทซ์ที่พบกับบาร์เยิร์น มิวนิค โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 2 ประตู ผลการแข่งขัน 2-1 ในการแข่งขันรอบเยือน ซึ่งการทำ 2 ประตู ทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะคนแรก ที่สามารถทำได้ 100 ประตู ในการแข่งของยูฟ่า ในการแข่งขันรอบเหย้า โรนัลโด้สามารถทำลูก แฮททริค และได้รับการบันทึกสถิติ เป็นประตูที่ 100 ในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กลายมาเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำได้ และเรอัล มาดริดชนะบาร์เยิร์น มิวนิค ไปด้วยสกอร์ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2 พฤษภาคม โรนัลโด้ทำแฮททริคอีกครั้ง ในแมทซ์ที่เรอัล มาดริด เอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ด้วยสกอร์ 3-0 ในขาแรกของรอบรองชนะเลิศ จากการทำแฮททริค ทำให้โรนัลโด้ กลายมาเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำได้ 50 ประตู ในรอบน็อคเอ้าต์ 17 พฤษภาคม โรนัลโด้ทำลายสถิติของจิมมี่ กรีฟส์ กลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดใน 5 ลีกของยุโรป จบฤดูกาลโรนัลโด้ทำประตูรวมทั้งสิ้น 42 ประตู และทำให้เรอัล มาดริด เป็นแชมป์ลาลีกาอีกครั้ง หลังจากที่เคยได้ในปี 2012 และกลายเป็นทีมที่สามารถชนะติดๆกันในรายการแชมเปี้ยนลีก ซึ่งทีมที่เคยได้รับแชมป์ยุโรปติดๆกัน คือ มิลาน ในปี 1989 และ 1990 ในขณะนั้นรู้จักกันในการแข่งขัน ยูโรเปี้ยนคัพ ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ปี 2017 โรนัลโด้สามารถทำได้ 2 ประตู จากการพบกับ ยูเวนตุส และกลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงที่สุด 5 ฤดูกาลติดต่อกัน และ 6 จากทั้งหมด, ด้วยประตูรวม 12 ประตู และกลายเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำประตูในรอบชิงชนะเลิศ จากการเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 3 ปี ในขณะที่ทำประตูให้กับตัวเองได้ 600 ประตู ทำให้เรอัล มาดริด ได้รับ ลา ดูโอเดซิม่า (แชมป์ยุโรปครั้งที่ 12)

โรนัลโด้ เรอัล มาดริด 5 สมัย

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2017-18 โรนัลโด้พาทีมเรอัล มาดริดบุกชนะ บาร์เซโลนา ที่สนามกัมนอว์ ด้วยสกอร์ 3-1 ในรายการซูเปร์โกปาเดเอสปาญา และได้รับใบเหลือง จากการถอดเสื้อหลังทำประตูได้สำเร็จ และโรนัลโด้ถูกไล่ออกจากเกมหลังจากนั้นเพียงแค่ 1 นาที เพราะผลักผู้ตัดสินเบาๆด้วยความไม่พอใจ ทำให้โรนัลโด้โดนโทษแบน ห้ามลงเล่น 5 แมทซ์ ในการลงเล่นครั้งที่ 400 ของเขาให้กับเรอัล มาดริด โรนัลโด้สามารถทำได้ 2 ประตู ในแมทซ์ที่บุกไปเยือน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนท์ ในรายการแชมเปี้ยนลีก ทำให้ประตูรวมที่ทำให้กับเรอัล มาดริด ขยับขึ้นเป็น 411 ประตู 23 ตุลาคม จากผลงานการลงเล่นของโรนัลโด้ ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2017 ทำให้โรนัลโด้ได้รับรางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ของฟีฟ่า เป็นครั้งที่ 5 และนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า เป็นสมัยที่ 2 ติดๆกัน 6 ธันวาคม โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะคนแรก ที่สามารถทำประตูใน 6 การแข่งขันแชมเปี้ยนลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม ในการแข่งที่เจอกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนท์ หลังจากนั้นเพียง 1 วัน โรนัลโด้ก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เป็นครั้งที่ 5 และขึ้นรับรางวัลที่หอคอยไอเฟล ที่ประเทศปารีส 3 มีนาคม 2018 โรนัลโด้ทำได้ 2 ประตู ในแมทซ์เปิดบ้าน ชนะ เกตาเฟ่ 3-1 กลายเป็นประตูที่ 300 ในลาลีกา จากการลงเล่น 286 ครั้ง ทำให้กลายเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้ถึง 300 ประตูได้รวดเร็วที่สุด และหลังเป็นนักเตะคนที่ 2 ที่สามารถทำประตูได้ 300 ประตู ตามหลังลีโอเนล เมซซี่ และในวันที่ 18 มีนาคม โรนัลโด้ก็สามารถทำแฮททริค ครั้งที่ 50 จากการทำ 4 ประตู ในแมทซ์ที่ชนะ คิโรน่า 6-3 วันที่ 3 เมษายน เรอัล มาดริด บุกไปชนะ ยูเวนตุส ในรอบรองชนะเลิศ 2017-18 ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่ง 2 ประตูแรกมาจากโรนัลโด้ ซึ่งลูกที่ 2 เป็นการยิงด้วยท่าจักรยานอากาศ และได้รับการกล่าวว่า “เป็นลูกเตะจากเกมเพลย์สเตชั่น” กล่าวโดย อันเดรีย บาร์ซาญี่ กองหลังยูเวนตุส และเป็นการยิงที่ทำให้แฟนคลับของยูเวนตุส ผู้คนข้างสนามและโค้ช ลุกขึ้นยืนและปรบมือให้ และการทำประตูนี้เป็นประตูที่ 119 ในการแข่งในรายการของยูโรเปี้ยน ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่นๆกว่า 465 ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายมาเป็นสโมสร ก็จะเป็นสโมสรที่ติดอันดับการทำประตูสูงที่สุด 10 อันดับในประวัติการ โรนัลโด้ยิงประตูลูกที่ 650 ให้กับตัวเอง ในการแข่งที่เรอัล มาดริด เสมอกับ แอตเลติโก มาดริด ด้วยสกอร์ 1-1 เมื่อวันที่ 8 เมษายน แล้ววันที่ 11 เมษายน โรนัลโด้สามารถทำประตูให้กับเรอัล มาดริด ซึ่งกำลังต้องการประตูเป็นอย่างมาก เพื่อเข้ารอบรอบชนะเลิศ และในรอบที่สองของการแข่งขันที่บ้านของยูเวนตุส ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 98 ชนะไปด้วยสกอร์ 3-1 และสกอร์รวม 4-3 และเป็นประตูลูกที่ 10 ที่ยิงใส่ยูเวนตุส ในรอบชิงชนะเลิศของรายการ เรอัล มาดริด ชนะลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 3-1 ทำให้โรนัลโด้ได้รับถ้วยแชมเปี้ยนลีก ครั้งที่ 5 และเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ของเรอัล มาดริด กลายเป็นสโมสรแลกที่ได้รับการบันทึกสถิติ ทำให้ทุกคนคิดว่า ยังไงโรนัลโด้ ก็จะไม่ย้ายออกจากเรอัล มาดริด

โรนัลโด้ ยูเวนตุส

เพียง 1 สัปดาห์หลังจากทำการซื้อขายนักเตะ วันที่ 10 กรกฏาคม 2018 โรนัลโด้ทำการเซ็นต์สัญญา 4 ปีกับยูเวนตุส หลังจากซื้อขายด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร รวมไปถึงค่าอื่นๆอีก 12 ล้านยูโร รวมไปถึงการบริจาคให้กับทีมเยาวชนของโรนัลโด้ การซื้อขายและการเซ็นต์สัญญาครั้งนี เป็นค่าตัวที่แพงที่สุดในโลก สำหรับนักเตะอายุมากกว่า 30 ปี และเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุด ที่จ่ายโดยสโมสรจากอิตาลี่, หลังจากทำการเซ็นต์สัญญา โรนัลโด้กล่าวว่า เขาต้องการความท้าทายใหม่ๆ เป็นเหตุผลที่เขาออกจากทีมเรอัล มาดริด แต่หลังจากนั้น โรนัลโด้ก็ได้ออกมากล่าวว่า เขารู้สึกไม่ดีกับประธานของสโมสรเรอัล มาดริด อย่าง ฟอเรนติโน่ เปเรซ ที่ไม่ได้ช่วยเหลือเขาเท่าที่ควร

