มาร์เซโล่ : Marcelo

ประวัติ นักเตะ มาร์เซโล่

มาร์เซโล่ วิเอร่า ดาซิลวา จูเนียร์ เกิดวันที่ 12 พฤษภาคม 1998 หรือที่เราเรียกว่า มาร์เซโล่ เป็นนักเตะชาวบราซิล ที่เล่นให้สโมสรจาก ลาลีก้า สเปน กับทีมรีล มาดริดและทีมชาติบราซิล เขามักจะลงเล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ก็อาจขยับขึ้นมาเล่นตำแหน่งปีกซ้ายได้ด้วย มาร์เซโล่เคยได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกในเวลานี้ หรือเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายยอดเยี่ยมตลอดกาลของโลกด้วย

ปี 2005 เขาได้แชมป์คัมเปโอนาโต้ คาริโอก้า กับทีมฟลูมิเนนเซ่ เมื่อปี 2006 เขามีชื่อเป็นหนึ่งในทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของบราซิเลโร่ ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี เขาย้ายมาร่วมทีมราชันชุดขาว รีล มาดริดด้วยค่าตัว 8 ล้านดอลลาร์ และเขากลายเป็นตำนานของทีม รีล มาดริด เมื่อเขาคว้าแชมป์กับทีมกว่า 20 รายการรวมถึงฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก 4 ครั้ง และได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแชมเปี้ยนส์ลีกสามครั้ง แชมป์ลาลีก 4 ครั้ง นักฟุตบอลยอดเยี่ยมจาก ฟิฟโปร 5 ครั้ง ทีมยอดเยี่ยมยูฟ่า สามครั้ง และทีมยอดเยี่ยมลาลีกา ปี 2016

มาร์เซโล่ ลงสนามให้ทีมชาติบราซิลเกมแรกที่พบเวลส์ โดยยิงได้หนึ่งลูก ต่อจากนั้นเขาลงสนามให้ทีมชาติลงแข่งฟุตบอลโอลิมปิกปี 2008 ซึ่งเขาคว้าเหรียญบรอนซ์ (ได้อันดับที่สาม) สี่ปีต่อมาเขาก็ไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิกอีก (เป็นหนึ่งในโควต้านักเตะอายุเกิน 23 ปี สามคน) บราซิลได้รองแชมป์ เขามีชื่อเล่นรายการคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ และลงสนามไปกว่า 5 นัด รวมถึงเกมที่บราซิลชนะสเปน 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ เขาได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2014 ที่ชาติตัวเองเป็นเจ้าภาพ เซเลเซาผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศสุดท้ายแพ้ต่อเยอรมัน 7-1 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ ในเดือนพฤษภาคม 2018 เขาได้ลงสนามให้บราซิลไปแข่งฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

มาร์เซโล่ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำนานแบ๊กซ้าย เช่นเดียวกับเปาโล มัลดินี่ และดิเอโก้ มาราโดน่า เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งของเขา เขาถูกนำไปเปรียบกับโรแบร์โต้ คาร์ลอส แบ๊กซ้ายรุ่นพี่ ซึ่งคาร์ลอสถึงกับยอมรับว่ามาร์เซโล่มีเทคนิคการเล่นที่เหนือกว่า

มาร์เซโล่ ฟลูมิเนนเซ

มาร์เซโล่ลงเล่นฟุตซอลมาก่อนด้วยวัย 9 ขวบ จากนั้นอายุ 13 ฟลูมิเนนเซ่ แห่งริโอ เดอ จาเนโร้ได้เรียกตัวเขามาเล่นฟุตบอล 11 คน เขาเกิดมาในครอบครัวยากจนและคิดจะเลิกเล่นฟุตบอลแต่ปู่ของเขาชักจูงให้เขาเล่นฟุตบอลต่อไป

