มานูเอล นอยเออร์ : Manuel Neuer

ประวัติ นักเตะ มานูเอล นอยเออร์

มานูเอล ปีเตอร์ นอยเออร์ (เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ปี 1986) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเยอรมันโดยเขาอยู่ในตำแหน่งผู้รักษาประตูและยังเป็นกัปตันทีมให้กับสโมสรบาเยิร์น มิวนิคและทีมชาติเยอรมนี นอยเออร์ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เป็นผู้รักษาประตูและเป็นตัวกวาด “เพราะสไตล์การเล่นและความรวดเร็วคล่องแคล่วที่ไม่เหมือนใครของเขา จากหน้าที่ปกติของผู้รักษาประตูแล้ว เขาจะทำหน้าที่เก็บลูกที่หลุดมาบริเวณกรอบเขตโทษด้วยและเมื่อเก็บได้จะพยายามหาจังหวะส่งบอลเพื่อเล่นโต้กลับ โดยการส่งบอลแบบโดยตรงไปยังผู้เล่นที่ไม่มีตัวประกบ เขายังมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมีความแข็งแกร่งและระยะของการขว้างลูกที่ยาวมากและเขาสามารถจ่ายบอลออกไปได้อย่างแม่นยำ

นอยเออร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก (เขาได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ IFFHS ระดับโลกเป็นเวลาถึง 4 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2016) และนอยเออร์ยังได้รับรางวัลฟีฟ่า เวิด์ล คัพ (FIFA World Cup 2014) และรางวัลถุงมือทองคำ (Golden Glove) ในฐานะผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งขัน และ ได้รับการพิจารณาจากวงการกีฬาว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอลต่อจากเลฟ ยาซิน (Lev Yashin)อีกด้วย

ในปี 2014 นอยเออร์ ได้รับการโหวตให้อยู่ในอันดับที่ 3 รองจากลีโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) ทำให้เขานั้นได้รับรับรางวัล FIFA Ballon d’Or award และในปีเดียวกันนี้เขายังได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของโลกโดยเดอะการ์เดียนอีกด้วย

มานูเอล นอยเออร์ ชาลเก้ 2003

นอยเออร์ ลงเล่นให้ชาลเก้ใน ระหว่างปี 2003-2009 เขาเซ็นต์สัญญากับชาลเก้ในปี 2005 ที่สโมสรชาลเก้ 04 ซึ่งเป็นสโมสรบ้านเกิดของเขา นอยเออร์ ยังไม่ได้ลงสนามให้กับทีมในช่วงฤดูกาลปี 2005-2006 แต่เขาเปิดตัวลงสนามในศึกบุนเดสลีกาโดยลงสนามเปลี่ยนตัวกับแฟรงก์ รอสต์ซึ่งได้รับการบาดเจ็บจากการแข่งขันในวันที่ 2 ของฤดูกาลปี 2006-2007 ในขณะที่นอยเออร์มีอายุเพียง 20 ปี เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งนี้แทนรอสท์ที่ฟอร์มตกหลังจากพบกับบาเยิร์น มิวนิค นอยเออร์ไม่ทำให้ทีมผิดหวังและพาทีมเสมอ 2-2 ประตู เขาปรากฏตัวในลีกส์ 27 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2003-2009 ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยแต่เขาก็ได้รับการยอมรับเป็นที่กว้างขวางว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคตสำหรับทีมชาติเยอรมันต่อจากอดีตฮีโร่อย่างเย็นส์ เลมัน

มานูเอล นอยเออร์ ชาลเก้ 2007

ในฤดูกาลปี 2007-2008 นอยเออร์ลงสนาม 3 นัดในการแข่งขันฟุตบอลลีกเยอรมัน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2008 ในรอบแรกของยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีกซึ่งชาลเก้ปะทะกับปอร์โต้ นอยเออร์ได้ช่วยประคองทีมด้วยการเซฟลูกเตะและเมื่อมีการยิงลูกโทษเกิดขึ้นเขาก็สามารถเซฟลูกโทษของ บรูนู อัลเวสและ ลิซานโดร โลเปซไว้ได้ ทำให้ชาลเก้สามารถผ่านเข้าไปยังรอบรองชนะเลิศได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าในปี 2007-2008 นอยเออร์นับเป็นผู้รักษาประตูที่มีอายุน้อยที่สุดและเป็นผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวจากบุนเดสลีกาที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามทั้งหมด 50 นัด