โรนัลโด้ ม้าลาย

โรนัลโด้ปรากฏตัวครั้งแรก ในการแข่งขันซีรี่ย์ เอ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และชนะคิเอโว่ เวโรน่า ด้วยสกอร์ 3-2 วันที่ 16 กันยายน เป็นครั้งที่ 4 ที่ลงเล่นให้กับยูเวนตุส โรนัลโด้สามารถทำประตูลูกแรก ซึ่งตามมาด้วยลูกที่ 2 ทันที ในแมทซ์ที่พบกับ ซาซซูโอโล่ และจบไปด้วยสกอร์ 2-1 และกลายเป็นประตูที่ 400 ของโรนัลโด้ ในการลงเล่นรายการลีก 19 กันยายน ในการแข่งขันแชมเปี้ยนลีกครั้งแรก ให้กับทีมยูเวนตุส โรนัลโด้ถูกไล่ออกจากการแข่งขัน ในนาทีที่ 29 จากการแสดงกริยาไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นครั้งแรก จากการลงแข่งในรายการแชมเปี้ยนลีก ทั้งหมด 154 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ยูเวนตุส ก็ชนะบาเลนเซีย ด้วยสกอร์ 2-0 และได้รับโทษแบน ห้ามลงเล่น 1 แมทซ์ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน โรนัลโด้สามารถทำประตูครั้งแรก ให้กับยูเวนตุส ในแชมเปี้ยนลีก ในการแข่งที่ยูเวนตุส แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ซึ่งเป็นทีมเก่าของโรนัลโด้ 27 พฤศจิกายน โรนัลโด้เป็นนักเตะคนแรก ที่ชนะ 100 แมทซ์ในรายการแชมเปี้ยนลีกซึ่งได้รับชัยชนะจาก บาเลนเซีย ซึ่งมาริออ มันจูคิช เป็นคนยิงประตูชัย จบการแข่งขันด้วยสกอร์ 1-0 และทำให้ทีมยูเวนตุส สามารถเข้าสู่รอบน็อคเอ้าต์ 1 ธันวาคม โรนัลโด้ทำประตูที่ 10 ในรายการซีรี่ย์ในฤดูกาลนี้ด้วยการยิงจุดโทษ ทำให้ชนะฟิออเรนติน่า ด้วยสกอร์ 3-0 จากการทำประตูลูกนี้ ทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะยูเวนตุสคนแรก ที่สามารถทำได้ 10 ประตู จากการลงเล่นในลีก 14 แมทซ์ ตั้งแต่ จอห์น ชาร์ล ทำไว้เมื่อปี 1957 โรนัลโด้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในรายการ นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปียูฟ่า และ นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตามหลังลูก้า โมดริช อดีตเพื่อนร่วมทีม จากผลงานการเล่นในปี 2018 ของโรนัลโด้ ก็ได้รับการโหวตให้ได้รับรองชนะเลิศบัลลงดอร์ 2018 ตามหลังอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ลูก้า โมดริช อีกรางวัล

โรนัลโด้ ทีมชาติโปรตุเกส

โรนัลโด้เริ่มเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกส ในปี ค.ศ.2001 ในรายการโอลิมปิกเยาวชนของยุโรป ในการลงเล่นครั้งโปรตุเกส แพ้ ฟินแลนด์ด้วยสกอร์ 3-1 ปีต่อมา โรนัลโด้ลงเล่นให้กับชุดทีมชาติอายุต่ำกว่า 17 ปี ในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี แต่ก็ไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกไปได้ โรนัลโด้ก็มีรายชื่อติดในทีมที่จะลงเล่นในรายการ โอลิมปิก ฤดูร้อน 2004 และสามารถทำประตูได้ 1 ประตูจากรายการแข่งขัน แต่ทีมของโรนัลโด้ก็ตกรอบแรกด้วยการเป็นที่โหล่ ซึ่งมีคะแนนเพียงแค่ 3 คะแนน จากการพ่ายแพ้ 4-2 แก่ทีมอิรัก และคอสตา ริก้า ในช่วงการเล่นให้กับทีมชาติ โรนัลโดได้ลงเล่นให้กับ 5 ทีม ได้แก่ รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี, รุ่นอายุต่ำกว่า 17 รุ่นอายุต่ำกว่า 20 รุ่นอายุต่ำกว่า 21 และรุ่นอายุต่ำกว่า 23 ได้เป็นกัปตันทีมทั้งหมด 34 นัด และสามารถทำประตูรวมทั้งสิ้น 18 ประตู เมื่อโรนัลโด้มีอายุ 18 ปี โรนัลโด้เล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ ในแมทซ์ที่โปรตุเกส ชนะ คาซัคสถาน ด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2003 โรนัลโด้ได้ถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมรายการ ยูฟ่า ยูโร 2004 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศโปรตุเกส และสามารถทำประตูให้กับชุดทีมชาติเป็นครั้งแรก ในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแพ้ กรีซ ด้วยสกอร์ 2-1 หลังจากการยิงจุดโทษของโรนัลโด้ ในรอบรองชนะเลิศที่เจอกับประเทศอังกฤษ โรนัลโด้ก็พาโปรตุเกสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการทำประตูขึ้นนำ ในแมทซ์ที่ชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 อย่างไรก็ตามโปรตุเกสก็พ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 1-0 โรนัลโด้ได้ถูกเลือกให้เป็นนักเตะที่ติดรายชื่อ ทีมยอดเยี่ยมของยูโร จากการทำ 2 ประตู และ 2 แอสซิสต์ โรนัลโด้เป็นอันดับ 2 ของนักเตะที่ทำประตูสูงที่สุด ในรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2006 ด้วยการทำไป 7 ประตู ในขณะที่ลงแข่งในรายการ โรนัลโด้ยิงประตูแรก ด้วยลูกโทษ ในแมทซ์ที่เจอกับ อิหร่าน ซึ่งเป็นการแข่งขันแมทซ์ที่ 2 ของโปรตุเกส ในรอบแบ่งกลุ่ม และในรอบรองชนะเลิศที่เจอกับประเทศอังกฤษ เพื่อนร่วมทีมของโรนัลโด้ ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งก็คือ เวย์น รูนี่ย์ ได้ถูกไล่ออกจากเกม จากการไปกระแทกใส่ ริการ์ดู การ์วัลยู ซึ่งเป็นกองหลังของโปรตุเกส แม้ว่ากรรมการจะออกมาชี้แจงในภายหลัง ว่าใบแดงนั้นเป็นเพราะการกระทำของตัวเวย์น รูนี่เอง แต่สื่อของอังกฤษก็เชื่อว่า โรนัลโด้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกรรมการ ด้วยการร้องเรียน หลังจากที่ดูในเทปย้อนหลัง และเห็นโรนัลโด้กระพริบตา ที่ข้างสนาม หลังจากที่เวย์น รูนี่โดนไล่ออก โรนัลโด้สามารถทำประตูชัยลูกสำคัญ ด้วยการยิงจุดโทษ ทำให้โปรตุเกสสามารถเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โรนัลโด้ได้ถูกโห่ หลังทีมโปรตุเกส พ่ายแพ้ฝรั่งเศษ 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ จากการศึกษาเทคนิคการเล่นของนักเตะโดยฟีฟ่า ก็ได้มองข้ามโรนัลโด้ไป และมอบรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ย ให้กับลูคัส โพด็อลสกี จากทีมชาตเยอรมัน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากพฤติกรรมของโรนัลโด้ หลังจากฟุตบอลโลก โรนัลโด้ ก็ลงเล่นให้กับโปรตุเกส ในการแข่งรอบคัดเลือก ทั้งหมด 4 ครั้ง ในรายการยูโร 2008 และสามารถทำประตูไปได้ทั้งหมด 2 ประตู

โรนัลโด้ ฝอยทอง

1 วันหลังจากวันเกิดปีที่ 22 ของโรนัลโด้ โรนัลโด้ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมของโปรตุเกสเป็นครั้งแรก ในแมทซ์กระชับมิตรกับบราซิล เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2007 ซึ่งเป็นคำสั่งเสียของ การ์โลส ซิลวา ประธานสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส ซึ่งเสียชีวิต 2 วันก่อนหน้านี้ ในการแข่งขัน ยูโร 2008 โรนัลโด้ได้รับการสวมเสื้อเบอร์ 7 เป็นครั้งแรก และสามารถทำได้ 8 ประตูในรอบคัดเลือก ซึ่งเป็นอันดับ 2 จากการทำประตูสูงที่สุด โรนัลโด้สามารถทำได้เพียง 1 ประตู ในรายการ ซึ่งเกิดขึ้นในแมทซ์ที่โปรตุเกส ชนะ เชค รีพลับบิค 3-1 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเป็นแมทซ์ที่โรนัลโด้ช่วยทำประตูที่ 3 ให้กับโปรตุเกส ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งทำประตูโดยควอเรสม่า และได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าประจำแมทซ์ โปรตุเกสตกรอบรองชนะเลิศ จากการพ่ายแพ้ เยอรมัน ด้วยสกอร์ 3-2