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด

เขาย้ายมาร่วมทีมรีล มาดริดช่วงเดือนมกราคม ปี 2007 เมื่อมาถึงประธานสโมสร ราม่อน กัล-เดร่อน กล่าวว่า “เขาเป็นการเซ็นสัญญาที่สำคัญของเรา เขามีอายุน้อยและเป็นอนาคตของทีมเรา เรามีความสุขมากเพราะว่าเขาเป็นที่ต้องการไปทั่วยุโรป ผู้สันทัดกรณีต่างพากันกล่าวว่าเขาอาจกลายเป็น “นิวโรแบร์โต้ คาร์ลอส”“

มาร์เซโล่ลงสนามให้ทีมราชันชุดขาวเกมแรก โดยลงมาเป็นตัวสำรองเกมที่ชนะเดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า 2-0 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2007 ในขณะวันที่ 14 เมษายน 2007 กุนซือฟาบิโอ คาเปลโล่เปิดโอกาสให้เขาได้ลงสนามเกมพบราซิ่ง ซานตานเดร์ รีลมาดริดแพ้เกมนั้น 2-1 ต่อมาเขาได้ลงสนามภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ แบรนด์ ชูสเตอร์ ด้วยความสามารถ ความเร็ว เกมรุกและเกมรับ ทำให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เล่นอย่างย่ำแย่เมื่อปี 2009 มาร์เซโล่พบว่าเขาต้องนั่งอยู่ในม้านั่งสำรองในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2009 ภายใต้ผู้จัดการทีมฆวนเด้ รามอสที่มักจะส่งกาเบรียล ไฮน์เซ่ลงสนามแทนที่เขา โดยรามอสได้ดันให้เขาขึ้นไปเล่นปีกซ้ายบ้างในบางโอกาส และนักเตะชาวบราซิลก็ปรับตัวกัลป์ตำแหน่งใหม่ในทีมได้เป็นอย่างดี เขายิงประตูแรกหลังที่การยิงของกอนซาโล่ อิกวาอินถูกเซฟออกกมาก เกมนั้นมาดริดมีชัยเหนือ สปอร์ติ้ง กิฆอน 4-0 ซึ่งหลังเกมกุนซือรามอสกล่าวว่ามาร์เซโล่เป็นอนาคตใหม่ได้เลย ต่อมาเขายิงประตูที่สองเกมที่ชนะอัลเมเรีย เขายิงประตูจากนอกเขตโทษด้วยเท้าซ้ายอันทรงพลัง

วันที่ 18 เมษายน 2009 เขายิงประตูที่สามให้ทีม เป็นประตูเดียวให้มาดริดชนะ เรเครอาติโบ อูเอลบา ประตูที่สี่เกมที่พบเซบีย่าที่สนามราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน เดือนเมษายน 2009

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2009

การเข้ามาของกุนซือคนใหม่ มานูเอล เปเยกรินี่ เขาได้ลงสนามเป็นสิบเอ็ดตัวจริงและได้รับบทบาทที่อิสระมากขึ้น โดยเขาสามารถวิ่งขึ้น-ลง ในฝั่งซ้ายของสนาม ได้ และโดยส่วนตัวเขาเป็นจอมแอสซิสต์แห่งลาลีกาด้วย มาร์เซโล่ กล่าวว่า “ผมคิดว่าผมชอบเล่นตำแหน่งปีกซ้ายให้ทีมมากกว่า” ฤดูกาล 2009/10 เป็นปีที่เขาประสบความสำเร็จกับทีม ทำให้ได้รับสัญญาฉบับใหม่ต่อไปอีก 5 ปี

