สเปอร์ส : Tottenham Hotspur F.C.

ประวัติสโมสร สเปอร์ส

สโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือที่เรียกสั้นๆว่า ท็อตแน่ม หรือ สเปอร์ส เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอยู่ในเมืองท็อตแน่ม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษหรือพรีเมียร์ลีก มีสนาม เวมบลีย์ เป็นสนามเหย้าที่ใช้ในฤดูกาล 2018-19 ก่อนหน้านี้ใช้สนามไวท์ ฮาร์ทเลน เป็นสนามเหย้า ก่อนจะได้รับการสร้างใหม่ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2019 คือสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ใช้เสื้อสีขาวและกางเกงสีน้ำเงินเป็นชุดประจำสโมสร พวกเขามีทีมคู่ปรับคืออาร์เซน่อล

สโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1882 และเป็นทีมจากนอกลีกทีมเดียวที่ได้เข้าร่วมฟุตบอลลีกในปี 1888 เป็นสโมสรแรกในศตวรรษที่ 20 ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุด และเอฟเอคัพในปีเดียวกัน โดยทำได้ในฤดูกาล 1960-61 หลังจากประสบความสำเร็จในการป้องแชมป์เอฟเอคัพในปี 1962 ปี 1963 พวกเขาก็เป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ได้แชมป์ฟุตบอลระดับทวีปยุโรป โดยได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์สคัพ,แชมป์ยูฟ่าคัพในปี 1972 ทำให้เป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ได้แชมป์ในระดับทวีปยุโรป 2 รายการที่แตกต่างกัน

พวกเขาได้รับถ้วยรางวัลอย่างน้อยปีละ 1 ถ้วยในช่วงปี 1950 ถึงปี 2000 เทียบเคียงได้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยสเปอร์สได้รับแชมป์ลีก 2 ครั้ง,แชมป์เอฟเอคัพ 5 ครั้ง,แชมป์ลีกคัพ 4 ครั้ง,แชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์ 7 ครั้ง,แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์สคัพ 1 ครั้ง และแชมป์ยูฟ่าคัพอีก 2 ครั้ง

สเปอร์ส 1882

ชื่อดั้งเดิมของพวกเขาคือสโมสรฟุตบอลฮ็อตสเปอร์ส โดยก่อตั้งขึ้นในวันที่ 5 กันยายนปี 1882 โดยกลุ่มนักเรียนที่นำโดยบ๊อบบี้ บัคเคิ้ล ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มสโมสรคริกเก็ตฮ็อทสเปอร์ และสโมสรฟุตบอล หลังจากก่อตั้งสโมสรได้ 1 ปีเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก จอห์น ริปเชอร์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนคัมภีร์ไบเบิลในโบสถ์ และเป็นประธานสโมสรคนแรกของทีม เป็นเหรัญญิกของทีมด้วย ตลอดระยะเวลา ริปเชอร์ ช่วยสนับสนุนเด็กๆในกิจการเกี่ยวกับสโมสรและการประชุมทีม จนกระทั่งในเดือนเมษายนปี 1884 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพื่อป้องกันการสับสนกับอีกสโมสรหนึ่งที่ชื่อ ลอนดอน ฮ็อทสเปอร์ โดยมีชื่อเรียกสั้นๆว่า สเปอร์ส หรือ ดอกลิลลี่สีขาว

ในช่วงแรกพวกเขาเล่นฟุตบอลด้วยกันเองในทีม หรือบางทีก็เล่นฟุตบอลกระชับมิตรกับทีมในท้องถิ่น วันที่ 30 กันยายนปี 1882 เป็นเกมแรกที่ได้รับการบันทึก โดยพวกเขาลงเล่นนัดกระชับมิตรเจอกับทีม เรดิคอลส์ และเป็นสเปอร์สที่แพ้ไป 2 ประตูต่อ 0 พวกเขาลงเล่นฟุตบอลถ้วยรายการแรกในลอนดอน ที่จัดโดยสมาคมฟุตบอลลอนดอน โดยสามารถเอาชนะทีม เซนต์ อัลแบนส์ 5 ประตูต่อ 2 ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคมปี 1885 หลังจากนั้นสโมสรเริ่มเป็นที่สนใจของคนในชุมชนมากขึ้น จนกระทั่งปี 1892 พวกเขาได้ลงเล่นในลีกทั้งแรก ในรายการ Southern Alliance และวันที่ 20 ธันวาคม 1895 พวกเขาก็ได้พัฒนาเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ ในช่วงหน้าร้อนปี 1896 พวกเขาได้เข้าร่วมดิวิชั่น 1 ในฟุตบอล Southern League