หลังจากที่โปรตุเกสไม่ประสบความสำเร็จในยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ หลุยส์ ฟิลิป ได้ถูกแทนที่ด้วย คาร์ลอส เคยรอซ อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยรอซ ได้แต่งตั้งให้โรนัลโด้กลายมาเป็นกัปตันทีมโปรตุเกสอย่างเป็นทางการ ในเดือนกรกฏาคม 2008 โรนัลโด้ไม่สามารถทำประตูได้เลยจากรอบคัดเลือกของ ฟุตบอลโลก 2010 แต่โปรตุเกสก็สามารถรอดจากการตกรอบด้วยการชนะ บอสเนีย ในรอบเพลย์ออฟ ในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลก โรนัลโดได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำแมทซ์ จากแมทซ์ที่พบกับ ไอเวอรี่ โคสต์,เกาหลีเหนือและบราซิล รวมทั้งสิ้น 3 แมทซ์ โรนัลโด้สามารถทำประตูได้ 1 ประตู ในแมทซ์ที่ชนะเกาหลีเหนือ 7-0 และเป็นประตูแรก ในรอบ 16 เดือน ที่ลงเล่นให้กับทีมชาติและโปรตุเกสพ่ายแพ้สเปน 1-0 ในรอบ 16 ทีม โรนัลโด้ทำได้ 7 ประตู ในรอบคัดเลือก ยูโร 2012 รวมไปถึงการทำ 2 ประตู จากแมทซ์ที่เจอ บอสเนีย ในรอบเพลย์ออฟ ทำให้โปรตุเกสผ่านการคัดเลือก เข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์ เป็นที่โชคร้ายที่โปรตุเกสได้อยู่ร่วมกับกลุ่ม ที่มีแต่ทีมใหญ่ๆ เริ่มต้นด้วยการพ่ายแพ้เยอรมัน 1-0 โรนัลโด้ก็พลาดการทำประตู ในแมทซ์ที่ชนะ เดนมาร์ค 3-2 พลาดจากลูกหลุดเดี่ยวทั้งหมด 2 ครั้ง ในรอบสุดท้ายของการแบ่งกลุ่ม ที่พบกับเนเธอร์แลนด์ โรนัลโด้สามารถทำได้ 2 ประตู จากการแข่งขัน 2-1 ทำให้โปรตุเกสผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โรนัลโด้สามารถทำประตูจากลูกโหม่ง ในแมทซ์ที่พบกับเชค รีพลับบิก พาทีมโปรตุเกส ชนะด้วยสกอร์ 1-0 ซึ่งโรนัลโด้สามารถคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าจากแมทซ์ที่เจอกับเนเธอร์แลนด์ และเชค รีพลับบิกมาได้, หลังจากแข่งขันรอบรองชนะเลิศกัปสเปน โรนัลโด้ไม่สามารถทำประตูจากการแข่งขันได้ และยิงข้ามคานไปทั้งหมด 3 ลูก โปรตุเกสพ่ายแพ้ด้วยการยิงจุดโทษ ซึ่งโรนัลโด้ไม่มีโอกาสยิงจุดโทษ เพราะถูกวางให้ยิงจุดโทษเป็นลำดับที่ 5 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก จากการทำได้ 3 ประตู เท่ากับนักเตะอีก 5 คน ทำให้โรนัลโด้มีรายชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมของยูโร 2012

โรนัลโด้ โปรตุเกส แชมป์ 2016

ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 โรนัลโด้สามารถทำประตูไปได้ทั้งสิ้น 8 ประตู ในแมทซ์คัดเลือกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2012 แมทซ์ที่โปรตุเกส เสมอ ไอร์แลนด์เหนือ 1-1 เป็นแมทซ์ที่โรนัลโด้ลงเล่นในฐานะกัปตันเป็นครั้งที่ 100 การทำประตูแฮททริคให้กับทีมชาติ ก็เป็นแมทซ์ที่เจอกับไอร์แลนด์เหนือ เมื่อวันที 6 กันยายน 2013 โดยสามารถทำ 3 ประตู ภายในเวลาเพียงแค่ 15 นาที และมีสกอร์รวม 4-2 ประตู โรนัลโด้สามารถทำประตูรวม 4 ประตู ในแมทซ์เพลย์ออฟ ซึ่งเจอกับทีมสวีเดน ทำให้โปรตุเกสผ่านรอบคัดเลือก ในการแข่งขาที่ 2 กับสวีเดน โรนัลโด้สามารถทำแฮททริค และทำให้ผลการทำประตูรวมในนามสโมสร ขยับขึ้นมาเป็น 47 ประตู เท่ากับสถิติของเปาเลต้า โรนัลโด้สามารถทำเพิ่มได้ 2 ประตู ในแมทซ์กระชับมิตรที่โปรตุเกส ชนะ แคเมอรูน 5-1 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2014 และกลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดของทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บบริเวณต้นขา ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงมาก โรนัลโด้ออกมากล่าวในภายหลังว่า “ถ้าทีมพวกเรามีโรนัลโด้ 2 หรือ 3 คนในทีม ผมจะสบายใจกว่านี้มาก แต่ทีมเราไม่มี” แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรนัลโด้ ที่ต้องหยุดการซ้อมเป็นเวลา 2 ครั้ง โรนัลโด้ก็สามารถลงเล่นได้ 90 นาที ในรอบแรกที่เจอกับทีมเยอรมัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทีมรอดจากการพ่ายแพ้เยอรมัน ด้วยสกอร์ 4-0 ได้ หลังจากโรนัลโด้สามารถทำแอสซิสต์ ช่วยให้ทีมทำประตูตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ที่เจอกับอเมริกา และในแมทซ์สุดท้าย โรนัลโด้ก็สามารถทำประตูชัยให้กับโปรตุเกส ชนะ กานา ด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งการทำประตูลูกนี้ เป็นลูกที่ 50 ในการลงเล่นให้กับทีมชาติ และกลายเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรกที่สามารถลงเล่่น และทำประตูได้ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง หลังจากรวมคะแนนในรอบแบ่งกลุ่มโปรตุเกสตกรอบ จากผลต่างการทำประตู โรนัลโด้สามารถทำได้ 5 ประตู รวมไปถึงการทำแฮททริคในแมทซ์ที่พบกับอาร์มีเนีย ในรอบคัดเลือก ยูโร 2016 ด้วยชัยชนะเหนืออาร์มีเนีย 1 ประตู สถิติการทำประตูของโรนัลโด้ ขยับขึ้นมาเป็น 23 ประตู ในรายการ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพและกลายเป็นนักเตะที่ท้าชิงสถิติ นักเตะที่ทำประตูมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นของรายการแข่งขัน โรนัลโด้ก็พลาดที่จะพลิกเกม ในแมทซ์ที่โปรตุเกส เสมอกับ ไอร์แลนด์และออสเตรีย แม้จะมีโอกาสทำประตูได้ถึง 20 ครั้ง ในการแข่งขันรอบสุดท้าย โรนัลโด้ก็ทำลายสถิติของ หลุยส์ ฟิโก้ ด้วยการทำลายสถิติการลงเล่นในฐานะกัปตันทีมบ่อยที่สุด โดยครั้งนี้ เป็นการลงเล่นให้กับโปรตุเกสเป็นครั้งที่ 128 โรนัลโด้ไม่่สามารถทำประตูได้เลย จากการพลาดลูกโทษ ในช่วงครึ่่่งหลังของแมทซ์ จากการทำ 2 ประตู และ 1 แอสซิส ในรอบสุดท้ายของการแบ่งกลุ่ม แมทซ์ที่เสมอ 3-3 กับฮังการี่ ทำให้โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำประตูได้ทั้ง 4 การแข่งยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ โรนัลโด้ทำสถิติ ลงเล่่นทั้งหมด 17 ครั้งในทัวร์นาเม้น จากการเป็นที่ 3 ในรอบแบ่งกลุ่ม ตามหลังฮังการี่ และไอร์แลนด์ โปรตุเกสก็สามารถเข้าสู่รอบน็อคเอ้าต์ได้

