ดั๊กลาส คอสต้า : Douglas Costa

ประวัติ นักเตะ ดั๊กลาส คอสต้า

โดกลัส ดั๊กลาส เดอ ซูซ่า เกิดวันที่ 14 กันยายน 2533 เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิลที่เล่นในตำแหน่งปีกให้กับยูเวนตุสและลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลเขามีความโดดเด่นในด้านทักษะการเลี้ยงบอลความเร็วและผ่านบอล ดั๊กลาส คอสต้า เริ่มเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับเกรมิโอ้ ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ก่อนที่จะย้ายไปร่วมเล่นให้ชักตาร์ โดเน็ตส์กในเดือนมกราคมปี 2553 ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโรเขาได้รับรางวัลมากมายกับชัคเตอร์ในฤดูกาล 2553-54 เช่นศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ศึกฟุตบอลยูเครนคัพและศึกฟุตบอลซูเปอร์คัพและในปี 2558 เขาได้ย้ายมาเข้าร่วมบาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการติดต่อกัน หลังจากนั้นก็ถูกยูเวนตุสขอยืมตัวมาช่วยทีมในปี 2560 เขาประสบความสำเร็จโดยที่สามารถคว้าแชมป์ได้ 2 ครั้งในฤดูกาลแรกของเขาวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ยูเวนตุสได้ทำสัญญาให้ย้ายอย่างถาวร ดั๊กลาสเป็นนักเตะชุดใหญ่ของทีมชาติบราซิลตั้งแต่ 2557 เขาได้ลงเล่นในศึกโคปาอเมริกาปี 2558 และศึกฟุตบอลโลกปี 2561

ดั๊กลาส คอสต้า เกรมิโอ้

เขาเกิดที่ซาปูชายาโดซุลรัฐรีโอกรันดีดูซูลของประเทศบราซิล ดั๊กลาสได้มาเข้าร่วมกับเกรมิโอ้ ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ เมื่อตอนอายุ 11ปี เขาได้ลงเล่นให้กับสโมสรอายุ 18 ปี โดยสามารถคว้าชัยชนะไป 2-1ในนัดที่พบกับโบตาโฟโก้ ในวันที่ 4 ตุลาคม 2551 และเขาสามารถยิงประตูแรกของเขาให้สโมสรได้ เมื่อจบฤดูกาล 2551 เขาสามารถยิงได้ 1 ประตูใน 6 เกม วันที่ 14 มิถุนายน 2552 เขาได้รับใบแดงในเกมส์ที่เสมอ 0-0 กับฟลูมิเนนเซ่และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 เขาเป็นคนยิงประตูแรกให้กับทีมและเก็บชัยชนะไปได้ 4-2 ในนัดที่พบกับเกรมิโอ้ ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2553 เขาได้ย้ายไปร่วมกับมชักตาร์ โดเน็ตส์ก เขาลงเล่นให้กับเกรมิโอ้ ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ ไปทั้งหมด 37 นัดลงเล่นในลีก 28 นัดทำประตูได้ 2 ลูก