มานูเอล นอยเออร์ ชาลเก้ 2008

ในฤดูกาลปี 2008–2009 ชาลเก้รั้งอันดับที่ 8 ในตารางลีกและพลาดโอกาสเข้ารอบในศึกยูโรปาลีก อย่างไรก็ตามเขาได้โชว์ความสามารถในรายการยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ทำให้เขาได้รับความสนใจจากบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งประธานสโมสรอย่างคาร์ล ไฮนซ์ รุมเมอนิเกอ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาสนใจที่จะดึงนอยเออร์มาร่วมทีมด้วย แต่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของชาลเก้อย่างเฟลิกซ์ มากัท ยังคงยืนยันว่า นอยเออร์จะยังคงลงสนามให้ชาลเก้ในฤดูกาลต่อไปอย่างแน่นอน ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนนอยเออร์เป็นผู้รักษาประตูชาวเยอรมันเพียงคนเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงตำแหน่งในยูฟ่าซึ่งถือเป็น 1 ในทั้งหมด 5 คน นอยเออร์จบฤดูกาลในปี 2009-2010 ด้วยการลงสนามทั้งสิ้น 39 นัด

มานูเอล นอยเออร์ ชาลเก้ 2010

สำหรับฤดูกาลในปี 2010–2011 นอยเออร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมและพาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมในชัยชนะของทีมในการแข่งขันเดเอฟเบ โพคาลในฤดูกาลสุดท้ายที่เขาลงเล่นกับสโมสร โดยชาลเก้สามารถเอาชนะเอ็มเอสเฟา ดุยส์บวร์กไปได้ 5-0 ประตู

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 2011 นอยเออร์ประกาศว่าเขาจะไม่ขอต่อสัญญากับชาลเก้อีก ซึ่งสัญญาจะหมดลงในท้ายฤดูกาลปี 2011-2012 นี้ ทำให้เขาได้รับเสียงวิพากวิจารณ์อย่างหนักจากแฟนๆชาลเก้ ซึ่งรู้สึกผิดหวังที่นอยเออร์จะทิ้งทีมไปอยู่กับสโมสรคู่ต่อสู้ นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามทั้งสิ้น 53 นัด

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2011

นอยเออร์สามารถรักษาประตูจากการเตะลูกโทษของฆวน มาต้า ได้ในการแข่งขันยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศในปี 2012 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2011 นอยเออร์ได้ย้ายทีมมาอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค ในเดือนกรกฎาคมปี 2011 และเซ็นต์สัญญา 5 ปี ซึ่งสัญญาฉบับนี้จะหมดอายุลงในเดือนมิถุนายน ปี 2016 หลังจากที่เขาต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านจากแฟนบอลบางส่วนซึ่งไม่พอใจที่บาเยิร์น มิวนิคซื้อตัวผู้รักษาประตูจากชาลเก้ ดังนั้นจึงทำให้เกิดการประชุมระหว่างสโมสรและตัวแทนของกลุ่มผู้สนับสนุนขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2011

จากการประชุมได้ข้อสรุปว่า มานูเอล นอยเออร์จะเป็น ” สมาชิกของสโมสรบาร์เยิร์น มิวนิคอย่างเต็มตัว และควรได้รับการปฏิบัติอย่างเคารพ รวมถึงจะไม่เกิดกระแสต่อต้านอีก ” ในช่วงสัปดาห์แรกของการร่วมทีมกับบาเยิร์น มิวนิคนอยเออร์ลงสนามและได้แต้มเสมอกับฮอฟเฟนไฮม์ 0-0 ประตู นอยเออร์ทำลายสถิติการจากการไม่เสียประตูให้คู่แข่งต่อเนื่องยาวนานที่สุดซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมของ โอลิเวอร์ คาห์น

