รีส เจมส์ ยอดแบ็คขวาดาวรุ่งแห่งทัพ สิงโตน้ำเงินคราม

รีส เจมส์ ยอดแบ็คขวาดาวรุ่งแห่งทัพ สิงโตน้ำเงินคราม

รีส เจมส์ แบ็คขวาอนาคตไกลวัย 20 ปี ของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่แสนล้ำค่าในอาชีพนักฟุตบอล โดยปัจจุบัน เขากำลังลงเล่นให้กับทีมในวัยเด็กที่ปั้นเขาขึ้นมาอย่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” ซึ่งมันมีความหมายกับเขาอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือวัยเด็กของ เจมส์ นั้น เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เล่นฟุตบอลตลอดทั้งวันและทุกๆวัน ซึ่งอายุมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด และครอบครัวของ เจมส์ รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้กับลูกฟุตบอล

กองหลัง เชลซี กล่าวกับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีในรายงานของ Livescore888 ว่า “ครอบครัวของเราชอบเล่นฟุตบอลมาก เมื่อมีเวลาว่างเราก็จะเล่นฟุตบอล ผมมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อ จอช ซึ่งเขาก็เป็นนักฟุตบอลด้วย ดังนั้น ผมจึงมีเขาเป็นแบบอย่าง”

“ผมเคยเล่นฟุตบอลกับพี่ชายของผม และเพื่อนๆของเขา พวกเขาแก่กว่าผม 2 ปี พวกเขามีร่างกายที่ใหญ่กว่าผม แต่ผมก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะผมเล่นกับพวกเขาอยู่หลายครั้ง ส่วนคุณพ่อและตัวผมเองจะชอบฝึกซ้อมกันในเรื่องเทคนิค และถ้าคุณทำอย่างนั้นตั้งแต่ตอนที่คุณยังเป็นเด็ก คุณจะคุ้นเคยกับมันมากกว่าตอนที่คุณอายุมาก” เจมส์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ลอว์เรน น้องสาวของ เจมส์ ก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพอยู่ในทีมฟุตบอลหญิงของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วน ไนเจล คุณพ่อของเขานั้น เป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนของสโมสรนอกลีกแห่งหนึ่งในเมืองผู้ดี

เจมส์ เริ่มต้นฝึกซ้อมฟุตบอลกับ จอช พี่ชายของเขาในทีมเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 9 ปี ของ ฟูแล่ม ซึ่งทั้งคู่ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมเยาวชนของพลพรรค “เจ้าสัวน้อย” ซึ่งในเวลานั้น เขาก็ได้รับการจับตามองจากหลายๆทีมในศึกพรีเมียร์ลีก

ไนเจล คุณพ่อของเขาพูดอย่างเบาๆ และสงบเป็นที่ชัดเจนว่า ทำไมพื้นฐานของ เจมส์ จึงแข็งแกร่ง ซึ่งคุณพ่อเป็นคนฝึกทักษะของกองหลัง เชลซี อย่างเข้มข้นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และให้เขาทำการฝึกซ้อมแบบเดิมอยู่หลายครั้งจนชำนาญ

ไนเจล กล่าวกับ “สกายสปอร์ต” ว่า “มันเป็นสิ่งที่ผมทำกับเด็กๆ มากมาย เราเล่นฟุตบอลกันเยอะมากในทุกๆวัน และทำในสิ่งเดียวกันซ้ำไปซ้ำมาโดยที่เด็กไม่รู้ว่ามันเป็นการซ้อมแบบเดิมๆ แต่มันทำให้พวกเขาคุ้นเคย”

“รีส จดจ่อกับการฝึกซ้อมอยู่เสมอ เขาเล่นในตำแหน่งแบ็คขวามาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตั้งแต่ในทีมเยาวชนของ ฟูแล่ม และปัจจุบันเขาก็เล่นในตำแหน่งเดียวกันกับ เชลซี รีส มักจะได้ฝึกซ้อมกับเด็กที่มีอายุมากกว่าเขาอยู่เสมอทุกๆ 2 วันต่อ 1 สัปดาห์ และนั่นทำให้การพัฒนาของเขาดีขึ้นอย่างมาก”