ในรอบแรกของการแข่งรอบน็อคเอ้าต์ โรนัลโด้มีโอกาสทำประตู แต่ก็ถูกเซฟโดยนายประตูของโครเอเชีย แต่ริคาร์โด้ ควอเรสม่าก็พาทีมชนะ ด้วยสกอร์ 1-0 ในการต่อเวลาพิเศษ จากการแข่งชนะโปแลนด์ด้วยการยิงลูกโทษ โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะคนแรก ที่เข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ในรายการยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ โรนัลโด้สามารถทำประตูขึ้นนำ และแอสซิสต์ ลูกที่ 2 ในการแข่ง ที่โปรตุเกส ชนะ เวลส์ ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้โรนัลโด้มีสถิติการทำประตู เท่ากับมิเชล ปลาตินี่ ซึ่งเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้มากที่สุด ซึ่งก็คือ 9 ประตู ในรอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศษ หลังจากโรนัลโด้ลงเล่นเพียงแค่ 25 นาที ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก หลังจากการพยายามเข้าประทะ และรักษาบอลเมื่อเจอกับดิมิทรี ปาเยต์ โรนัลโด้ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก และถูกแทนที่ด้วยควอเรสม่า ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นักเตะตัวสำรองของโปรตุเกส อย่าง เอแดร์ สามารถทำประตูในนาทีที่ 109 ทำให้ทีมโปรตุเกส ชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ในฐานะกัปตันทีม โรนัลโด้ก็ได้ชูถ้วยรางวัลให้กับโปรตุเกส และรางวัลนี้ ก็เป็นครั้งแรกของโรนัลโด้ จบการแข่งขัน โรนัลโด้ได้รับรางวัลรองเท้าเงิน จากการทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยการทำ 3 ประตู 3 แอสซิสต์ และได้รับเลือกให้เป็นทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ เป็นครั้งที่ 3

โรนัลโด้เริ่มเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกส

จากความสำเร็จในรายการยูโร 2016, โรนัลโด้สามารถทำได้ 4 ประตู ในแมทซ์ที่่พบกับ อันดอร์รา ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 เมื่อวันทที่ 8 ตุลาคม 2016 จากการทำ 4 ประตู ด้วยนักเตะเพียงแค่ 9 คน ทำให้เป็นสถิติการทำประตูมากที่สุด ในฐานะทีมชาติ วันที่ 13 พฤศจิกายน โรนัลโด้ทำ 2 ประตู (รวมไปถึงการพลาดการยิงจุดโทษ) ในรอบคัดเลือก ที่เจอกับลัตเวีย ซึ่งผลการแข่งขัน จบไปด้วยการชนะ 4-1 สถิติการทำประตูของโรนัลโด้ ในนามของทีมชาติ ขยับขึ้นเป็น 68 ประตู เท่ากับ แกร์ท มึลเลอร์ และ ร็อบบี คีน กลายมาเป็นนักเตะคนที่ 4 ที่สามารถทำประตูได้มากที่สุดของนักเตะทีมชาติยุโรป โรนัลโด้ลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก ที่บ้านเกิด ซึ่งก็คือหมู่เกาะ มาเดรา ในวันที่ 28 มีนาคม 2017 ในขณะที่มีอายุ 32ปี ในแมทซ์กระชับมิตร ซึ่งแพ้ สวีเดน 2-3 จากการทำประตู โรนัลโด้ก็มีสถิติเทียบเท่ากับ มิโรลสลัฟ โคลเซอ ซึ่ง่สามารถทำประตูได้ 71 ประตู และกลายเป็นนักเตะ 3 อันดับแรก ที่สามารถทำประตูได้มากที่สุด ในนามของนักเตะทีมชาติ

ในรอบเปิดการแข่งขัน ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันคัพ 2017 ที่พบกับเม็กซิโก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน โรนัลโด้ช่วยให้ ควอเรสมา ทำประตูขึ้นนำ และจบการแข่งขันไปด้วยสกอร์ 2-2 แล้ว 3 วันถัดมา โรนัลโด้สามารถทำประตูชัย ในแมทซ์ที่เจอกับ รัสเซีย ชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 วันที่ 24 มิถุนายน โรนัลโด้ทำประตูจากการยิงจุดโทษ ในแมทซ์ที่ชนะ นิวซีแลนด์ 4-0 ทำให้โปรตุเกสกลายมาเป็นจ่าฝูงในรอบแบ่งกลุ่ม และเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จากการทำประตูที่ 75 ในฐานะนักเตะทีมชาติ โรนัลโด้ก็สามารถทำสถิติเท่ากับ ซันดอร์ คอชซิส ซึ่งเป็นนักเตะ 2 อันแรก ที่ทำประตูได้มากที่สุดของทีมชาติในยุโรป ตามหลังเพียงแค่แฟแร็นตส์ ปุชกาซ โรนัลโด้ได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าทุกแมทซ์ ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ทีมโปรตุเกสก็ตกรอบไปอย่างรวดเร็ว จากการแพ้การดวลจุดโทษ 3-0 กับชิลี ในรอบรองชนะเลิศ และโรนัลโด้ได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมลูกที่เพิ่งคลอด และทำให้โรนัลโด้ พลาดที่จะเล่นในการแข่งรอบเพลย์ออฟ อันดับ 3 ที่โปรตุเกส พ่ายแพ้แมกซิโก 2-1 หลังต่อเวลาพิเศษ

วันที่ 31 สิงหาคม 2017 โรนัลโด้ทำแฮททริค ในการแข่งรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ที่ชนะหมู่เกาะแฟโร 5-1 ทำให้โรนัลโด้แซงเปเล่ และสามารถทำประตูเทียบเท่ากับ ฮุสเซน ซาอีด ด้วยการขึ้นเป็น 5 อันดับของนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในการแข่งให้กับทีมชาติ ด้วยการทำประตูรวม 78 ประตู และทำให้ผลการทำประตูรวมของโรนัลโด้ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ขยับขึ้นเป็น 14 ประตู เท่ากับ เปดราค มิยาโทวิช ซึ่งทำสถิติ ทำประตูมากที่สุด ในการแข่งขันยูฟ่ารอบคัดเลือก ใน 1 ฤดูกาล และโรนัลโด้ก็ยังทำลายสถิติการทำประตูมากที่สุด ในการแข่งรอบคัดเลือกในกลุ่มของยุโรป ทำลายสถิติเดิม ซึ่งทำไว้ 13 ประตู โดย เดวิด ฮีลีย์ และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โรนัลโด้ทำแฮททริค ทำให้ผลรวมการทำประตูในรอบคัดเลือกของรายการฟุตบอลโลก ขยับขึ้นเป็น 29 ประตู ทำให้โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูมากที่สุดในโลก ในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ของฟุตบอลโลก แซงหน้า อังดรีย์ เชฟแชงโค และกลายมาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุด ในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก ในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน ผลรวมการทำประตูก็ขยับมาเป็น 32 ประตู แซงหน้า มิโรสลาฟ โคลเซอ

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกสจะต้องเจอกับ ตูนีเซีย,เบลเยี่ยมและอัลจีเรีย ในการแข่งขันครั้งสุดท้ายจาก 3 แมทซ์ ทำให้โรนัลโด้ลงเล่นครบ 150 ครั้ง ให้กับทีมชาติ วันที่ 15 มิถุนายน 2018 โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะที่มีอายุมากที่สุด ที่สามารถทำแฮททริค ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ช่วยให้โปรตุเกส เสมอ สเปน ด้วยสกอร์ 3-3 ในรอบเปิดของฟุตบอลโลก และกลายมาเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรก ที่สามารถทำประตู ใน 4 ครั้งการแข่งฟุตบอลโลก ประตูที่ 3 ในการทำแฮททริค เป็นการยิงฟรีคิกในระยะ 30 หลา 2 นาทีก่่อ่นที่จะหมดเวลา จากการทำแฮททริค ทำให้โรนัลโด้ มีสถิติการทำประตู เท่ากับแฟเร็นตส์ ปุซกาซ ซึ่งเป็นการทำประตู รวมทั้งสิ้น 84 ประตู ในการลงเล่นให้กับทีมชาติ ในการแข่งครั้งที่ 2 ของโปรตุเกส เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน โรนัลโด้สามารถทำได้ 1 ประตู ในแมทซ์ที่ชนะ โมร็อกโค 1-0 ทำลายสถิติของแฟเร็นตส์ ปุซกาซ ในรอบสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โรนัลโด้พลาดการยิงจุดโทษ ในแมทซ์ที่เสมอกับอิหร่าน 1-1 ทำให้โปรตุเกสเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ตามหลังทีมชาติสเปน ในวันที่ 30 มิถุนายน โปรตุเกส ตกรอบ จากการพ่ายแพ้อุรุกวัย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