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2012

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี 2012 นอยเออร์สามารถเซฟลูกจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ กาก้าไว้ได้ และ เขายังช่วยบาเยิร์นผ่านเข้าไปในรอบรองชนะเลิศของยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกซึ่งปะทะกับเรอัล มาดริด ในปี 2011-2012 อีกด้วย หลังจากจบเกมส์นอยเออร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาศึกษาวิธีที่โรนัลโดยิงลูกโทษ และนอยเออร์ได้บอกบิลด์ไว้ว่า “ผมมักจะเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆเสมอ” ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตูของทีมอย่างโทนี ทาพาโลวิค ได้เปิดวิธีที่โรนัลโด้มักใช้ในการยิงจุดโทษให้นอยเออร์ดูบนแลปทอป เขาจึงเรียนรู้ว่าโรนัลโด้มักจะยิงจุดโทษไปทางฝั่งซ้ายล่างของผู้รักษาประตู นอยเออร์เดาว่าโรนัลโด้คงจะเลือกยิงที่จุดประจำของเขานั่นเอง”

ในปี 2012 ทีมบาเยิร์นปะทะกับเชลซีในศึกการแข่งขันยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งได้แต้มจากการยิงลูกโทษทำให้เสมอไป 1-1 ประตู นอยเออร์เป็นผู้ยิงจุดโทษคนที่ 3 ซึ่งทำให้ทีมได้คะแนน และเขาสามารถเซฟลูกจากจุดโทษแรกของฆวน มาต้าได้ แต่ไม่สามารถเซฟลูกที่เหลือได้ทำให้บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายแพ้คาบ้านที่สนามอัลลิอันซ์อาเรนาด้วยสกอร์ 4-3 ประตูทำให้พลาดถ้วยรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามทั้งสิ้น 53 นัด

นอยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการคว้ารางวัล DFL-Supercup 2012 ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2012-2013 นอยเออร์ทำสถิติโดยไม่เสียประตู 4 นัดติดต่อกันจากการพบกับสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสและบาร์เซโลนา ในปี 2013 รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกบาเยิร์น มิวนิคพบกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งนอยเออร์สามารถเซฟลูกได้ถึง 8 ประตู เกมส์นี้เป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยมจากทั้งผู้รักษาประตูและนักเตะ ช่วยให้บาเยิร์น มิวนิคสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ไปได้ นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามในศึกบุนเดสลีกา 31 เกมส์ ลงสนามในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกส์ 13 เกมส์ และเขายังลงสนามในศึกเยอรมันซูเปอร์คัพอีกด้วย

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2013

นอยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการแพ้ใน DFL-Super cup 2013 ที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ปี 2013 หลังจากที่นอยเออร์สามารถเซฟลูกจุดโทษลูกสุดท้ายในนัดที่พบกับเชลซีนั้น ทำให้บาเยิร์น มิวนิค คว้าชัยชนะในศึกยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2013 ซึ่งถือเป็นการแก้แค้นเอาคืนในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2012 ในศึกฟุตบอลโลกฟีฟ่าคัพ นอยเออร์พบกับกว่างโจวเอเวอร์แกรนด์ในรอบรองชนะเลิศ และราชาคาซาบลังกาในรอบสุดท้าย ทำให้วันที่ 7 มกราคม ปี 2014 นอยเออร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปี 2013

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ บาเยิร์น มิวนิคพบกับอาร์เซนอลในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลปี 2013–2014 นอยเออร์เซฟจุดโทษของเมซุท เออซิล ในเกมส์ครึ่งแรก บาร์เยิร์น มิวนิค สามารถคว้าชัยชนะมาได้ 2–0 ประตู และเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 2014 นอยเออร์ได้ขยายสัญญากับสโมสรจนถึงปี 2019 นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามในศึกบุนเดสลีกาทั้งสิ้น 31 ครั้ง ลงสนามเยอรมัน คัพ ทั้งหมด 5 ครั้ง ลงสนามในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกทั้งหมด 12 ครั้ง ลงสนามในศึกเยอรมัน ซุปเปอร์ คัพและยูฟ่า ซุปเปอร์คัพศึกละ 1 ครั้ง รวมทั้งการลงสนามในศึกการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 50 เกมส์

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2014

นอยเออร์ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลดีเด่นแห่งปีของชาวเยอรมัน เขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมกับทีมยูฟ่าและได้รับอันดับ 3 จากรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ (FIFA Ballon d’Or) นอยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการพ่ายแพ้ให้กับโบรุสเซีย ดอทมุนด์ ในศึก DFL-Super cup 2014 ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี 2015 นอยเออร์ลงเล่นในเกมส์ที่พ่ายให้กับโวล์ฟสบวร์กไปด้วยสกอร์ 4–1 ประตู ทำให้นี่ถือเป็นเกมส์แรกตั้งแต่นอยเออร์ร่วมทีมมาตั้งแต่ปี 2011 ที่นอยเออร์เสียประตูให้คู่แข่งไปถึง 4 ประตู จากครั้งล่าสุดที่บาเยิร์น มิวนิค เสีย 4 ประตูในการปะทะกับโวล์ฟสบวร์กไปเมื่อ 4 เมษายน ปี 2009