ดั๊กลาส คอสต้า ชักตาร์ โดเน็ตส์ 2010

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2553 ดั๊กลาสได้เซ็นสัญญากับชักตาร์ โดเน็ตส์ก เป็นระยะเวลา 5 ปีด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร เขาได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลยูฟ่ายูโรป้าลีกพบกับฟูแล่มในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก ได้พ่ายแพ้ไป 2-1 เขาเป็นตัวสำรองถูกเปลี่ยนลงในนาทีที่ 75 แทนเจดสันวันที่ 25 กุมภาพันธ์เป็นการแข่งขันในสนามตัวเองเขาได้ลงมาในนาทีที่ 53 นาทีลงมาแทนที่ของวิลเลี่ยนและช่ายแอสติสให้เจดสันทำประตูตีเสมอจบเกมไป 1-1 ชักตาร์ โดเน็ตส์กพบกับความพ่ายแพ้ด้วยผลรวม 3-2 เขายิงประตูแรกให้กับเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2553 พาทีมเอาชนะเมตาลิสต์คาร์คีฟไปได้ 2-1 วันที่ 28 มีนาคมเขาสามารถยิงประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บคว้าชัยชนะไปได้ 3-1 โดยเอาชนะอาร์เซนอลอิฟ วันที่ 25 เมษายนเขาสามารถทำประตูได้และพาทีมเอาชนะเชอร์โนโมเร็ตส์โอเดสซ่าไป 3-0 และในวันที่ 1 พฤษภาคม ดั๊กลาสยิงลูกสุดท้ายพาทีมเอาชนะเมตัลลูร์กซาโปรอซย่าเขาสามารถยิงประตูที่สามของเขาได้ให้ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก เอาชนะทาฟเรียซีเมียร์โอโป 3-2 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ในฤดูกาลแรกของเขากับชักตาร์ โดเน็ตส์ก ดั๊กลาสลงเล่นไปทั้งหมด 15 นัดและลงเล่น 13 นัดในลีกยิงไปทั้งหมด 5 ลูก และชักตาร์ โดเน็ตส์กสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2552-53 และนี่ถือเป็นถ้วยแรกของคอสต้า

ดั๊กลาส คอสต้า ชักตาร์ โดเน็ตส์ 2011

วันที่ 4 กรกฏาคม คอสต้าได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกของฤดูกาล 2553-54 ในนัดที่เอาชนะทาฟเรียในศึกฟุตบอลซุปเปอร์คัพไปได้ 7-1 วันที่ 30 กรกฎาคมเขาช่วยทีมเอาชนะอาร์เซนอลอิฟไป 3-1 เขายิงประตูที่สี่ช่วยพาทีมชักตาร์ โดเน็ตส์กคว้าชัยชนะไป 5-0 ในเกมที่พบกับเซวาสโตโพล วันที่ 28 กันยายนเขาได้ยิงลูกจุดโทษและช่วยแอสซิส 2 ลูกให้กับหลุยส์อาเดียโนในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเอาชนะบราก้าของลีกโปรตุเกสไปได้ 3-0 วันที่ 28 กันยายนเขาได้ยิงลูกจุดโทษเอาชนะทีมอาร์เซนอลอิฟไป 4-0 วันที่ 16 กุมภาพันธ์เขาได้ทำประตูที่สองและช่วยแอสซิสลูกที่สามให้หลุยส์อาเดียโน่ทำประตูคว้าชัยชนะโรม่าไป 3-2 ชักตาร์ โดเน็ตส์กคว้าชัยชนะด้วยผลคะแนนรวมทั้งหมด 6-2 ในวันที่ 1 เมษายนดั๊กลาสยิงประตูสุดท้ายช่วยพาให้ทีมเอาชนะมาริอูพอลไปได้ 3-1 เขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 95 ช่วยให้ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์กเอาชนะไปได้ 2-0 ในศึกฟุตบอลยูเครนคัพชิงชนะเลิศชนะดินาโมเคียฟเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์กจบฤดูกาลด้วยการคว้าชัยชนะด้วยคะแนนที่สูงที่สุดชนะในศึกพรีเมียร์ลีก ศึกฟุตบอลยูเครนคัพและศึกฟุตบอลซูเปอร์คัพคอสต้าได้ลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 39 นัดยิงไป 7 ประตูโดยได้ลงเล่นในเกมส์ฟุตบอลลีกไป 27 นัดยิงไป 5 ประตู