สเปอร์ส 1898

วันที่ 2 มีนาคม 1898 สโมสรได้เปลี่ยนเป็นในรูปแบบบริษัท ภายใต้ชื่อ สโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แอนด์ แอธเลติค คอมพานี ไม่นานหลังจากนั้น แฟร้ง เบรทเทล เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสเปอร์ส และเซ็นสัญญา จอห์น คาเมรอน เป็นผู้เล่นและผู้จัดการทีม หลังจากที่เบรทเทล ออกจากสโมสรไป คาเมรอนก็มีส่วนอย่างมาก ในการนำทีมคว้าแชมป์แรก ด้วยการคว้าแชมป์ Southern League ในฤดูกาล 1899-00 หลังจากนั้น 1 ปี สเปอร์สก็คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการเอาชนะทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3 ประตูต่อ 1 ในนัดที่ 2 หลังจากที่นัดแรกเสมอกันมา 2 ประตูต่อ 2 โดยถือเป็นทีมจากนอกลีกทีมแรกที่ได้แชมป์ในรายการนี้ นับตั้งแต่ปี 1888

สเปอร์ส 1908

ปี 1908 สโมสรได้ลงเล่นในฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จพร้อมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในฤดูการแรก และเป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาก็สามารถคว้ารองแชมป์ ในปี 1912 ปีเตอร์ แมควิลเลี่ยม เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในฤดูการ 1914-15 ทีมจบด้วยอันดับสุดท้ายของตาราง ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ฟุตบอลไม่สามารถทำการแข่งขันได้ หลังจากสงครามโลกเสร็จสิ้น สเปอร์สต้องลงเล่นในลีกดิวิชั่น 2 แต่ก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นกลับมาสู่ดิวิชั่น 1 ได้อย่างรวดเร็ว หลังคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 อีกครั้งในปี 1919-20

สเปอร์ส 1921

วันที่ 23 เมษายนปี 1921 แมควิลเลี่ยม นำทีมสเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้เป็นครั้งที่ 2 โดยเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 1 ประตูต่อ 0 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่วนในลีกสเปอร์สจบด้วยอันดับที่ 2 ฤดูกาลดังกล่าวเป็นลิเวอร์พูลที่ได้แชมป์ฟุตบอลลีก หลังจากนั้น 5 ปี สเปอร์สไม่สามารถทำคะแนนผ่านครึ่งบนของตารางได้เลย ในฤดูกาล 1927-28 สเปอร์สก็ตกชั้นอีกครั้ง และแมควิลเลี่ยมก็ออกจากทีมไป ช่วงปี 1930 ถึง 1940 สเปอร์สลงเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 2 ก่อนจะกลับขึ้นมาในดิวิชั่น 1 ในปี 1933-34 และ 1934-35

สเปอร์ส 1949

ปี 1949 อดีตนักเตะสเปอร์สอย่าง อาร์เธอร์ โรว์ กลับมาเป็นผู้จัดการทีม เขาช่วยพัฒนาการเล่นของทีม ในสไตล์ ส่งแล้วเคลื่อนที่ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในฐานะผู้จัดการทีมอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ฤดูกาลแรก เขาก็ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ดิวิชั่น 1 อีกครั้ง หลังสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ได้ในฤดูกาล 1949-50 โรว์ ลาออกในเดือนเมษายนปี 1955 เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยจากความเครียดในการจัดการสโมสร แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้เซ็นนักเตะชั้นเยี่ยมเข้ามาในทีม 1 คน คือ แดนนี่ บลันช์ฟลาเวอร์ ซึ่งสามารถคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ได้ถึง 2 ครั้ง
บิล นิโชลซัน และปีแห่งการฉลอง (1958–1974)

บิล นิโชลซัน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในเดือนตุลาคมปี 1958 เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสโมสร ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มากมายในสามฤดูกาล ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1960 พระอาทิตย์ได้ดับเบิ้ลแชมป์ในปี 1961 ในปี 1962 ได้แชมป์เอฟเอคัพ และ คัพ วินเนอร์สคัพ ในปี 1963 นิโชลซัน ได้เซ็นสัญญา เดฟ แมคเคย์ และ จอห์น ไวท์ เข้ามาร่วมทีมในปี 1959 ได้ทั้ง 2 คนก็เป็นส่วนสำคัญให้ทีมคว้าแชมป์ ปี 1961 ได้เซ็นสัญญา จิมมี่ กรีฟส์ ซึ่งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศอังกฤษ

สเปอร์ส 1960

ในฤดูกาล 1960-61 สเปอร์สเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการคว้าชัยชนะ 11 นัดรวด ก่อนจะเสมอ 1 นัดและชนะอีก 4 นัดรวด ถือเป็นสถิติการเริ่มต้นในลีกสูงสุดของอังกฤษที่ดีที่สุด และส่งผลให้ให้พวกเขาได้แชมป์ในวันที่ 17 เมษายนปี 1961 ทั้งที่เหลือการแข่งขันอีก 3 นัด และคว้าแชมป์ บอลถ้วย ด้วยการเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2 ประตูต่อ 0 ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ส่งผลให้สเปอร์สสามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังจากที่ แอสตัน วิลล่า เคยทำได้ในปี 1897 ปี ต่อมาพวกเขาก็ได้แชมป์เอฟเอคัพอีกครั้งหลังเอาชนะเบิร์นลี่ย์ได้ในนัดชิงชนะเลิศ

