อังเคล ดิ มาเรีย : Ángel Di María

ประวัติ นักเตะ อังเคล ดิ มาเรีย

อังเฆล ฟาเบียน ดิ มาริอา เอร์นันเดซ เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2531 เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนติน่าที่ได้ลงเล่นให้กับฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมงและเป็นนักเตะของทีมชาติอาร์เจนติน่าเขาสามารถเล่นในตำแหน่งปีกและกองกลางตัวรุกทำเกมส์ หลังจากที่เขาได้เริ่มต้นอาชีพของเขากับโรซาริโอ เซ็นทรัล ดิมาเรียได้ย้ายไปเล่นให้ทีมสโมสรในยุโรปปี 2550 ได้ลงเล่นให้กับเบนฟิก้าสามปีต่อมาเขาได้ย้ายมาเล่นให้กับเรอัล มาดริดด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรเขาทำผลงานได้ดีและประสบความสำเร็จกับสโมสรในศึกฟุตบอลลาลีกา 2554-55 หลังจากที่เขาสามารถคว้าชัยชนะศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริดเขาได้เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2557 เป็นการทำสถิติค่าตัวในลีกของอังกฤษค่าตัวอยู่ที่ 59.7 ล้านปอนด์หนึ่งปีต่อมาได้ย้ายไปเข้าร่วมกับฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมงด้วยราคาประมาณ 44 ล้านปอนด์ ดิมาเรียเป็นนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2550 เขาได้รับการลงเล่นมากกว่า 90 นัดให้กับประเทศของเขาเขาได้ทำประตูจนทำให้เขาได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2550 อีกทั้งยังได้เป็นนักเตะตัวหลักในการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้งและการแข่งขันฟุตบอลโคปาอเมริกาอีก 3 ครั้ง

อังเคล ดิ มาเรีย วัยเด็ก

ดิมาเรีย เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2531 ที่เมืองโรซาริโอประเทศอาร์เจนติน่าเป็นลูกของมิเกลและไดอาน่ามีพี่น้องร่วมกัน 3 คนและเขาเติบโตขึ้นมาในเมืองเพริเดียลในสมัยวัยเยาว์เขามีปฏิกิริยาที่โดดเด่นแตกต่างจากเด็กคนอื่นและโดยตามคำแนะนำของแพทย์จึงทำให้เขาได้สมัครเข้าเป็นนักฟุตบอลเมื่อตอนอายุ 3 ขวบนอกจากนี้เขายังได้เคยช่วยพ่อแม่ของเขาทำงานที่เหมืองถ่านหินกับพี่สาวทั้งสองคนเบเนซาและอิฟลีน
เนื่องจากครอบครัวของเขามีรายรับที่น้อยมากเลยเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการซื้อรองเท้าฟุตบอลเขาคิดว่าเขาเป็น”หัวหน้าครอบครัว”เขาเห็นถึงความสำคัญของเงินจึงได้ให้เงินคืนกับครอบครัวของเขาหลังจากที่เขาได้ถูย้ายไปร่วมทีมเบนฟิก้าเขาได้ขอให้พ่อของเขาเลิกทำงานถาวรและเขาได้ซื้อบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวเขาอยู่

อังเคล ดิ มาเรีย โรซาริโอ เซ็นทรัล

เมื่อมีอายุได้ 4 ขวบดิมาเรียได้เข้าร่วมกับทีมสโมสรโรซาริโอ เซ็นทรัลและได้ลงเล่นทั้งหมด 35 เกมส์การแข่งขัน ดิมาเรียได้ลงแข่งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2548 ในเกมส์การแข่งขันฟุตบอลรอบสุดท้ายของศึกอาเปอร์ทูร่าในบ้านของโรซาริโอผลเสมอ 2-2 และได้ถูกเอมิเลียโนเวคคิโอเปลี่ยนตัวลงมาแทนเขาสามารถทำประตูแรกได้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 ในศึกฟุตบอลอาเปอร์ทูร่าด้วยผล 4-2 เอาชนะคิลเมสเพียงหนึ่งนาทีหลังจากเปลี่ยนตัวลงมาแทนลีโอนาน์โดบอร์ซานีในครึ่งเวลาหลังหลังจากศึกฟุตบอลโลกปี 2550 รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ณ ประเทศแคนาดา โบค่า จูเนียร์ ได้เสนอราคาค่าตัวเป็นเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐนอกจากนี้เขายังได้รับการติดต่อจากทีมสโมสรของอังกฤษอย่างอาร์เซน่อลแต่ดีลนี้ต้องหยุดลงเนื่องจากกฏหมายที่เข้มงวดของสหราชอาณาจักรสำหรับการออกใบอนุญาติทำงานให้กับผู้เล่นที่ไม่ได้มาจากประเทศในสหภาพยุโรป