โรนัลโด้ สไตล์

กองหน้าที่หลากหลาย โรนัลโด้เป็นนักเตะที่สามารถเล่นในตำแหน่งปีก กองกลางตัวบุก แม้ว่าโรนัลโด้จะถนัดเท้าขวา แต่เห็นได้ชัดว่าสามารถเล่นได้ทั้ง 2 เท้า โรนัลโด้เป็นหนึ่งในนักเตะ ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ในขณะที่มีบอล และไม่มีบอล ในด้านเทคนิค โรนัลโด้มีการพัฒนาทักษะตลอดเวลา ในขณะที่อยู่กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน และช่วงฤดูกาลแรก ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ก็ได้รับการลงเล่นในตำแหน่่งปีกขวา ซึ่งสามารถเห็นได้ว่า โรนัลโด้สามารถเปิดเกมบุกเข้าในกรอบเขตโทษได้ จากการเล่นตำแหน่งนี้ ทำให้โรนัลโด้สามารถใช้ฝีเท้า ความแม่นยำ และความรวดเร็ว รวมไปถึงเทคนิค ในการเลี้ยงหลบคู่แข่ง เมื่อเจอหน้ากัน 1 ต่อ 1 โรนัลโด้ได้ถูกบันทึกว่า เป็นนักเตะที่มีการเลี้ยงหลบ ด้วยความมีไหวพริบ เป็นการแสดงให้เห็นถึงอุบาย และเทคนิคในการเล่น และการสับขาหลอกของโรนัลโด้ ซึ่งเรียกกันว่า “ฉับ” กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของโรนัลโด้

โรนัลโด้ ตรวจร่างกาย

จากการที่โรนัลโด้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น การพัฒนาการของกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถครองบอลได้ดีขึ้น และพลังขาก็ทำให้โรนัลโด้มีทักษะการเล่นลูกกลางอากาศได้ดี จากความแข็งแกร่ง และทักษะการกระโดด รวมไปถึงความสูง 1.85 เมตร ทำให้โรนัลโด้สามารถเอาชนะในการเล่นลูกกลางอากาศเสมอ และกลายมาเป็นนักเตะที่สามารถเล่นลูกกลางอากาศในกรอบเขตโทษได้ จากหลายประตูที่โรนัลโด้ทำ จะเห็นว่ามีหลายลูกที่มาจากลูกโหม่ง รวมไปถึงความทรหด ความขยัน ทำให้ทักษะในการทำประตูของโรนัลโด้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งโรนัลโด้มีอิสระในการโยกมาเล่นในโซนกลางสนาม เพื่อทำประตู โรนัลโด้ยังได้มีการพัฒนาแนวทางการเล่นใหม่ๆให้กับทีม ส่วนใหญ่เป็นการวางบอลลึก มีการช่วยเหลือทีมตลอด สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม ทักษะการหาช่อง และทักษะในการส่งบอล

ในฤดูกาลสุดท้าย ในขณะที่อยู่ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้เล่นในตำแหน่งบุก มากกว่าตำแหน่งกองกลาง สามารถเล่นได้ในตำแหน่งกองหน้าและหน้าต่ำ แม้กระทั่งกองกลางตัวบุก โรนัลโด้ก็สามารถเล่นได้ โรนัลโด้สามารถแสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้ดี สามารถเล่นได้ทั้งสองด้าน ในกรอบเขตโทษ แม้แต่ในระยะที่ใกล ก็ยังสามารถยิงลูกที่แรงและแม่นยำได้ มีความแม่นยำในการยิงจุดโทษ และกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการยิงลูกฟรีคิก แม้ว่าภายหลังทักษะพวกนี้จะลดลง ในขณะที่โรนัลโด้ยิงฟรีคิก เป็นที่รู้กันว่า โรนัลโด้มีเทคนิคในการยิงลูกไซด์ ซึ่งแต่ก่อนเป็นการยิงฟรีคิก ที่ถูกทำให้เป็นที่นิยม จาก จูนินโญ แปร์นัมบูกา โรนัลโด้ยังมีเอกลักษณ์ ด้วยการยืนกางขาในขณะที่กำลังจะยิงฟรีคิก จากเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ของโรนัลโด้ในการยิงฟรีคิก อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไมค์ ฟีแลน ได้กล่าวว่า “ผู้คนส่วนใหญ่จะวางฟุตบอล เดินออกห่าง วิ่งแล้วก็เตะมัน ในขณะที่โรนัลโด้แตกต่างออกไป เขาวางฟุตบอลลง ทำสมาธิให้มากที่สุด ก้าวถอยหลังไปยืนในตำแหน่งที่ดีที่สุด ที่จะสามารถเตะลูกฟุตบอลในจุดที่เหมาะสมที่สุด และยังเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมด้วยการดึงขากางเกงขึ้น เพื่อแสดงต้นขา และเป็นการแสดงว่า ให้ทุกคนมองมาที่ฉัน โรนัลโด้มีความฉลาดเป็นอย่างมาก ในขณะที่สับขาวิ่ง โลกก็กำลังดูเขาอยู่”

ในการเล่นให้กับทีมเรอัล มาดริด โรนัลโด้เล่นเกมบุกได้ดีขึ้น ทักษะในการเล่นเกมรับก็ลดน้อยลง แม้ว่าจะไม่ได้ลดลงโดยสิ้นเชิง ตำแหน่งการเล่นของโรนัลโด้ก็ถูกเปลี่ยนกลับให้เป้น ปีกซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้โรนัลโด้สามารถเล่นได้อย่างอิสระที่สุด เป็นตำแหน่งที่สามารถโยกมาเล่นตรงกลาง และทำประตูในกรอบเขตโทษ หรือเป็นตำแหน่งที่สามารถหลอกล่อตัวประกบได้ เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีม, การเล่นเกมสวนกลับของเรอัล มาดริดเป็นแผนการเล่นที่ทำให้โรนัลโด้แสดงประสิทธิภาพออกมาได้มากที่สุด สามารถทำลายสถิติการทำประตู สื่อต่างๆก็แสดงให้เห็นถึงทักษะการทำประตูของเขา ตั้งแต่ปี 2013 โรนัลโด้ก็แสดงให้เห็นถึงทักษะและความคิดสร้าางสรรค์ของเขาในตำแหน่งนี้ และสามารถปรับตัวกับร่างกาย ในขณะที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น ลดการเคลื่อนไหวในขณะที่มีบอล และไม่มีบอล ลดการเลี้ยงลูก และลดการส่งบอล, แต่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนที่ระยะสั้น และการทำประตู จนถึงปี 2017 โรนัลโด้ได้ปรับการเล่น และกลายมาเป็นนักเตะที่เล่นในตำแหน่งอิสระมากขึ้น อย่างกองกลางตัวบุก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้โรนัลโด้สามารถกลับไปทำประตูได้อีกครั้ง ในตำแหน่งนี้โรนัลโด้ก็ได้รับการยกย่องผ่านสื่อต่างๆ จากความฉลาดในการเคลื่อนที่ การยืนในตำแหน่งที่ดี สามารถเชื่อเกม และหลอกล่อคู่ต่อสู้ รวมไปถึงทักษะในการทำให้ตัวเองไม่เป็นจุดสนใจ หาพื้นที่การเล่น และทำประตูจากโอกาสที่ลดน้อยลง

เมสซี่ กับ โรนัลโด้

โรนัลโด้เป็นนักเตะที่รู้ทั่วกันว่าเป็น 1 ใน 2 นักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้ เคียงข้างไปกับลีโอเนล เมซซี่ หลังจากที่โรนัลโด้ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ครั้งแรก ด้วยสถิติการโหวตที่สูงมาก ในขณะที่มีอายุ 23 ปี สื่อสาธารณะได้ให้การยอมรับว่าโรนัลโด้มีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง จากทักษะการทำประตูในระดับสากล โรนัลโด้ถูกพิจารณาให้เป็นนักเตะที่มีความแน่วแน่ในการเล่นฟุตบอล และเป็นนักเตะที่สามารถพลิกเกมได้ โดยเฉพาะในการแข่งขันที่มีความกดดันสูง โรนัลโด้เป็นบุคคลที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ มีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ มีการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และมีสภาวะการเป็นผู้นำ เขียนจากการที่โรนัลโด้ “มีความมุ่งมันในการเตรียมพร้อมร่างกาย” โดยอดัม เบทท์ จากสกาย สปอร์ต และได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การอุทิศตัวเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ในการที่จะขึ้นสู่จุดสูงสุด ซึ่งบางทีอาจจะยังเทียบไม่ได้กับในสนามแข่ง” แรงผลักดันและความมุ่งมันของโรนัลโด้ มาจากความปราถนาที่จะได้พูดคุยกับเปเล่ และดิอาโก มาราโดน่า ซึ่งเกษียณอายุไปแล้ว อย่างไรก็ตามโรนัลโด้ก็ได้รับการวิจารณ์ เกี่ยวกับการแสดงเมื่อมีการเข้าประทะ จากการกระทำนี้ ทำให้โรนัลโด้ถูกวิจารณ์โดยเซอร์ อเล็กเฟอร์กูสัน และเพื่อนร่วมทีม ว่ามีความเห็นแก่ตัว และแสดงมากเกินไป

