ลองมามองในโซนท้ายตารางของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กันบ้าง ต้องบอกก่อนเลยว่าแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อทีมบ๊วยก่อนลงเตะในสุดสัปดาห์นี้จะเป็น “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม ทีมเล็ก ๆ ที่เล่นในกระท่อมหลังน้อยอย่างคราเวน ค็อตเทจ แม้เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากศึกเดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เมื่อซีซั่นที่แล้ว ทว่าด้วยการเป็นทีมที่มีเจ้าของรวยใช้ได้ เกจิหลายคนจึงฟันธงว่าโอกาสที่พวกเขาจะอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดมีสูง
ทว่าด้วยผลงานในช่วงแรกที่มันห่วยแตกสิ้นดี ทำให้ ฟูแล่ม รั้งอันดับในโซนท้ายตารางมาโดยตลอดจนบอร์ดบริหารต้องปลดกุนซือคนเก่าออกจากตำแหน่ง พร้อมดึงเอา เคลาดิโอ รานิเอรี่ อดีตกุนซือผู้สร้างตำนานพาทัพ “สุนัขจิ้งจอก” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เข้ามาคุมทัพ โดยหวังว่าทีมของพวกเขาจะผลงานดีขึ้นกว่าเดิมตามประสบการณ์ของกุนซือชาวอิตาลีผู้มีความสามารถในการพาทีมต่าง ๆ รอดตกชั้นมามากมาย กระนั้นเมื่อมามองผลงานจริง ๆ ต้องบอกว่าเวลานี้ยังไม่เป็นดังที่แฟนบอลต้องการเท่าไหร่นัก เพราะกลายเป็นว่าพวกเขาอยู่อันดับบ๊วยของตาราง พร้อมทั้งมีโอกาสตกชั้นสูงมากแม้เพิ่งลงเล่นไปยังไม่ทันถึงครึ่งซีซั่น
รานิเอรี่ ยังคงพาฟูแล่มไปไกลกว่านี้ไม่ได้
แม้ รานิเอรี่ จะได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่มีความสามารถกับการพาทีมรอดตกชั้นมาหลายซีซั่น หลายทีม ทว่าด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ใช่ว่ากุนซือทุกคนจะสามารถพาทีมบินสูงได้ทันทีทันใดแม้ดีกรีจะเก่งเก๋าแค่ไหนก็ตาม มันต้องใช้เวลาและค่อย ๆ เรียนรู้ ค่อย ๆ ทำความรู้จักกับนักเตะพร้อมทั้งสอนแท็กติกต่าง ๆ นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าเวลานี้ทำไม ฟูแล่ม จึงกลายเป็นงานอันแสนน่าปวดหัวของ รานิเอรี่ ความน่าปวดหัวยิ่งกว่าคือนักเตะหลายคนในทีมที่คาดหวังจะทำผลงานได้ดีกลับยังไม่เปรี้ยง เมื่อเป็นเช่นนี้ วิธีเดียวที่เขาจะทำได้คือพยายามวางแผนการเล่นให้ออกมาเหมาะสมมากที่สุด
แม้ซีซั่นยังอีกยาวไกล โอกาสยังคงเปิดกว้างให้กับทีมท้ายตารางทุก ๆ ทีมเพื่อหนีตกชั้น แต่ถ้าสถานการณ์ของ เจ้าสัว ยังไม่ดีขึ้น มีความเป็นไปได้ว่า รานิเอรี่ เองอาจอยู่ไม่ถึงจบซีซั่นก็ได้ ด้วยผลงานของทีมที่ไม่ได้ดีขึ้นดังคาดหวังเอาไว้ แม้เคยเป็นกุนซือผู้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมา แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายการันตีว่าเขาจะต้องทำผลงานได้ดีกับทุกทีม เรื่องราวอันน่าปวดหัวที่เข้ามารับงานเผือกร้อนแบบนี้ของเขาจึงต้องลุยต่อให้สุด