สเปอร์ส 1963

วันที่ 15 พฤษภาคมปี 1963 สเปอร์สเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรก ที่สามารถคว้าถ้วยรางวัลในการแข่งขันระดับยุโรปได้สำเร็จ เมื่อพวกเขาได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์สคัพในฤดูกาล 1962-63 หลังจากสามารถเอาชนะแอตเลติโกมาดริด 5 ประตูต่อ 1 ในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้สเปอร์สเป็นทีมแรกอังกฤษที่สามารถคว้าแชมป์ระดับทวีปยุโรปได้ 2 รายการที่เป็นต่างกันในฤดูกาล 1971-72 ในปี 1967 พวกเขาได้แชมป์เอฟเอคัพและแชมป์ลีกคัพ รวมระยะเวลาที่นิโชลซัน เป็นผู้จัดการทีมเขานำทีมคว้าแชมป์ 8 รายการ ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่เป็นผู้จัดการทีม

สเปอร์ส 1974

ในฤดูกาล 1974-75 หลังจากที่ นิโชลซัน ลาออกจากที่ไป ทีมก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ โดยเริ่มตั้งแต่ในฤดูกาล 1976-77 ได้มีการแต่งตั้ง เคธ เบอร์กินชอว์ เป็นผู้จัดการทีม และเขาช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับมาสู่ดิวิชั่น 1 ได้อย่างรวดเร็ว โดยการดึงนักเตะอย่าง เกลน ฮอดเดิ้ล และสองนักเตะชาวอาร์เจนตินา ออสวันโด อาร์ดิลส์ และ ริคาร์โด้ วิลล่า เข้ามาร่วมทีม พวกเขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ในปี 1981 และ 1982 ก่อนจะคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพได้ในปี 1984

สเปอร์ส 1980

ในช่วงศตวรรษที่ 1980 เป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไวท์ ฮาร์ทเลน มีการเปลี่ยนผู้อำนวยการคนใหม่ คือ เอียร์วิ่ง สโชล่า ซึ่งเขาพยายามเปลี่ยนสโมสรไปสู่รูปแบบธุรกิจมากขึ้น และมีการนำหนี้สินส่วนของที่สโมสรเข้ามาประชุมในทีม เทอร์รี่ เวนาเบิ้ล ร่วมกับ อลัน ซูก้า ซึ่งเป็นนักธุรกิจ ได้เข้ามาจัดการทีมในปี 1991 โดยเวนาเบิ้ล เคย เข้าเป็นผู้จัดการทีมในปี 1987 และนำทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ในปี 1990-91 ทำให้สเปอร์สเป็นสโมสรแรกที่ได้แชมป์เอฟเอคัพ 8 ครั้ง

สเปอร์ส 1999

สเปอร์สเป็นหนึ่งในห้าสโมสรที่ร่วมก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้น หลังจากที่สมาคมฟุตบอลต้องการก่อตั้งขึ้นเพื่อทดแทนการแข่งขันในระดับดิวิชั่น 1 ทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ แม้ที่ผ่านมาสเปอร์สแต่มีนักเตะชั้นยอดยอดเข้ามาในร่วมทีมอย่างมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้แชมป์มากมายนัก ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระดับกลางตาราง จนกระทั่งปี 1999 พวกเขาได้แชมป์ลีกคัพ ภายใต้การคุมทีมของ จอร์จ เกรแฮม และได้แชมป์ลีกคัพอีกครั้งในปี 2008 ในช่วงศตวรรษที่ 2010 แฮร์รี่ เรดแนปป์ เป็นผู้จัดการทีม และมีส่วนในการดึงผู้เล่นอย่างแกเร็ธ เบล,ลูก้า โมดริช มาร่วมทีม และช่วยให้ทีมติด 5 อันดับแรกได้อีกครั้ง

สเปอร์ส 2014

เดือนกันยายนปี 2001 ซูก้า ได้ร่วมหุ้นของสเปอร์กับ ENIC Sports plc ที่ดำเนินการโดย จอห์น เลวิส และ ดาเนียล เลวี่ ภายหลังจากทั้งสองคนถือหุ้นสโมสรมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ทำให้พวกเขาเป็นเจ้าของสโมสร เดือนพฤษภาคมปี 2014 ได้มีการแต่งตั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นผู้จัดการทีมเขาช่วยให้ สเปอร์สจบด้วยอันดับที่ 2 ในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1962-63