ในชีวิตการเป็นนักฟุตบอล โรนัลโด้ได้ถูกอธิบายว่ามีลักษณะหยิ่ง โรนัลโด้ได้ระบุว่าเขากลายเป็น “เหยื่อ” จากสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่าโรนัลโด้มีการโบกไม้โบกมือ โวยวาย และทำหน้าบึ้ง เมื่อพยายามผลักดันเพื่อนร่วมทีม ให้ได้รับชัยชนะ โรนัลโด้กล่าวว่าการบุคลิคในการเล่นของเขา ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการหยิ่งยโส ผู้จัดการของโรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงนักข่าว ได้กล่าวว่า ชื่อเสียงด้านลบเกี่ยวกับบุคลิคภาพ เป็นสิ่งที่ไม่แฟร์ต่อโรนัลโด้เลย ในปี 2014 โรนัลโด้พูดกับนักเตะฝรั่งเศษ ว่าเขาได้ทำผิดพลาดในปี 2011 “ผู้คนอิจฉาในขณะที่ผมอายุยังน้อย หล่อ และรวย” หลังจากการทำแบบนั้น ก็ทำให้แฟนบอลเข้าใจโรนัลโด้ ในทางที่ดีขึ้น

โรนัลโด้สามารถทำประตู และได้รับการแสดงความยินดีมาหลายครั้ง และมีครั้งหนึ่งที่ได้ร่วมงานเฉลิมฉลองที่มีชื่อเสียงเป็นวงกว้าง ด้วยการย่อตัวมองไปที่กล้องข้างสนาม ในขณะที่มือจับอยู่บริเวณคาง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการทำประตู โรนัลโดจะ “กระโดดกางขา” และ “หมุนตัว” และไปยืนกางแขนเหมือนเหยี่ยว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมีพลัง และจะตะโกนพร้อมกันว่า ซี่ (แปลว่า ใช่ ในภาษาสเปน) ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่จะถูกพูดว่า ซี่ ในสื่อต่างๆ

เปรียบเทียบกับลีโอเนล เมซซี่ นักเตะทั้ง 2 คน สามารถทำประตูได้อย่างน้อย 2 รอบการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกรอบชิงชนะเลิศ และเป็นที่รู้กันว่าทำลายสถิติ 50 ประตู ในฤดูกาลเดียว นักข่าวกีฬาและนักวิชากร ได้ถกเถียงกันว่า จากทั้งคู่ ใครจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด ได้รับการเปรียบเทียบจากการแข่งขันกีฬาต่างๆ อย่าง มูฮัมหมัดอาลี และ โจ เฟรเซอร์ ในกีฬาชกมวย บอร์ก และ แม็กเอนโร ในกีฬาเทนนิส อาอิร์ตง เซนนา และ อาแล็ง พรอสต์ ในกีฬา ฟอร์มูล่า วัน

นักวิจารณ์บางคนได้ถูกคัดเลือกให้วิเคราะห์เกี่ยวกับสภาพร่างกาย และสไตล์การเล่นของทั้งคู่ โดยเปรียบเทียบจากส่วนหนึ่งของการลงแข่ง เพื่อดูการพัฒนาการเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 คน โรนัลโด้ได้ถูกเปรียบเทียบว่าหยิ่งยโส และชอบแสดง ในขณะที่ลีโอเนล เมซซี่ ถูกเปรียบเทียบว่าขี้อาย และอ่อนน้อมถ่อมตน

ในการสัมภาษณ์ ปี 2012 โรนัลโด้ได้กล่าวว่า “พวกเราผลักกันและกันเป็นบางครั้ง ในการแข่งขัน เป็นเหตุผลว่าทำไมการแข่งขันถึงสูงขนาดนี้” ในขณะที่ผู้จัดการของโรนัลโด้ในขณะที่อยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน มีความคิดเห็นว่า “ผมไม่คิดว่าการแข่งขันระหว่าง 2 คน จะไปรบกวนจิตใจเขา ผมคิดว่าเขาทั้งคู่มีความภาคภูมิใจส่วนบุคคล ที่จะกลายมาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด” เมซซี่ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการแข่งขันใดๆ และได้กล่าวว่า “โดยเฉพาะกับสื่อ ความกดดันต่างๆ ที่ทำเหมือนเราเป็นคนโง่ แต่ผมไม่เคยมีปัญหากับโรนัลโด้” จากการกล่าวด้วยความใจเย็นของเมซซี่ โรนัลโด้ออกมากล่าวว่า “พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ในนอกโลกของฟุตบอล ซึ่งเป็นปกติที่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับนักเตะส่วนใหญ่” หลังจากนั้นก็กล่าวเพิ่มอีกว่า “พวกเราควรจะดูการแข่งขันให้เป็นพลังด้านบอก เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี” หลังจากการแข่งขันระหว่างบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ซึ่งนักเตะทั้ง 2 ได้แข่งกัน 2 ครั้งในทุกๆฤดู อย่างการแข่งขัน เอล กลาซิโก ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ทั่วโลกจับตามองมากที่สุดอย่างหนึ่ง

ในการปรากฏตัวครั้งแรก ที่ชมรมโต้วาทีแห่งเมืองออร์กฟอร์ด ในเดือนตุลาคม 2013 จากการถามประธานฟีฟ่าอย่าง เซฟฟ์ บลัทเลอร์ ว่าชอบโรนัลโด้ หรือเมซซี่ จากจรรยาบรรณการทำงานในอาร์เจนติน่า ทำให้เซฟฟ์ มองที่โรนัลโด้ และกล่าวว่า “1 ใน 2 คน เสียเงินทำผมมากกว่าอีกคน” อย่างไรก็ตามชาวโปรตุเกสก็ทำการล้อเลียน หลังจากที่ยิงจุดโทษใส่ทีมเซบีญ่า ในขณะที่เซฟฟ์อธิบายว่าเขาเป็นผู้บัญชาการในสนาม

นอกการแข่งขันฟุตบอล จากชื่อเสียงที่โรนัลโด้ทำไว้ ขณะร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ได้เซ็นต์สัญญากับสปอนเซอร์หลายเจ้า สำหรับการโฆษณาให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์กีฬา รองเท้าฟุตบอล (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2012 โรนัลโด้สวมรองเท้าฟุตบอลของไนกี้ รุ่นเมอคิวเรียล เวเปอร์ มีชื่อรุ่นว่า ซีอาร์7) น้ำอัดลม,เสื้อผ้า,สารหล่อลื่นในอุตสาหกรรม,การบริการทางการเงิน,อิเล็กทรอนิกส์ และเกมส์คอมพิวเตอร์

โรนัลโด้ได้ขึ้นเป็นปกเกมส์ ฟีฟ่า 18 และได้รับการโปรโมทเป็นอย่างมาก ในการโฆษณาโปรโมชั่นของเกมส์ คำพูดว่า “ซี่” ของโรนัลโด้ เมื่อสามารถทำประตูได้ กลายเป็นเอกลักษณ์ในเกมส์ฟีฟ่า โรนัลโด้ยังปรากฏใน โปร อีโวลูชั่น ซอคเกอร์ หรือเรียกกันสั้นๆว่า เป๊ส และขึ้นหน้าปกของเกมส์ ในปี 2008,2012 และ 2013

นิตยสารฟอร์บได้มีการจัดอันดับให้กับโรนัลโด้ 2 อย่าง โดย โรนัลโด้เป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก รวมไปถึงโบนัส และรายได้อื่นๆ โดยสามารถทำเงินได้ 73 ล้านดอลล่าร์ ในฤดูกาล 2013-14 และ 79 ล้านดอลล่าร์ในฤดูกาล 2014-15 ซึ่งเป็นครั้งที่ทำให้รายได้ของโรนัลโด้ ตามหลังนักกีฬาคนเดียว ซึ่งก็คือ ฟลอยด์ เมย์เวทเทอร์ จูเนียร์ ที่เป็นนักมวย ในปี 2016 โรนัลโด้กลายมาเป็นนักฟุตบอล ที่สามารถขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ของนักกีฬาที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก ด้วยรายได้ทั้งสิ้น 88 ล้านปอนด์ จากฤดูกาล 2015-16 และในปีต่อมา โรนัลโด้ก็สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 93 ล้านดอลล่าร์ ในฤดูกาล 2016-17 โรนัลโด้กลายมาเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการของตลาด สำนักข่าวสปอร์ต โปร จัดอันดับให้โรนัลโด้ เป็นอันดับ 5 ของบุคคลที่ตลาดต้องการตัวมากที่สุด และนักเตะที่มีความต้องการตัวมากที่ 8 อันดับแรก ในปี 2013 ในขณะที่นักเตะชาวบราซิล อย่างเนย์มาร์ ก็ติดอันดับทั้ง 2 ปีเหมือนกัน