ชักตาร์ โดเน็ตส์กออกเริ่มฤดูกาล 2554-55 ด้วยการไปพ่ายแพ้ให้กับทีมดินาโม เคียฟ ไป 3–1 ในศึกฟุตบอลซุปเปอร์คัพ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมคอสต้าได้ลงเล่นครบ 90 นาที เขาได้ยิงประตูลูกแรกของเขาในฤดูกาลนี้ในวันที่ 9 กันยายน ด้วยการยิงลูกสุดท้ายพาทีมเอาชนะทีมโวลินลุตส์คไปได้ 5-1 ในวันที่ 2 ตุลาคมเขาได้ทำประตูและช่วยพาทีมเอาชนะซอร์ย่าลูแฮงค์ไปได้ 4-1 วันที่ 6 พฤศจิกายนเขาได้ยิงประตูแรกเปิดชัยพาทีมเอาชนะโอโบโลนเคียฟไปได้ 2-0 วันที่ 27 พฤศจิกายนเขาได้ยิงลูกจุดโทษเปิดศึกคว้าชัยชนะไปได้ 5-0 ในนัดที่พบกับคาร์พาตี้ลวิฟ วันที่2 ธันวาคมเขาได้ยิงประตูพาทีมเอาชนะทีมอาร์เซนอลอิฟไป 5-0 วันที่ 11 ธันวาคมเขาได้ยิงประตูแรกพาทีมชนะไปได้ 4-0 นัดที่พบกับทีมครีฟบาส วันที่ 27 เมษายนเขายิงประตูย้ำชัยชนะในนาทีที่ 90 พาทีมเอาชนะทีมโวลินไปได้ 4-3 ในศึกยูเครนคัพเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 62 ลงมาเป็นตัวสำรองแทนเฮนริค มคิทาร์ยานพาทีมเก็บชัยชนะในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปได้ด้วยผล 2-1 โดยเอาชนะเมตาลัวห์โดเนตสค์

ช่วงท้ายของฤดูกาลชักตาร์ โดเน็ตส์กสามารถคว้าชัยชนะในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและศึกฟุตบอลยูเครนคัพเลยทำให้ดั๊กลาสประสบความความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สามของเขากับสโมสรอีกทั้งเขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 34 นัดยิงไป 6 ประตูทั้ง 27 นัดกับ 6 ประตู เกิดจากการลงเล่นในเกมลีก

ดั๊กลาส คอสต้า ชักตาร์ โดเน็ตส์ 2013

ดั๊กลาสเปิดฤดูกาล 2555-2556 ด้วยการยิงประตูเอาชนะเมตาลัวห์โดเนตสค์ในศึกฟุตบอลซูเปอร์คัพไปได้ 2-0 ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งที่สองของเขากับทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก เขายิงประตูแรกของฤดูกาลนี้ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 โดยเขายิงลูกจุดโทษในนาทีที่ 20 และหลุยส์อาเดียโนยิงประตูชัยพาทีมเอาชนะทีมเมตาลัวห์ซาโปรอซย่าไปได้ 2-0 วันที่ 24 พฤศจิกายน ดั๊กลาส คอสต้าได้รุกออกจากม้านั่งสำรองลงมาในนาทีที่ 55 เปลี่ยนตัวลงมาแทนกัปตันทีมดารียอเซอร์นาและสามารถทำประตูได้ในช่วงเจ็ดนาทีต่อมาเมื่อเขาได้เล่นกับเฮนริค มคิทาร์ยานแต่ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์กได้แพ้ให้กับโฮเวอร์ล่าอัสโฮรอดไป5-1

ในช่วงรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกดั๊กลาสได้ลงเล่นเพียงแค่สามนัดกับการลงเล่นเพียงแค่ 23 นาทีขณะที่ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก สามารถจบอันดับอยู่ที่สองในกลุ่มรองจากทีมยูเวนตุสที่เขี่ยทีมเชลซีตกรอบหลังจากจบครึ่งแรกของเกมปี 2555-2556 ดั๊กลาสได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทำประตูสำคัญให้ทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก เสมอ2–2 กับทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบ16 ทีมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556

ดั๊กลาส คอสต้า ชักตาร์ โดเน็ตส์ 2015

ในฤดูกาล 2556-57 ดั๊กลาสได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลซูเปอร์คัพในช่วงกลางฤดูเขาได้ช่วยพาทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก ชนะการแข่งขันฟุตบอลซุปเปอร์คัพปี 2557 เป็นการแข่งขันระหว่างอันดับสองในตารางของประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนเขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของการแข่งขันอีกทั้งเขายังช่วยให้สโมสรชนะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกับ 9 แอสซิสต์ ส่วนฤดูกาล 2557-58 ดั๊กลาสได้ลงเล่นไปทั้งหมด 32 เกมส์และยิงได้ 5 ประตูให้กับฤดูกาลสุดท้ายของที่ชักตาร์ โดเน็ตส์ก