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ปี 2015 นอยเออร์เป็น 1 ใน 4 ผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิคที่พลาดท่าในการยิงลูกโทษไป 2-0 ประตู ส่งผลให้ทีมพ่ายแพ้ให้กับโบรุสเซีย ดอทมุนด์ไปในรอบรองชนะเลิศเดเอฟเบโพคาล (DFB-Pokal) นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามในศึกบุนเดสลีกาทั้งหมด 32 ครั้ง ลงสนามในศึกเยอรมันคัพ 5 ครั้ง ลงสนามในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกทั้งหมด 12 ครั้ง ลงสนามในศึกเยอรมัน ซุปเปอร์ คัพ 1 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 50 เกมส์

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2015

นอยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการทำแต้มเสมอโวล์ฟสบวร์ก 1–1 ประตู ในเดเอฟเอล-ซูเปอร์คัพ ปี 2015 โดยโวล์ฟสบวร์กสามารถเอาชนะได้จากการดวลจุดโทษ และเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 2016 นอยเออร์ต่อสัญญาใหม่กับบาเยิร์นไปจนถึงปี 2021 นอยเออร์จบฤดูกาลด้วยการลงสนามในศึกบุนเดสลีกา 34 ครั้ง ลงสนามในศึกเยอรมัน คัพ 5 ครั้ง ลงสนามในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกส์ 11 ครั้ง และลงสนามในศึกเยอรมันซุปเปอร์คัพ 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 51 ครั้ง

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2016

นอยเออร์ฝึกซ้อมให้กับทีมบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2017 ฤดูกาลแรกเริ่มต้นขึ้นด้วยการเอาชนะโบรุสเซีย ดอทมุนด์ 2-0 ประตูในศึกเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ 2016 ในขณะที่บาเยิร์น มิวนิคได้ชัยชนะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีด้วยการเฉือนเอาชนะเอ็สเฟา แวร์เดอร์เบรเมินมาได้ 6–0 ประตู ในเดือนมกราคม ปี 2017 เขาได้รับการโหวตให้เป็นทีมฟีฟ่าแห่งปีร่วมกับเพื่อนร่วมทีมชาวเยอรมันและอดีตเพื่อนร่วมทีมของบาเยิร์น มิวนิค อย่างโทนี โครส

นอยเออร์ได้รับการยกย่องให้กับผลงานของเขาในเกมส์แรกของรอบรองชนะเลิศที่บาเยิร์นพบกับเรอัล มาดริด แม้ว่าบาเยิร์นจะพ่ายแพ้ไป 1-2 ประตูก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเกมส์เขาได้รับการบาดเจ็บที่เท้าซ้ายทำให้บาเยิร์นพ่ายแพ้ไป 4-2 ประตู บาเยิร์นจบฤดูกาลไปด้วยการเป็นแชมป์บุนเดสลีกา นอกเหนือจากการเล่นในซูเปอร์คัพ นอยเออร์ยังลงเล่นในการแข่งขันบุนเดสลีกา 26 นัด, การแข่งขันฟุตบอลเยอรมัน 4 นัดและการแข่งขันแชมป์เปียนส์ลีก 9 นัด

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2017

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ปี 2017 มีข่าวประกาศว่านอยเออร์จะไปเป็นกัปตันทีมให้บาเยิร์นหลังจากฟิลิปส์ ลาห์ม เกษียณอายุจากตำแหน่ง ทำให้เขาเป็นกัปตันทีมของทั้ง 2 ทีมซึ่งได้แก่ทีมบาเยิร์น มิวนิคและทีมชาติเยอรมนี นอยเออร์ลงเล่นเกมส์แรกของฤดูกาลในบุนเดสลีกา หลังจากที่เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่เท้าตั้งแต่เดือนเมษายนในระหว่างการแข่งขันกับเรอัลมาดริดในศึกแชมเปียนส์ลีกเมื่อวันที่ 13 กันยายน ปี 2017 นอยเออร์ได้ลงสนามในยุโรปเป็นครั้งที่ 100 ในนัดการแข่งขันแชมป์เปียนส์ลีกส์ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่ที่บาร์เยิร์นเอาชนะอันเดอร์เลชท์ไป 3-0 ประตู