จากการวิเคราะห์ทางการตลาดโดยบริษัทรีพิวคอม มีการวิเคราะห์ว่าโรนัลโด้เป็นนักเตะที่มีความต้องการของตลาดสูงที่สุด และเป็นนักกีฬาที่ทั่วโลกจดจำมากที่สุด ในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 โรนัลโด้ได้ติดอันดับนิตยสารไทม์ บุคคลที่มีอิทธิมากที่สุดในโลก 100 อันดับแรก สำนักข่าวอีเอสพีเอ็น ได้ทำการบันทึกว่าโรนัลโด้เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ในปี 2016, 2017 และ 2018

โรนัลโด้ ย้ายมายูเว่

โรนัลโด้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ กลายมาเป็นนักกีฬาที่โด่งดังมากที่สุดในสื่อโซเชี่ยลมีเดีย โรนัลโด้เป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามรวมทั้งสิ้น 158 ล้านคน บนเฟสบุค ทวิตเตอร์ และอินสตราแกรม ในเดือนมิถุนายน 2015, ในเดือนมิถุนายน 2015 โรนัลโด้มียอดผู้ติดตามบนเฟสบุค 103 ล้านคน กลายมาเป็นนักกีฬาคนแรกที่มีผู้ติดตามถึง 50 ล้านคน ในเดือนสิงหาคม 2010 และในเดือนตุลาคม 2014 โรนัลโด้ก็กลายมาเป็นนักกีฬาคนแรก และเป็นบุคคลที่ 2 ตามหลังชากิร่า ที่มีผู้ติดตาม 100 ล้านคน ในเดือนกรกฏาคม 2017 โรนัลโด้มียอดผู้ติดตามรวมทั้งสิ้น 277 ล้านคน สปอนเซอร์ของโรนัลโด้ได้รับเงินรวม 936 ล้านดอลล่าร์ จากมูลค่าของบัญชีโซเชี่ยลมีเดีย ของโรนัลโด้ ในเดือนมิถุนายน 2016 ไปจนถึงมิถุนายน 2017 โรนัลโด้ได้เปิดตัว 2 แอปพลิเคชั่น ในเดือนธันวาคม 2011 โดยเป็นเกมส์บน ไอโฟน ที่ชื่อว่า Heads up with Cristiano ซึ่งสร้างโดยทีมงานจากค่าย ร็อคไลฟ์ และในเดือนธันวาคม 2013 ชื่อแอปพลิเคชั่น Viva Ronaldo เป็นเวปมีเดีย และแอปพลิเคชั่น บริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ อย่าง McAfee ได้บันทึกสถิติ ว่าในปี 2012 โรนัลโด้เป็นนักฟุตบอลที่ถูกเสิชชื่อ และนำไปสู่เวปไซต์ที่ไม่ปลอดภัย มากที่สุด

ชีวิตส่วนตัวของโรนัลโด้ มีงานอดิเรกหลายอย่าง อัตชีวประวัติของโรนัลโด้ได้ถูกเผยแพร่ในเดือนธันวาคม 2007 สปอนเซอร์ของโรนัลโด้ อย่างคาสตรอลในทำการสร้างหนั้งสั้นที่ชื่อว่า “Ronaldo, Tested to the limit” ซึ่งเป็นหนังที่โรนัลโด้ทำการฝึกซ้อมร่างกายและจิตใจ จากประสิทธิภาพทางร่างกายของโรนัลโด้ ก็กลายมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในสื่อต่างๆ หลังจากหนังสั้นถูกปลอ่ยในเดือนกันยายน 2011 “Cristiano Ronaldo: The World at His Feet” ประวัติของโรนัลโด้ที่บรรยายโดยนักแสดงอย่างเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตซ์ ถูกฉายผ่านทาง วิมิโอ ในเดือนมิถุนายน 2014 หนังเกี่ยวกับประวัติ และชีวิตการเป็นนักเตะของโรนัลโด้ ซึ่งชื่อว่า Ronaldo ออกฉายเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2015 กำกับการแสดงโดยผู้ที่ได้รับรางวัลแบฟตา อย่าง แอนโทนี่ วองเก้ ภาพยนตร์นี่ถูกสร้างโดย ยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ ในขณะที่ อาซิฟ คาปาเดีย เป็นผู้อำนวยการผลิต

เสื้อของโรนัลโด้ เป็นสิ่งที่ขายดีเป็นอย่างมาก ตลอดชีวิตการค้าแข่งของโรนัลโด้ ในปี 2008 โรนัลโด้สวมเสื้อเบอร์ 7 ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขายดีที่สุดในพรีเมียลีก ในปี 2018 หลังจากการเปิดตัวหมายเลข 7 ของโรนัลโด้ กับทีมอย่างยูเวนตุส เสื้อเบอร์ 7 ของโรนัลโด้ ก็ขายออกหมด ด้วยจำนวน 520,000 ตัว ทำรายได้ 62.4 ล้านดอลลาร์ ภายในวันเดียว

โรนัลโด้เปิดร้านเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก ในชื่อ ซีอาร์ 7 (เป็นเสื้อแรก และเลขที่โรนัลโด้สวมใส่) ที่หมู่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส ในปี 2006 โรนัลโด้ขยายสาขาอีกสาขา ไปยังลิสบอน ในปี 2008, โดยมีหุ้นส่วนอย่าง เจบีเอส และ นิวยอร์คดีไซเนอร์อย่างริชาร์ด ไช โรนัลโด้ร่วมออกแบบกางเกงใน และถุงเท้า ในเดือนพฤศจิกายน 2013 หลังจากนั้นก็ได้ขยายแบรนด์ ซีอาร์7 โดยผลิตเสื้อผ้าพรีเมี่ยม และรองเท้า ในเดือนกรกฏาคม 2014 ในเดือนกันยายน 2015 ในการร่วมหุ้นกับเอเด็น พาร์ฟูมซ์ โรนัลโด้ก็ออกผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอมเป็นรุ่นแรก ที่ชื่อว่า “เลกาซี่”

ในปี 2007 สโมสรนาซีอองนาล เปลี่ยนชื่อของค่ายเยาวชน ให้เป็น ค่ายฟุตบอล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และในเดือน ธันวาคม 2013 โรนัลโด้ก็เปิดพิพิธภัณฑ์ที่ชื่อว่า Museu CR7 ที่บ้านเกิดของเขา ที่ฟุงชาล หมู่เกาะมาเดรา เพื่อเก็บสะสมถ้วยรางวัล และความทรงจำในขณะที่โรนัลโด้เป็นนักฟุตบอล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมในท้องถิ้น อย่างสโมสรของมาเดรา ในขณะที่อยู่ในงานพิธี ที่พระราชวังเบเลม ในเดือนมกราคม 2014 ประธานาธิบดีของโปรตุเกส อนิบาล คาวาโด ซิลวา ก็มอบเครื่องราช ชั้นสูงสุด จากคำสั่งของเจ้าชายเฮนรี่ “เพื่อเป็นการประกาศว่า โรนัลโด้เป็นนักกีฬา ที่เป็นสัญลักษณ์ของโปรตุเกส อย่างเป็นทางการ ช่วยเหลือทีมชาติ และเป็นแบบอย่างที่ต่อเยาวชน” โดยมีรูปปั้นทองแดง ซึ่งออกแบบโดย ริคาร์โด มาเดรา เวโลโซ และเปิดตัวในวันที่ 21 ธันวาคม 2014

ในเดือนมิถุนายน 2010 ในขณะการเตรียมทีมสำหรับการแข่งฟุตบอลโลก โรนัลโด้กลายมาเป็นนักเตะคนที่ 4 หลังจาก สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,เปเล่ และเบคแฮม ที่มีหุ่นขึ้ผึ้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ ที่ลอนดอน และมีงานหุ่นขี้ผึ้งของโรนัลโด้อีกครั้ง ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ของเรอัล มาดริด ในเดือนธันวาคม 2013 และในเดือนมิถุนายน 2015 นักดาราศาสตร์ นำโดย เดวิด โซบราล จากลิสบอน และ ไลเดิน ค้นพบกาแลกซี่ใหม่ และตั้งชื่อว่า ซีอาร์7 (Cosmos Redshift 7) เพื่อเป็นการยกย่องโรนัลโด้
วันที่ 23 กรกฏาคม 2016 หลังจากโปรตุเกสชนะเลิศ ยูโร 2016 ที่สนามบินมาเดรา ในฟุงชาล ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สนามบินคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และในวันที่ 29 มีนาคม 2017 จากการมีรูปปั้นครึ่งตัวของโรนัลโด้และการถกเถียงกันเรื่องชื่อ ได้ถูกล้อเลียนโดยนักแสดงตกลง รวมไปถึงรายการคืนวันเสาร์ ในขณะที่การเปลี่ยนชื่อ ก็กลายเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกัน ในวงการนักการเมือง และบุคคลทั่วไป ซึ่งผู้ที่เริ่มต้นร้องขอ ก็ถูกวิจารณ์โดยประธานาธิบดีของเมืองมาเดรา อย่างมิกูเอล อัลเบอร์เคอกี้ ในปีถัดมา เวปไซต์กีฬาอย่าง บลีชเชอร์ ได้กล่าวว่า มีนักแกะสลักชื่อว่า เอมมานูเอล ซานโตส สร้างรูปปั้นอีกตัว อย่างไรก็ตามรูปปั้นนี้ก็ไม่ได้ถูกใช้งาน แตกต่างจากรูปปั้นที่ถูกสร้างโดยนักแกะสลักชาวสเปน ซึ่งนำเสนอต่อสาธารณะ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2018