ดั๊กลาส คอสต้า บาเยิร์น มิวนิค 2015

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 บาเยิร์นมิวนิค ประกาศว่าพวกเขาได้คว้าตัวดั๊กลาส ด้วยค่าตัว30 ล้านยูโร สัญญา 5 ปี ถือว่าเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมบาเยิร์นเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 11 แทนที่ของแจร์ดันชาชีรีที่ได้สวมใส่ก่อนหน้านี้ วันที่ 1 สิงหาคมเขาได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกในศึกฟุตบอลดีเอฟเอลซุปเปอร์คัพ 2558 โดยพบกับโวลฟ์บวร์กโดยได้เปิดบอลข้ามไปให้กับอาร์เยน ร็อบเบน ทำประตูขึ้นนำแต่ผลออกมาเสมอ 1-1 เลยต้องไปสู้กันโดยการยิงจุดโทษเขาพยายามช่วยเหลือทีมแต่สุดท้ายทีมก็พ่ายแพ้ไป ดั๊กลาสสามารถยิงประตูแรกของเขาในศึกฟุตบอลบุนเดสลีกาได้ในนัดที่พาทีมเอาชนะไปได้ 5-0 ในนัดที่พบกับทีมฮัมบูร์เกอร์ เอสเฟาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 ดั๊กลาสได้ลูกจุดโทษยิงพาทีมเอาชนะทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปได้ในศึกฟุตบอลดีเอฟบีโพคาลรอบชิงชนะเลิศปี 2559 แถมยังคงป้องกันแชมป์ลีกไว้ได้และสามารถคว้าถ้วยรางวัลถึง 2 แชมป์ให้ทีมบาเยิร์น มิวนิคได้อีกด้วย

คอสต้ามีความสุขกับช่วยฤดูกาลแรกของเขากับทีมบาเยิร์น มิวนิค สามารถยิงประตูได้ 7 ลูกกับการลงเล่นทั้งหมด 43 เกมเขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและช่วยแอสซิสถึง 12 ครั้งใน 13 เกมแรกของเขาจากนั้นเขามีอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อเลยทำให้เขาต้องพลาดการลงเล่นสี่เกมสุดท้ายก่อนหยุดพักฤดูกาลหลังผ่านช่วงเวลาหยุดพักของฤดูกาล ดั๊กลาสไม่สามารถฟื้นฟูเรียกฟอร์มการเล่นเดิมได้เขาลงเล่นไป 27 นัดในศึกบุนเดสลีกา ดั๊กลาสสามารถทำประตูได้เพียง 4 ประตูกับ 14 แอสซิส

ดั๊กลาส คอสต้า บาเยิร์น มิวนิค 2016

ดั๊กลาสได้ผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อทีมบาเยิร์น มิวนิค ตกลงจ้างคาร์โลอันเชล็อตติเขามีความสุขและสนุกกับระบบการเล่นของเปปกวาร์ดิโอลาเพราะเขาได้เป็นผู้เล่นตัวจริงอยู่ตลอดแต่พอมาถึงยุคของอันเชล็อตติกลายเป็นฟร้องค์ ริเบรี่ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ดั๊กลาสมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายและบริเวณหัวเข่าในช่วงฤดูกาลการแข่งขันและเขาได้ลงเล่นทั้งหมด 34 ครั้งเขาสามารถยิงประตูได้ 7 ลูกนับจากฤดูกาลที่แล้วเขาลงเล่นไปเพียงแค่ 1,400 นาที ซึ่งน้อยกว่าฤดูกาลก่อนหน้านี้ ดั๊กลาสหลุดออกจากระบบการทำทีมของบาเยิร์น มิวนิค เมื่อเขาได้เรียกร้องต่อสโมสรว่าเขาได้รับโอกาสในการลงเล่นให้กับทีมน้อยมากภายใต้การคุมทีมของอันเซล็อตติ ดั๊กลาสพูดว่า”ฉันพูดกับสโมสรบ่อยๆ” เขากล่าว “เราพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉันถ้าฉันจะอยู่ที่นี่หรือถ้าฉันต้องหาทีมอื่นฉันคงไม่มีความสุขแต่เร็วๆนี้เราจะพบกับสถานการณ์” เมื่อไม่นานประธานสโมสรของบาเยิร์น มิวนิค อูลีเฮอเนสได้กล่าวว่าดั๊กลาสพยายามที่จะได้รับสัญญาฉบับที่ดีแต่ดั๊กลาสได้เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะว่าเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาว่าจะอยู่ที่ใดเนื่องจากมีหลายสโมสรจากอังกฤษสเปนฝรั่งเศสและในประเทศจีนที่ให้ความสนใจเขาอยู่