ในเดือนกันยายนมีข่าวประกาศว่านอยเออร์จะไม่ลงสนามจนถึงเดือนมกราคม ปี 2018 หลังจากการที่เขาได้รับการบาดเจ็บที่เท้าอีกครั้งหนึ่ง และในที่สุดเขาก็กลับมาร่วมทีมกับบาเยิร์น มิวนิค เมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 2018 หลังจากผ่านไป 7 เดือน และเขาได้รับการฝึกเกี่ยวกับการเป็นผู้รักษาประตูโดยเฉพาะในต้นเดือนเมษายน

นอยเออร์ถูกจัดให้อยู่ในทีมเป็นครั้งแรกหลังจากที่หายจากอาการบาดเจ็บที่เท้าในเดเอฟเบ-โพคาล (DFB Pokal) ในรอบชิงชนะเลิศกับไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ในเกมส์นี้นอยเออร์ถูกจัดให้เป็นตัวสำรองซึ่งเขาไม่ได้ลงสนามในครั้งนี้ เขาจบฤดูกาลด้วยการแข่งขันบุนเดสลีกา 3 นัดและลงสนามในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกส์ 1 นัด

มานูเอล นอยเออร์ บาเยิร์น 2018

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ปี 2018 นอยเออร์ในฐานะกัปตันทีมลงแข่งขันนัดแรกของฤดูกาลให้กับบาเยิร์นและพาทีมเอาชนะไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยชัยชนะ 5-0 ประตูในศึกเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ และเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นอยเออร์ในฐานะกัปตันทีมของบาเยิร์นลงเล่นเกมส์แรกของศึกบุนเดสลีกาในรอบ 341 วัน ซึ่งเป็นช่วงเปิดฤดูกาลกับฮอฟเฟ่นไฮม์

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2006

หลังจากนอยเออร์ฝึกซ้อมในทีมเยาวชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2006 เขาได้ลงเล่นครั้งแรกให้กับทีมชาติเยอรมนี รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี โดยพบกับเนเธอร์แลนด์ และในปี 2009 เขาลงเล่นร่วมกับทีมชาติเยอรมนีในศึกยูฟ่า ยูโรเปียนส์ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่สวีเดน เขาทำสถิติโดยไม่เสียประตูในเกมส์สุดท้ายและเฉือนเอาชนะทีมชาติอังกฤษมาได้ 4-0 ประตู

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2010

นอยเออร์ถูกเรียกตัวเข้าสู่การลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 2009 เขาลงเล่นครั้งแรกโดยพบกับกับสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันที่ 2 มิถุนายน และในเดือนพฤศจิกายน นอยเออร์ยังลงเล่นในนัดกระชับมิตรกับไอวอร์รี่ โค๊ตส์ ซึ่งจบลงด้วยการเสมอ 2–2 ประตู ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดกับการเสียประตูแรกไป แต่ผู้จัดการทีมอย่างโยอาคิม เลิฟก็ไม่ได้กล่าวโทษเขาแต่กลับชมเชยที่นอยเออร์พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 จากข่าวการเสียชีวิตของผู้รักษาประตูอย่างรอแบร์ท เองเคอนั้นทำให้นอยเออร์ถูกกลายเป็นตัวเลือกสำหรับการเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนีในอันดับที่ 2 รองจากเรเน่ แอดเลอร์ แต่อย่างไรก็ตามแอดเลอร์ได้รับบาดเจ็บหนักที่กระดูกซี่โครงทำให้เขาต้องถอนตัวออกจากฟุตบอลโลก นอยเออร์จึงได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูของทีมชาติเยอรมันไปแทน