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2010

มาดริดภายใต้กุนซือชาวโปรตุเกส โชเซ่ มูรินโญ่ เขาได้ลงสนามในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติคือแบ๊กซ้าย ลงสนามในเกมลีกทุกนัด เขาสร้างความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีมทั้งเกมรุกและรับทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากโค้ชอยู่ตลอด วันที่ 25 พฤศจิกายน 2010 เขามีชื่อเป็นนักเตะยอดเยี่ยม 55 คนของโลกหลังจากฟุตบอลโลกครั้งที่สอง เขายิงประตูแรกในฤดูกาลใหมเมื่อยิงประตู 1-0 เหนือเอสปันญอล วันที่ 13 กุมภาพันธ์ และเกมที่ยอดเยี่ยมที่พบโอลิมปิก ลียงในแชมเปี้ยนส์ลีก เขายิงประตูแรกให้ทีมและแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีม คาริม เบเนซม่า ยิงประตูสุดท้ายเกมนั้นเขาได้รับ MOM มาดริดชนะได้ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนัลเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2004 เขายังเล่นได้ดีในเกมที่พบบาร์เซโลนาใน UCL ที่สนามคัมป์นู เกมจบด้วยด้วยผล 1-1 (ในเกมเลกที่สอง)

เขาได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า ฤดูกาล 2010/11 เขาได้รับคำชื่นชมจากหลายคนทั่วโลกว่าเป็นนักเตะแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกและเป็นนักเตะยอดเยี่ยมอันดับสามในลาลีก้า รองจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้และลิโอเนล เมสซี่

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2011

มาร์เซโล่ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเกมที่มาดริดแพ้ต่อบาร์เซโลน่า 3-2 วันที่ 3 ธันวาคม 2011 เขายิงประตูที่สามเกมที่ราชันชุดขาวชนะกิฆอน ในลาลีกา เปาโล มัลดินี่ กล่าวชมว่า “มาร์เซโล่เป็นกองหลังที่เล่นเกมบุกได้เก่งที่สุดคนหนึ่งในโลก” ส่วนโรแบร์โต้ คาร์ลอส กล่าวว่า มาร์เซโล่เป็นแบ็คซ้ายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เท่าที่เขาได้ชม เกมที่มาดริดพบทีมจากไซปรัส อาโปเอล เขาลงสนามแทนที่ฟาบิโอ โคเอนเตรานาที 75 และทำให้ทีมได้แชมป์ลาลีก้าเป็นสมัยที่ 32

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2012

เขายิงประตูแรกเกมที่พบแมนซิตี้ ในแชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 19 กันยายน เกมนั้นชุดขาวชนะที่ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว 3-2 เดือนกุมภาพันธ์ 2013 เขาลงสนามหลังหายจากการเจ็บ เป็นกัปตันทีมวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่สนามริอาซอร์ เกมนั้นทีมชนะลา คอรุนญ่า 2-1 วันที่ 20 เมษายน บราเขาเป็นกัปตันทีมอีกครั้งเกมที่พบเบติส นาที่ 14 เขาเจ็บกล้ามเนื้อจากการเปิดบอลยาว สุดท้ายเกมนั้นมาดริดชนะ 3-1

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2013

เขายิงประตูเบิกร่องให้ทีม เกมชนะเชลซี 3-1 เกมนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 7 สิงหาคม เขาลงสนาม 28 นัดยิงได้ 1 ลูกในเกมที่ชนะ เลบานเต้ 3-0 วันที่ 9 มีนาคม มาร์เซโล่ยิงประตูที่สามให้ทีมชนะ 4-1 ในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศที่ชนะแอตเลติโก มาดริด (ชนะช่วงต่อเวลา 120 นาที) เขายิงบอลจากนอกเขตโทษหลังลงมาเป็นตัวสำรองของฟาบิโอ โคเอนเตรา

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2015

เขาลงสนามเกมพบชัคเตอร์ โดเน็ตส ในรอบแบ่งกลุ่ม วันที่ 10 กรกฎาคม 2015 เซ็นสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2020 วันที่ 18 ตุลาคม เขายิงประตูแรกเกมที่มาดริดเปิดบ้านชนะเลบานเต้ 3-0 พาทีมได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015/16