ดั๊กลาส คอสต้า ยูเวนตุส 2017

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2560 คอสต้าตกลงเข้าร่วมกับยูเวนตุสด้วยสัญญายืมตัวจนสิ้นสุดฤดูกาล 2560-61 บวกกับเงินจำนวน 6 ล้านยูโรที่ยูเวนตุสได้ทำไว้เป็นตัวเลือกในการย้ายตัวถาวรเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 โดยมีการบวกเงินเพิ่ม 40 ล้านยูโร (บวกโบนัส 1 ล้านยูโร) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ดั๊กลาสได้ลงเล่นให้กับสโมสรโดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาแต่ทีมได้พ่ายแพ้ให้กับลาซิโอ้ไป 3-2 ในศึกฟุตบอลซุปเปอร์โกปาอิตาเลียนา 2560 วันที่ 14 ตุลาคมเขาสามารถยิงประตูแรกให้กับสโมสรในบ้านได้โดยทีมลาซิโอ้เอาชนะไปได้ 2-1 ผลรวมของฤดูกาลนี้เขามีการครองบอลมากที่สุด 106 และเป็นผู้เล่นอันดับสองที่ช่วยแอสซิส 14 ครั้ง

ดั๊กลาส คอสต้า ยูเวนตุส 2018

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ยูเวนตุสได้มีการย้ายตัวดั๊กลาสมาอยู่กับทีมอย่างถาวรโดยเซ็นสัญญากับคอสต้าเป็นระยะเวลา 4 ปีด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโรพร้อมโบนัส เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2018สามารถเอาชนะซาสซูโอโล่ในลีกอิตาลีโดยที่ดั๊กลาสถูกส่งลงมาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บหลังจากนั้นได้มีการทะเลาะกันในสนามกับเฟเดอริโกดีฟรันเชสโกทั้งคู่มีการปะทะกันเกิดขึ้นในช่วงที่ทีมซาสซูโอโน่บุกทำเกมส์ขึ้นมาในช่วงเวลาที่91 และทีมซูโอโล่สามารถทำประตูได้โดยคูม่าบาบาการ์หลังจากที่มีการปะทะระหว่างเฟเดอริโกดีฟรันเชสโกกับดั๊กลาสในขณะที่ผู้เล่นทั้งสองลุกขึ้นมานั้นดูเหมือนดั๊กลาสได้ฟันศอกใส่ดีฟรันเชสโกต่อมาพยายามที่จะเข้ามาโขกศรีษะใส่และถ่มน้ำลายใส่หน้าในที่สุดหลังจากที่ได้เช็คภาพจาก“วีเออาร์” ผู้ตัดสินได้ให้ใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไปมัสซีมีเลียโนอัลเลกรีผู้จัดการทีมยูเวนตุสได้ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวหลังการแข่งขันว่าดั๊กลาสจะถูกสโมสรปรับเงินทั้งนี้ดั๊กลาสได้เขียนข้อความขอโทษลงบนอินสตาแกรมโดยระบุว่า”ฉันต้องขอโทษแฟนๆยูเวนตุสทุกคนสำหรับเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกับการกระทำของฉันที่เกินขึ้นในระหว่างเกมวันนี้ฉันต้องขอโทษเพื่อนร่วมทีมของฉันด้วยฉันรู้ว่ามันช่างน่าเกลียดฉันต้องขอโทษกับทุกคนด้วยฉันจะไม่ให้พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่ออาชีพนักฟุตบอลฉันอีก
วันที่ 18 กันยายนดั๊กลาสได้ถูกลงโทษโดยการไม่สามารถลงเล่นได้เป็นระยะเวลา 4 เกมส์จากเหตุการณ์ที่เขาฟันศอกและถ่มน้ำลายใส่เฟเดอริโกดีฟรันเชสโก