นอยเออร์ได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูของเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ในรอบแบ่งกลุ่มนั้นนอยเออร์เสียประตูไปเพียงแค่ประตูเดียวจากการยิงประตูของมิลาน โยวาโนวิชในนัดที่ปะทะกับทีมชาติเซอร์เบียร์ เขาช่วยมีโรสลัฟ โคลเซอในการทำประตูในนัดที่เอาชนะทีมชาติอังกฤษมาได้ด้วยสกอร์ 4–1 ประตู แฟรงค์แลมพาร์ด นักเตะทีมชาติอังกฤษทำประตูได้ แต่ผู้ตัดสินตัดสินกล่าวว่าลูกบอลไม่ได้ข้ามเส้นทำให้เสียลูกนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เขาลงเล่นในทุกเกมส์จนกระทั่งถึงนัดชิงอันดับที่ 3 กับทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งได้ฮันส์-ยอร์ก บุทท์มาทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูแทน

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2012

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นอยเออร์ลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีซึ่งพบกับเนเธอร์แลนด์ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มในยูโร 2012 ในรอบคัดเลือกสำหรับยูฟ่า ยูโร 2012 (UEFA Euro 2012) นอยเออร์ลงเล่นในทุกเกมส์การแข่งขันหรือในทุกนาทีก็ว่าได้ ซึ่งเขาช่วยให้เยอรมนีได้รับชัยชนะและอยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่ม หลังจากทีมเยอรมนีเอาชนะตุรกีไปได้ด้วยคะแนน 3-1 ประตู เขาได้รับการยกย่องชื่นชมเนื่องจากเขามีไหวพริบในการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก เขาสามารถป้องกันประตูจากฮามิต อัลทึนโทปและส่งบอลกลับไปให้โทมัส มึลเลอร์ที่ช่วยให้มารีโอ โกเมซ สามารถทำประตูแรกให้กับทีมได้อย่างพอดิบพอดี นอยเออร์ยังมีส่วนช่วยในการได้ประตูที่ 2 โดยการเปิดบอลไปให้มารีโอ เกิทเซอ เพื่อส่งต่อไปยังมึลเลอร์ซึ่งสามารถยิงเข้าประตูได้จากกรอบเขตโทษ นอยเออร์เริ่มลงเล่นในการแข่งขันของเยอรมนีทั้ง 3 รายการใน “Group of Death” ของกลุ่ม B เขารักษาประตูได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียวสำหรับการพบกับโปรตุเกส และเขาเสียเพียงหนึ่งประตูสำหรับการพบกับเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์ก ทำให้เยอรมนีได้แชมป์ในกลุ่ม B ซึ่งเป็นเพียงทีมเดียวที่ยังไม่แพ้เลยในการแข่งขันรอบคัดเลือกระหว่างกลุ่ม

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2014

นอยเออร์เข้ารับการ ฝึกซ้อมก่อนลงแข่งขันกับบราซิลในศึกฟุตบอลโลก 2014 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นอยเออร์มีแนวการเล่นแบบสวีปเปอร์-คีปเปอร์ “sweeper-keeper” กล่าวคือเขาจะทำหน้าที่เหมือนเป็นกองหลังตัวสุดท้ายให้กับทีมด้วย โดยการออกมาเล่นบอลนอกเขตโทษอยู่บ่อยๆอีกทั้งออกมาสกัดบอลที่หลุดจากแผงกองหลัง หรือออกมาเก็บบอลนอกเขตโทษเพื่อส่งบอลต่อให้เพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาแตกต่างจากผู้รักษาประตูคนอื่นๆ ในฟุตบอลโลก 2014 ด้วยเหตุนี้ทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆสามารถบุกเข้าไปเล่นในฝั่งของทีมตรงข้ามได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการที่นอยเออร์พร้อมที่จะออกมาเล่นและสกัดบอลของคู่ต่อสู้นอกกรอบเขตโทษ นอยเออร์กลายเป็น “ผู้เล่นคนที่ 11 ของทีม” ซึ่งเขาได้รับการฝึกทักษะนี้จากผู้จัดการทีมบาเยิร์น มิวนิค อย่างเปป กวาร์ดีโอลา

หลังจากที่เขาสามารถรักษาประตูไว้ได้ในนัดที่พบกับโปรตุเกสและสหรัฐอเมริกา นอยเออร์ก็สร้างสถิติคือไม่เสียประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2014 โดยเอาชนะฝรั่งเศสไปด้วยคะแนน 1-0 ประตูในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นการไม่เสียประตูเป็นครั้งที่ 22 ในทั้งหมด 50 นัดที่เขาลงเล่นในนามทีมชาติ ในรอบรองชนะเลิศ นอยเออร์เสียประตูให้กับเจ้าบ้านอย่างบราซิลแต่ก็สามารถคว้าชัยชนะมาด้วยคะแนน 7-1 ประตู