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2016

เขาลงสนาม 30 นัดให้มาดริด ชนะเลิศลาลีก้า และลงสนามสิบเอ็ดคนแรกเกม UCL

มาร์เซโล่ เรอัล มาดริด 2017

วันที่ 13 กันยายน 2017 เขาเซ็นสัญญาอยู่กับทีมถึงปี 2022 และได้ลงสนามใน UCL กว่า 11 เกมยิงได้ 3 ลูก พามาดริดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่สิบสาม และชนะเลิศสามครั้งติดต่อกัน (ชนะลิเวอร์พูล 3-1)

มาร์เซโล่ บราซิล

มาร์เซโล่ยิงประตูแรกให้ทีมชาติเกมที่แข่งกับเวลส์ที่ สนามไวท์ ฮาร์ท เลนของสเปอร์ส เกมนั้นบราซิลชนะ 2-0 เขายิงประตูจากนอกเขตโทษ ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา มีคนมักจะนำเขาไปเปรียบเทียบกับโรแบร์โต้ คาร์ลอส เป็นประจำ โดยที่ทั้งสองคนมีโอกาสได้ลงสนามแข่งขันกันในสมัยที่คาร์ลอสย้ายไปเล่นให้เฟเนร์บาห์เช่ในลีกตุรกี

เดือนพฤษภาคม 2010 เขามีเป็นนักเตะตัวสำรองหนึ่งในเจ็ดคนที่จะลงสนามฟุตบอลโลก 2010 ถึงแม้ว่าต่อมาคาร์ลอส ดุงก้าจะไม่เรียกเขาไปเล่นฟุตบอลโลกก็ตาม เขาได้ลงสนามให้ทีมชาติวันที่ 10 สิงหาคม 2010 เกมกระชับมิตรกับอเมริกา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่มาโน่ เมเนเซส และเขาได้ MOM เกมที่ชนะเม็กซิโก 2-1 เกมนั้นเขายิงประตูชัยโดยเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามหลายคนก่อนที่จะยิงประตู

เขาได้เล่นให้บราซิลโอลิมปิก 2012 ในโควต้านักเตะอายุเกิน 23 ปี ซึ่งทีมได้รองแชมป์ เขาไปเล่นฟุตบอลคอนเฟด คัพ ลงสนาม 5 นัด นัดชิงชนะเลิศทีมชนะสเปนได้ 3-0 คว้าแชมป์ไปครอง

ฟุตบอลโลก 2014 มาร์เซโล่ยิงประตูตัวเองนาทีที่ 11 เกมนัดเปิดสนามกับโครเอเชีย วันที่ 12 มิถุนายน จากจังหวะที่เขาเข้าบล็อกลูกยิงของนิกิช่า เยลาวิช ทำให้เป็นการยิงเข้าประตูตัวเองเป็นลูกแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิล แต่เกมนั้นทีมชนะ 3-1 เขามีชื่อลงเล่นฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

มาร์เซโล่ ชีวิตส่วนตัว

ปี 2008 มาร์เซโล่แต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมานาน คลาริซ อัลเวส เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2009 พวกเขามีลูกด้วยกันหนึ่งคน ลูกชายชื่อเอ็นโซ่ กัตตูโซ่ อัลเวส วิเอร่า ลูกคนที่สองชื่อเลียม เกิดวันที่ 1 กันยายน 2015 รอยสักของเขาบ่งบอกหมายเลขเสื้อ และวันที่เกิดที่แขนซ้ายของเขา ปู่ของเขาเปโดร ยังมีรอยสักที่แขนด้วย ซาน เปโดรปู่ของเขาเคยเล่นฟุตบอลที่บราซิล มาร์เซโล่อุทิศทุกประตูที่ยิงได้ให้ภรรยาของเขา ปู่เขาเสียชีวิตเมื่อปี 2014 ในช่วงฟุตบอลโลกพอดี วันที่ 26 กรกฎาคม 2011 เขายังได้สัญชาติสเปน ทำให้เขาลงสนามในทีมรีล มาดริดด้วยโควต้านักเตะของสเปนได้