ครอบครัว โรนัลโด้

พ่อของโรนัลโด้ ชูเซ เสียชีวิตจากการติดแอลกอฮอล์ และเป็นโรคเกี่ยวกับตับ เมื่อเดือนกันยายน 2005 โดยมีอายุ 52 ปี ในขณะที่โรนัลโด้มีอายุ 20 ปี โรนัลโด้กล่าวว่า เขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ได้รับการกลั่นแกล้งจาก หนังสือพิมพ์เดลี่ มิลเลอร์ ซึ่งออกข่าวว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์หนัก ในคลับ ในขณะที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ ในเดือนมิถุนายน 2008 แม่ของโรนัลโด้ โดโรเลส ได้รับวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ในปี 2007 แต่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว

โรนัลโด้มีลูก 4 คน โดยคนแรก เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2010 ที่อเมริกา ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และไม่ได้รับเปิดเผยต่อสาธารณะ ว่าแม่ของเด็กเป็นใคร ซึ่งเป็นข้อสงสัยว่าเกิดจากความสัมพันธ์ หรือการจ้างตั้งครรภ์ ในเดือนมกราคม 2015 โรนัลโด้ประกาศจบความสัมพันธ์กับนางแบบชาวรัสเซีย อย่าง ไอริน่า ชาอิค จากการคบหากัน 5 ปี

โรนัลโด้กลายมาเป็นพ่อของแฝดหญิงอย่าง เอวา และแฝดชาย มาเตโอ เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2017 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการฝากครรภ์ โรนัลโด้มีความสัมพันธ์กับนางแบบชาวสเปน จอร์จินา โรดริเกซ ซึ่งคลอดลูกสาว ที่ชื่อว่า อลานา มาร์ติน่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2017

โรนัลโด้บริจาคเงินหลายครั้ง ในรายการทีวีฉายเกี่ยวกับ ผู้ประสบภัยชาวอินเดีย จากแผ่นดินไหว และซึนามิ ในปี 2004 มีเด็กชายชื่อว่า มาร์ตูนิส อายุ 8 ปี รอดชีวิต และสวมเสื้อเบอร์ 7 ของโปรตุเกส ในขณะที่ผ่านมา 19 วัน หลังจากครอบครัวของเขาเสียชีวิตหมด จากเหตุการณ์นี้ ทำให้โรนัลโด้เดินทางไปยัง อาเจะฮ์ ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อระดมทุน ในการฟื้นฟูบูรณะ หลังจากได้รับค่าเสียหายจากสำนักข่าว เดอะซัน ในปี 2008 โรนัลโด้บริจาคเงินให้กับ มาเดรา ในปี 2009 โรนัลโด้บริจาคเงิน 100,000 ปอนด์ ให้กับโรงพยาบาลที่ช่วยชีวิตแม่ของเขา ในเมืองมาเดรา จากการรักษาโรคมะเร็งได้ ทำให้โรงพยาบาลนี้ กลายเป็นศูนย์กลางในการรักษาโรคมะเร็งของหมู่เกาะมาเดรา รวมไปถึงการช่วยเหลือในเหตุการณ์น้ำท่วม มาเดรา ในปี 2010 โรนัลโด้ลงเล่นในแมทซ์การกุศลที่มาเดรา ระหว่างทีมปอร์โต้ และนักเตะมาเดรา จาก สโมสรมาริตโม และนาซีอองนาล

ในปี 2012 โรนัลโด้ และผู้จัดการทีม จ่ายเงินให้กับผู้เชี่ยวชาญ ในการให้ความช่วยเหลือเด็กอายุ 9 ปี จากหมู่เกาะคานารี ซึ่งเป็นโรคมะเร็ง ในเดือนพฤศจิกายน 2012 โรนัลโด้ เปิดประมูลรองเท้าทองคำของเขา และได้รับเงินรวม 1.5 ล้านยูโร และบริจาคให้กับโรงเรียนสำหรับเด็กในเมืองกาซ่า ในเดือนธันวาคม 2012 โรนัลโด้เข้าร่วมรายการ ฟีฟ่า “11 for Health” ซึ่งช่วยเตือนเด็กๆ ในการรับมือกับสิ่งเสพย์ติด,เอดส์,มาราเลียและโรคอ้วน ในเดือนมกราคม 2013 โรนัลโด้กลายมาเป็นฑูตขององค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในการให้ความหวัง และช่วยเหลือการขาดแคลนอาหาร ในเดือนมีนาคม โรนัลโด้ตอบรับการเป็ยฑูตให้กับองค์กรการกุศลของอินโดนีเซีย และทำให้คนตระหนักถึงการรักษาแหล่งน้ำไว้

โรนัลโด้ได้ถูกบันทึกให้เป็นนักกีฬาใจบุญ ในปี 2015 หลังจากบริจาคเงิน 5 ล่านปอนด์ ให้กับแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 8,000 คน ในเดือนมิถุนายน 2016 โรนัลโด้บริจาคอีก 600,000 ยูโร ซึ่งได้มาจากโบนัส ในแชมเปี้ยนลีก หลังจากเรอัล มาดริด ชนะรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ฤดูกาล 2015-16 ในเดือนสิงหาคม 2016 โรนัลโด้ได้เปิดตัว แอปพลิเคชั่น CR7Selfie ซึ่งเป็นแอปสำหรับการบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็ก โดยทำให้คนสามารถถ่ายรูปเซลฟี่กับเขา ด้วยชุด และอริยาบถที่แตกต่างกัน ในแอปพลิเคชั่น เหล่าแฟนคลับสามารถเลือกรูป จาก 68 รูปของโรนัลโด้ และมีอีก 39 ฟิลเตอร์ให้เลือก ในการถ่ายรูปเซลฟี่

ในเดือนกรกฏาคม 2017 โรนัลโด้ถูกจับในข้อหาเลี่ยงภาษี 15 ล้านยูโร ในระหว่างปี 2011 ถึง 2014 ซึ่งโรนัลโด้ก็ออกมาปฏิเสธทุกอย่าง ในเดือนมิถุนายน 2018 โรนัลโด้ถูกสั่งให้จำคุก 2 ปี และจ่ายค่าปรับ 18.8 ล้านยูโร แต่ได้รับการลดหย่อนเหลือ 16.8 ล้านยูโร หลังจากการเจรจากับเจ้าหน้าที่ชาวสเปน ด้วยการคุมประพฤติ ทำให้โรนัลโด้ไม่ต้องถูกจำคุก ทำให้โรนัลโด้ไม่ปฏิเสธ

โรนัลโด้เป็นอีกคน ที่ถูกตรวจสอบโดย หน่วยงานในการดำเนินคดีอาญาแห่งชาติ ของอังกฤษ หลังจากในปี 2005 ในข้อกล่าวหาว่า ข่มขืนผู้หญิง 2 คน ภายในวันเดียวกัน ผู้หญิงทั้ง 2 คน ก็ถอนข้อกล่าวหา และสำนักงานใหญ่ของตำรวจนครบาล สกอร์ตแลนด์ ยาร์ด ก็ออกมากล่าวว่า การฟ้องร้องมีหลักฐานไม่เพียงพอ ในเดือนเมษายน 2017 โรนัลโด้ก็ถูกกล่าวหาว่ามีการข่มขืนอีกครั้ง จากสำนักงานของลาส เวกัส ซึ่งต้นกำเนิดของคดีเกิดเมื่อปี 2009 จากเอกสาร ได้รับการยืนยันจากทนายความของโรนัลโด้ ว่าโรนัลโด้จ่ายค่าปิดปากเป็นเงินจำนวน 375,000 ยูโร ให้กับหญิงสาว โรนัลโด้และทนายความ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และกล่าวว่า “พวกเขาหมิ่นประมาทโดยเจตนา และมีการปลอมแปลงโดยสมบูรณ์” แล้วกล่าวว่าจะไม่มาข้องแวะโดยเด็ดขาด