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ในการแข่งขันฟีฟ่า เวิด์ล คัพรอบชิงชนะเลิศซึ่งพบกับทีมชาติอาร์เจนตินา ถึงแม้ว่านอยเออร์จะไม่ได้ทำหน้าที่หนักมากนัก แต่เขาก็สามารถบริหารการเล่นของเขาในกรอบเขตโทษได้อย่างดี ทำให้กอนซาโล อีกวาอินและโรดรีโก ปาลาเซียวทำประตูพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ในช่วงครึ่งหลังนอยเออร์สกัดลูกบอลก่อนชนเข้ากับอีกวาอินที่เสาของประตู เยอรมนีเอาชนะอาร์เจนตินาไปได้ด้วยคะแนน 1-0 ประตู จากการยิงประตูของมารีโอ เกิทเซอในช่วงต่อเวลาพิเศษ นอยเออร์ได้รับรางวัลถุงมือทองคำจากการที่เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในรายการการแข่งขัน เขาจบฤดูกาลด้วยการลงแข่งขันทั้งสิ้น 244 นัด ซึ่งมากกว่าผู้เล่นในสนามอย่างลีโอเนล เมสซี่, เวสลีย์ สไนเดอร์และโทมัส มุลเลอร์

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2016

ในวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2016 นอยเออร์ได้รับเลือกให้เป็น 23 คนสุดท้ายของทีมชาติเยอรมนีในการแข่งขันยูฟ่า ยูโร 2016 (UEFA Euro 2016) ในระหว่างการแข่งขันนอยเออร์ป้องกันประตูได้เป็นอย่างดีจากการพบกับยูเครน, โปแลนด์และนอร์ธเทิร์น ไอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2016 อิตาลีทำแต้มได้จากการเตะลูกโทษของลีโอนาร์โด้ โบนุชชี่ นอยเออร์ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการป้องกันประตูในการแข่งขันครั้งสำคัญเป็นเวลานานถึง 557 นาที ซึ่งเจ้าของสถิติคนก่อนหน้านี้คือเซ็ปป์ เมเออร์ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของนอยเออร์ที่สามารถป้องกันประตูไว้ได้เป็นเวลา 481 นาที นอยเออร์ช่วยให้เยอรมนีชนะไปได้ 6-5 ประตู โดยการป้องกันประตูจากการเตะลูกโทษ 2 ครั้งรวมถึงการเตะจากจุดอื่นๆ และเขายังถูกรับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์อีกด้วย

มานูเอล นอยเออร์ เยอรมัน 2018

ในวันที่ 1 กันยายน ปี 2016 นอยเออร์ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของทีมชาติหลังจากบาสเตียน ชเวนสไตน์เกอร์ ปลดเกษียณการจากการเป็นกัปตันทีมฟุตบอล เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2018 นอยเออร์ได้รับเลือกให้ร่วมทีมใน 27 คนสำหรับฟุตบอลโลกปี 2018 ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงเล่นในการแข่งขันตั้งแต่มีอาการบาดเจ็บที่เท้าเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนกันยายนปี 2017

นอยเออร์ลงสนามนัดแรกหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บที่เท้าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนในนัดกระชับมิตรนี้ทีมเยอรมันพ่ายแพ้ออสเตรียไป 2-1 ประตูที่คลาเกนฟูล์ท และในวันที่ 4 มิถุนายน เขาได้รับเลือกให้เป็น 1 ในทีม 23 คนสุดท้ายสำหรับการลงเล่นในฟุตบอลโลก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นอยเออร์ลงสนามในฐานะกัปตันทีมเป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งเป็นนัดที่พ่ายแพ้เม็กซิโกไป 1-0 ประตู ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นอยเออร์สามารถป้องกันประตูได้ดีมากจนสามารถเอาชนะสวีเดนมาได้ด้วยสกอร์ 2-1 ประตูในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม 2 อย่างไรก็ตามทีมเยอรมันก็ตกรอบจากการแข่งขันหลังจากแพ้เกาหลีใต้ไป 2-0 ประตูในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มครั้งสุดท้าย

