หลายๆ คนจะงงกับผลงานในเกมดังกล่าว สำหรับการเผชิญหน้ากันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อกลายเป็นทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดูดีกว่าอย่างชัดเจน ทั้งโอกาสเข้าทำประตู, การครองบอล และโอกาสทำประตูที่มากกว่า 2 เท่า ทั้งที่ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เคยบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล มาได้ แต่การบุกมาเยือนแอนฟิลด์ โดยเจ้าบ้านมีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแชมป์เก่าที่เก็บ 3 คะแนนไปได้สำเร็จ
มันไม่ใช่เรื่องปกติ หรือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังแน่ เมื่อเลสเตอร์เป็นทีมเดียวที่ชนะเกมนอกมาได้ทั้งหมดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 แถมยังเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับชัดเจนอย่างมาก เมื่อลิเวอร์พูลเหนือกว่าพอสมควรและคว้าชัยชนะไปด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจและมีความไหลลื่นในการเล่น แม้จะขาดตัวหลักหลายคน ยิ่งบ่งบอกถึงความพร้อมในการป้องกันแชมป์ฤดูกาลนี้
การทำประตูของ ดิโอโก้ โจต้า เป็นการผ่านบอลของเจ้าบ้านมากกว่า 30 ครั้ง ก่อนที่จะได้ประตู และตัวรุกของทีมทุกคนก็มีส่วนร่วมในจังหวะนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งจังหวะที่สำคัญในการลดความกดดันของลิเวอร์พูล กับช่วงเวลาที่เหมาะสม แม้เลสเตอร์จะสร้างโอกาสในการทำประตูได้บ้าง แต่หลายๆ อย่างก็ยังดูไม่เป็นใจและไม่สามารถตีไข่แตกได้
ร็อดเจอร์สยังมองโลกในแง่ดีได้ เมื่อทีมยังมีฟอร์มการเล่นที่ดีกว่าเกมล่าสุดที่พบกันที่แพ้ที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ 4-0 ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในขณะที่ช่วงท้ายเกม เซงกิซ อุนแดร์ ก็ยังปั่นป่วนเจ้าบ้านในเกมนี้ได้ กับการสร้างพื้นที่จากด้านข้างสนาม แม้ว่าสุดท้ายจะมีจังหวะที่ขาดๆ เกินไป กับเพื่อนร่วมทีมไปบ้างและสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เจมี่ วาร์ดี้ ไม่ได้มีโอกาสมากนักสำหรับการฉวยโอกาสในช่วงที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ไม่สามารถลงสนามได้
จอร์นิจิโอ ไวจ์นัลดุม ยังเป็นกำลังสำคัญหลักในแดนกลางให้กับลิเวอร์พูลอย่างชัดเจน เมื่อเล่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เมื่อวิ่งไล่บอลและคอยเปลี่ยนจังหวะกับเกมรับเป็นรุก รวมถึงการประคองดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์ ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญหลักของคล็อปป์ ซึ่งแน่นอนว่าทีมจะต้องพยายามอย่างหนักในการรักษานักเตะเอาไว้
สิ่งสำคัญสำหรับเลสเตอร์คือการรักษาระดับการเล่นของทีมให้ได้อย่างต่อเนื่อง หลังทีมพลาดไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นเพราะผลงานในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว เมื่อแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเกมสุดท้ายของฤดูกาล ทั้งที่อยู่ในกลุ่มท็อปโฟร์ของตารางคะแนนมาตลอด นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่ร็อดเจอร์สต้องคอยย้ำเตือนนักเตะเกี่ยวกับความผิดหวังดังกล่าว