เจมส์ อยู่กับ เชลซี มาตั้งแต่ปี 2006 และในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นที่ วีแกน แอธเลติก ซึ่งเขาได้ลงเล่นให้กับพลพรรค “เดอะ ลาติกส์” ไปมากถึง 46 เกมรวมทุกรายการ และซัดไป 3 ประตู ก่อนจะได้กลับมาเล่นให้กับ “สิงห์บลูส์” ในปีนี้ และได้รับการขยายสัญญายาวออกไปถึงปี 2025

เจมส์ เป็นนักเตะชุดเยาวชนของ เชลซี ในรุ่นเดียวกับ แทมมี่ อับราฮัม หัวหอกวัย 22 ปี, ฟิคาโย โทโมริ ปราการหลังวัย 22 ปี , คัลลัม ฮัดสัน – โอดอย ปีกวัย 19 ปี และ บิลลี่ กิลมัวร์ กองกลางชาวสก็อตแลนด์ วัย 18 ปี ซึ่งเขาถูกล้อมรอบไปด้วยเพื่อนร่วมทีมที่คุ้นเคยหลังจากได้เข้าไปอยู่ในทีมชุดแรกของ “สิงห์บลูส์”

เจมส์ กล่าวว่า “มันยอดเยี่ยมมาก ผมเติบโตขึ้นมากับการเป็นแฟนบอลของสโมสรแห่งนี้ และตอนนี้ผมได้เล่นให้กับสโมสรที่ผมรัก และในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ลงเล่นมากแค่ไหน เพราะเห็นได้ชัดว่า ผมอยู่ในสโมสรระดับโลก และทุกคนอยู่ในมาตรฐานที่สูงมาก”

เจมส์ เป็นนักเตะชุดเยาวชนของ เชลซี

“นับตั้งแต่ที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่นั้น ในห้องแต่งตัวทุกคนให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี และดูแลผมดีมาก ผมรู้จักเพื่อนร่วมทีม 2-3 มาแล้วเช่นกัน เพราะเราเล่นด้วยกันมาจากทีมเยาวชนของสโมสร ดังนั้น เมื่อผมเห็นพวกเขามันก็รู้สึกดีมากเพราะผมรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี”

“พวกเรา 2-3 คน เคยเล่นในทีมเดียวกันมาแล้ว และผมคิดว่า เมื่อเวลาผ่านไปเราจะค่อยๆพัฒนาร่วมกันเป็นทีม ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่า ผมรู้จักพวกเขาทุกคนในตอนนี้ และรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมช่วยผมมากเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามาในทีม” ดาวเตะ เชลซี กล่าว

ในช่วงแรกที่ย้ายไปเล่นให้กับ วีแกน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ พอล คุ๊ก นั้น เจมส์ ต้องตกเป็นตัวสำรองของ นาธาน เบิร์น แบ็คขวาชาวอังกฤษ ซึ่งมีประสบการณ์ในสนามมากกว่าเขา และเป็นนักเตะที่แฟนบอล “เดอะ ลาติกส์” ชื่นชอบอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจาก เบิร์น ได้รับบาดเจ็บ เจมส์ ก็ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่เขายืนยันว่าตัวเองสนิทสนมกับ เบิร์น และไม่มีปัญหาใดๆกันเลยในการแย่งตำแหน่งตัวจริง และในปีที่แล้ว เจมส์ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ วีแกน

เจมส์ กล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่ามันเป็นฤดูกาลแรกของผมในการเล่นฟุตบอลกับทีมชุดใหญ่ในระดับอาชีพแบบเต็มตัว ดังนั้น เมื่อผมมาถึงที่ วีแกน ครั้งแรก ผมไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรได้บ้าง มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับทีมเยาวชน”