มานูเอล นอยเออร์ สไตล์การเล่น

นอยเออร์ได้รับการยกย่องจากสื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรุ่นตลอดกาล นอยเออร์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้รักษาประตูที่สมบูรณ์แบบและทันสมัย เขาได้รับการยกย่องจากวงการกีฬาว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอลต่อจากเลฟยาซินซึ่งถือว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและเป็นผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์

นอยเออร์มีรูปร่างที่สูงใหญ่ กำยำและแข็งแรง เขาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอดีตผู้เล่นและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของความเร็ว,ความแข็งแกร่ง,ความมั่นคงและความคิดรวมไปถึงความสามารถในการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆในสนาม เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิกิริยาการสกัดบอลที่ยอดเยี่ยม รวมถึงความเร็วและฟุตเวิร์คอีกด้วย เขายังมีความสามารถในการอ่านเกมส์ทำให้เขาสามารถควบคุมเกมส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ เขาก็มักจะมีบทบาทในการเป็นผู้กวาดลูกเมื่อผู้เล่นทีมตรงข้ามเข้าเขตล้ำหน้าเขาก็จะรีบปัดลูกบอลออกไปจากประตูได้อย่างรวดเร็ว จากทักษะความเร็วและการตัดสินใจของเขาในด้านนี้ทำให้เขาสามารถรักษาประตูไว้ได้เนื่องจากสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ นอยเออร์จึงถูกจัดให้เป็น “เป็นผู้รักษาประตูและเป็นตัวกวาด หรือ “sweeper-keeper” อีกทั้งเขายังได้รับการยกย่องในการปฏิวัติบทบาทของผู้รักษาประตูในยุคปัจจุบันอีกด้วย เขายังได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวางตำแหน่งระหว่างเสาและความสามารถในสถานการณ์แบบตัวต่อตัวด้วย นอกจากนี้เขายังมีประสิทธิภาพในการหยุดลูกโทษแบบกวาดซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับผู้รักษาประตู

มานูเอล นอยเออร์ ประวัติส่วนตัว

นอยเออร์ เกิดที่เก็ลเซินเคียร์เชิน รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี เขาเข้าเรียนที่เกซัมท์ชูเล เบอร์เกอร์ เฟลด์ ที่เมืองบ้านเกิดของเขาตามวิถีนักฟุตบอลอื่นๆอาทิเช่น เมซุท เออซิล นอกจากนี้พี่ชายของเขายังเป็นกรรมการผู้ตัดสินในเวอร์บันด์สลีกาอีกด้วย เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น และเขาได้ลงสนามในการแข่งขันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ปี 1991 หรือ 24 วันก่อนถึงวันเกิดในปีที่ 5 ของเขานั่นเอง นอยเออร์มีฮีโร่หรือไอดอลในดวงใจซึ่งได้แก่ เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตูจากสโมสรชาลเก้นั่นเอง

นอยเออร์นับถือนิกายคาทอลิกและให้การสนับสนุนกลุ่มคาทอลิกในเด็กที่ยากจนและขาดแคลนรวมถึงสโมสรเยาวชนเก็ลเซินเคียร์เชิน (Gelsenkirchen) ที่ดำเนินการโดยอมิโกเนียน (Amigonians) นอยเออร์เริ่มจัดตั้งมูลนิธิเพื่อการกุศลสำหรับเด็กโดยตั้งชื่อมูลนิธินี้ว่า มูลนิธิเด็ก มานูเอล นอยเออร์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เขาได้รับเงินบริจาคเพื่อการกุศลถึง 500,000 ยูโรในรายการฮูวอนส์ทูบีอะมิลเลียนแนร์ ( Wer wird Millionär) เวอร์ชั่นเยอรมัน นอยเออร์เป็นผู้พากเสียงของแฟรงก์ แมคเคย์ ในภาพยนตร์ของดิสนีย์เรื่อง มหา’ลัย มอนส์เตอร์ ฉบับภาษาเยอรมันในปี 2013 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2017 นอยเออร์แต่งงานกับแฟนสาวซึ่งมีชื่อว่านีน่า ไวสส์ (Nina Weiss) ในเมือง Tannheim ประเทศออสเตรีย และตามมาด้วยการจัดงานแต่งงานที่โบสถ์ ณ วิหาร Santissima della Madia ใน Monopoli ที่ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน