หากจะบอกว่าหนึ่งในตำแหน่งของโลกฟุตบอลที่ค่อนข้างอาภัพมาก ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตำแหน่งนายทวารคือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่ ประเด็นหลักที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาส่วนหนึ่งเพราะข่าวน่าสนใจของนายด่านจากทัพ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด นามว่า เคเลอร์ นาบาส ผู้ซึ่งเมื่อซีซั่นที่แล้วยังถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งหน้าประวัติศาสตร์ในการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 3 ทว่าพอการมาถึงของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายด่านชาวเบลเยียมที่เพิ่งย้ายมาจากทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ก็เสมือนว่าตำแหน่งตัวจริงของเขาจะสั่นคลอน
หากว่ากันถึงชื่อชั้น นาบาส อาจไม่ได้เป็นนายด่านที่คนพูดถึงกันมากนัก แถมในทางปฏิบัติ แฟนบอลไม่น้อยยังมองว่าเขาบุญหล่นทัพมากกว่ากับการได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายด่านของทัพราชัน เนื่องจากการที่พวกเขาไม่สามารถคว้าตัวดาบิด เด เคอา มาได้เมื่อหลายซีซั่นก่อน บวกกับผลงานของ นาบาส ไม่ได้ขี้ริ้ว นั่นจึงทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แห่งถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว ในมุมมองของ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตกุนซือคนเก่าที่ลาออกไป ทว่าเมื่อการก้าวเข้ามาของกุนซือคนใหม่อย่าง ยูเลน โลเปเตกี อดีตนายใหญ่ทีมชาติสเปน กลับกลายเป็นว่าอนาคตของเขาดูไม่แน่นอนอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าหากพูดถึงชื่อชั้นกับการเอานายด่านคอสตาริกามาเป็นมือ 1 ของทีม ดูจะไม่ใช่วิถีของเรอัล มาดริด ที่ขึ้นชื่อว่าทุกตำแหน่งต้องเป็นสตาร์ พอเขาไม่ใช่สตาร์ดัง ต่อให้โชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหนก็ไม่มีใครอยากสนใจ พูดง่าย ๆ คือ ชื่อมันขายไม่ได้ การมาถึงของ กูร์กตัวส์ จึงเหมือนหอกข้างแคร่ที่พร้อมจะทิ่มแทงเขาตลอดเวลา เมื่อไหร่ก็ตามหากเขาฟอร์มหลุด นั่นหมายถึงการหล่นไปเป็นมือ 2 จะมากขึ้นแบบเท่าตัว ต้องยอมรับว่าแค่เพราะเขาไม่ได้เป็นนายประตูจากชาติดัง ๆ ในเรื่องฟุตบอลแค่นั้นจริง ๆ จึงทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพของนายด่านจอมอาภัพที่เล่นดีคือเสมอตัว เล่นมั่วคือเตรียมโบกมือลา
จะบอกว่าลำพังตำแหน่งนายด่าน หากคุณไม่เก่งกับทีมนั้นจริง ๆ มันก็ยากต่อการลงสนามอยู่แล้ว ยิ่งการอยู่กับทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด มันเลยเหมือนเป็นทุกขลาภของ นาบาส ยังไงก็ไม่รู้ เราคงได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ พร้อมให้กำลังใจในการต่อสู้บนถิ่นเบอร์นาบิวต่อไป หวังว่าสักวัน โลเปเตกี และบรรดาบอร์ดบริหารจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามทำออกมาเพื่อทีมบ้าง เพราะเชื่อว่าตัวเขาเองก็ทำสุดความสามารถแล้ว