“ทุกคนมีโอกาสได้ลงเล่นพอๆกัน ดังนั้น มันมีความหมายมากสำหรับทุกคน และพวกเขาไม่ต้องการที่จะนั่งข้างสนาม ในฤดูกาลที่แล้วเราทำผลงานได้ไม่ดีนัก มันจึงเป็นฤดูกาลที่ยากลำบาก แต่นั่นช่วยผมได้มาก” แบ็คขวา เชลซี กล่าว

ขณะเดียวกันในทีมชาติอังกฤษยุคที่ผ่านมานั้น ฟาบิโอ คาเปลโล่ อดีตกุนซือ “สิงโตคำราม” เคยนำ เกล็น จอห์นสัน แบ็คขวา ลิเวอร์พูล ไปลุยฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ไปเพียงรายเดียวโดยไม่มีตัวสำรอง เนื่องจากขาดแคลนนักเตะในตำแหน่งแบ็คขวา แต่เวลานี้ มีฟูลแบ็คเลือดผู้ดียุคใหม่เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย

เจมส์ อธิบายต่อว่า “ผมยังรู้สึกว่า แบ็คขวาคือตำแหน่งหลักของผม ผมคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจะชื่นชอบฟลูแบ็คที่น่าตื่นเต้น คุณจะมีอิสระมากขึ้น และคุณสามารถเล่นเกมรุกได้มากขึ้นด้วย แต่ในฐานะกองหลังงานแรกของคุณก็คือ เกมรับ แต่เห็นได้ชัดว่า ผมก็ชอบเติมเกมรุกเช่นกัน”

“ผมมีอิสระที่นี่ เห็นได้ชัดว่า เราเป็นคนที่เล่นในสนามเพื่อให้คุณทำสิ่งที่คุณรู้สึกว่า มันถูกต้องในเวลานั้น ถ้าคุณสามารถครอบครองบอลไว้กับตัวเองได้ มันก็จะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการคิดสิ่งต่างๆ แต่บางทีเรายังเด็กอยู่ ดังนั้น เราอาจจะทำผิดพลาดในเกม และเมื่อคุณทำผิดพลาด คุณจะต้องพยายามวิเคราะห์มันและดูว่าคุณจะปรับปรุงได้อย่างไรในครั้งต่อไป”

ไนเจล กล่าวต่อว่า “รีส เป็นคนง่ายๆ เขาสงบมาก ไม่เคยสร้างปัญหากับคุณเลย และให้ความเคารพเสมอ เขาเป็นคนที่ถ้าได้ไปที่บ้านของใครแล้ว คนเหล่านั้นก็จะรักเขา และทุกคนต้องการให้เขาอยู่ในทีมของตัวเอง และไม่มีใครที่ดูเหมือนจะอิจฉาตัวตนที่เขาเป็นเลย เขาผ่านทีมเยาวชนมาทุกระดับแล้ว และตอนนี้เขาก็มีเส้นทางอาชีพที่ดีในทีมชุดใหญ่”

เจมส์ ต้องเอาชนะความยากลำบากในช่วงวัยรุ่นตอนต้น และพบว่ามันเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง โดย ไนเจล เล่าอีกว่า “รีส ทำงานพิเศษในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนเพียงวันเดียวของเขา เราจะไปเป็นโค้ชที่สโมสรท้องถิ่นในแถบ Bromley และ Sutton มันเป็นการดิ้นรนของเรา แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ รีส มองตัวเองแล้วเขาก็ตัดสินใจ เขาต้องเสียสละ และเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต”

เครื่องหมายคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ เจมส์ ในทีม เชลซี นั้นอาจไม่สำคัญ แต่เขาถือเป็นผู้เล่นที่หายากสำหรับบรรดานักเตะอายุเท่าเขา และนั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเลี้ยงดูที่รอบคอบของครอบครัวเขา ที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะสานต่ออย่างสมบูรณ์แบบต่อไปในอนาคต

เจมส์ อยู่กับ เชลซี มาตั้งแต่ปี 2006

เนื้อหาใกล้เคียง