ดั๊กลาส คอสต้า บราซิล

เดือนพฤศจิกายนปี 2557 ดั๊กลาสได้ถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกโดยโค้ชดุงก้าและได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับทีมชาติตุรกี ณ เมืองอิสตันบูล ในเดือนพฤษภาคม 2558 ดั๊กลาสมีชื่อติดอยู่ใน 23 นักเตะของทีมชาติบราซิลเพื่อลุยศึกโคปาอเมริกาปี 2558 ในเกมส์เริ่มต้นเปิดการแข่งขันเขาได้เป็นตัวสำรองลงมาแทนที่ของดีเอโก้ทาร์เดลลี่และสามารถยิงประตูชัยพาทีมเอาชนะทีมชาติเปรูซึ่งเป็นประตูแรกของเขากับทีมชาติบราซิลในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่พบกับทีมชาติปารากวัยเขาได้ลงมาแทนที่อดีตเพื่อนร่วมทีมชักตาร์ โดเน็ตส์ก วิลเลียนในนาทีที่ 30 ผลสุดท้ายเสมอกันไป 1-1 แต่ทีมบราซิลก็พลาดจากการยิงลูกโทษไป เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ดั๊กลาสได้ทำประตูที่สองของเขาให้กับทีมชาติบราซิลเอาชนะทีมชาติเปรูไปได้ 3-0 ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2561

โดยตอนแรกดั๊กลาสมีรายชื่อติดอยู่ในทีมชาติบราซิลเพื่อลุยศึกฟุตบอลโคปาอเมริกาเซนเตนาริโอแต่ต้องถอนตัวจากทีมเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2559 เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาซ้ายของเขาเขาถูกเปลี่ยนชื่อโดยให้กาก้ามาแทนที่ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคกลิลมาร์รีนัลดีของทีมชาติบราซิล “หลังจากที่เขาถูกไล่ออก” บาเยิร์นจะปล่อยให้ดั๊กลาสได้ลงเล่นในศึกโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2559 ในเดือนพฤษภาคมปี 2561 เขามีรายชื่อติดอยู่ใน 23 นักเตะสำหรับไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี2561 ที่ประเทศรัสเซีย

ดั๊กลาส คอสต้า รูปแบบการเล่น

เขาได้ถูกจับตามองและได้รับโอกาสในช่วงที่เขาเป็นเยาวชนในปี 2553 ดั๊กลาสได้ถูกจัดรวมอยู่ในรายชื่อนักเตะดีที่สุดใน 100 สำหรับคนที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2532 เขาเป็นผู้เล่นรูปร่างเพรียวบางและชอบทำประตูเขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองหน้าหรือกองกลางตัวบุกในช่วงเริ่มต้นนักเตะอาชีพของเขาแต่ต่อเขาได้เล่นในตำแหน่งปีกและถูกให้เล่นในหลากหลายตำแหน่งเนื่องด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งและความสามารถที่โดดเด่นของเขาสามารถเข้าจู่โจมทำประตูอย่างแม่นยำในระยะไกลด้วยเท้าทั้งสองข้างถึงอย่างไรก็ตามเขามักจะชอบเล่นในตำแหน่งปีกขวาเพราะมันสามารถเลี้ยงบอลตัดเข้าตรงกลางเพื่อให้เข้าเท้าซ้ายข้างที่ถนัดของเขาได้ เขาได้รับฉายาว่า “แฟลช” เขาเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความเร็วความคล่องแคล่วและการเร่งความเร็วทั้งในขณะที่ครองบอลหรือไม่มีบอลรวมถึงทักษะการเลี้ยงบอลเทคนิคการสร้างสรรค์รูปเกมส์การใช้เล่ห์เหลี่ยมในการแก้ไขสถานการณ์เขาเป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในด้านการผ่านบอลข้ามจากทางด้านซ้ายเพื่อให้เพื่อนสามารถทำประตูได้เลยทำให้เขากลายเป็นคนแอสซิสที่ยอดเยี่ยม