อังเคล ดิ มาเรีย เบนฟิก้า

ดิมาเรียได้ย้ายเข้าไปร่วมทีมสโมสรเบนฟิก้าที่ประเทศโปรตุเกสในเดือนกรกฎาคม 2550 ซึ่งเขาล่นตำแหน่งปีกให้กับเบนฟิก้าได้จ่ายเงินให้โรซาริโอ เซ็นทรัล 6 ล้านยูโร 80% สำหรับดิมาเรียและ 50% สำหรับอันเดียสดิอัสต่อมาในเดือนสิงหาคม 2551 สโมสรดังของโปรตุเกสได้จ่ายเงินเพิ่มอีก 2 ล้านยูโรสำหรับส่วนที่เหลืออีก 20% และอีก 10% ให้กับเอเจนซี่เกสติฟรุสโดยดิมาเรียได้มาแทนกัปตันทีมซิมฟิกาของสโมสรเบนฟิก้าที่ได้ย้ายไปเข้าร่วมทีมแอตเลติโกมาดริดเมื่อช่วงต้นฤดูร้อน

ดิมาเรียได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับเบนฟิก้าในเดือนตุลาคม 2552 เพิ่มไปอีกสามปีจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ด้วยค่าตัวขั้นต่ำ 40 ล้านยูโรหากทีมสโมสรอื่นต้องการซื้อหลังจากเดือนนั้นเขาได้รับการสนับสนุนจากดิเอโกมาราโดนาให้มาเป็นนักเตะ “ซุปเปอร์สตาร์คนต่อไปของทีมชาติอาร์เจนติน่า”

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 ดิมาเรียได้ยิงแฮตทริกเป็นครั้งแรกของเขาชนะไปได้ 4-0 ในนัดที่พบกับเลย์โซสในวันรุ่งขึ้นชื่อเขาได้ถูกเขียนพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์กีฬาทั้งหมดในประเทศโปรตุเกสในฐานะ “เมจิกเทียร์มาเรีย”

อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด 2010

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2553 เรอัล มาดริด ได้โพสต์ในเว็บไซต์ของทีมสโมสรว่าพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงกับเบนฟิก้ากับการคว้าตัวดิมาเรียมาร่วมทีมเขาได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรบวกกับเงิน 11 ล้านยูโรให้ฟรีโดยได้มีการประกาศก่อนหน้าตลาดหุ้นในประเทศโปรตุเกสเพียงแค่วันเดียว วันที่ 7 กรกฎาคม 2010 ดิมาเรียได้เดินทางมาถึงเมืองมาดริดโดยบินตรงมาจากเมืองบัวโนสไอเรสในประเทศอาร์เจนติน่าและได้ผ่านการตรวจร่างกายกับทีมการแพทย์เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม

เขาได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ในเกมส์นัดกระชับมิตรกับฝั่งเม็กซิกันทีมอเมริกาซึ่งเรอัล มาดริด เอาชนะไปได้ 3-2 ในวันที่ 22 สิงหาคม ดิมาเรียได้ยิงประตูแรกของเขาในเกมส์นัดกระชับมิตรพบกับเฮอร์คิวลีส ซึ่งเรอัล มาดริด เอาชนะไปได้ 1-3 และในศึกการแข่งขันนัดสุดท้ายของเกมส์ก่อนเริ่มฤดูวันที่ 24 สิงหาคมเขายิงประตูขึ้นนำและเก็บชัยชนะไปได้ 2-0 ในนัดที่พบกับเปญาโร

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมเขาได้ลงเล่นในลีกเป็นเกมส์ของเขาผลเสมอ 0-0 กับมายอร์ก้า เมื่อวันที่ 18 กันยายน ดิมาเรียยิงประตูแรกของเขาให้กับเรอัล มาดริด ในเกมที่เอาชนะไป 1-2 โดยพบกับเรอัล โซเซียดาด อีกสิบวันต่อมาเขายิงประตูแรกของเขาในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในนัดที่พบกับโอแซร์ เก็บชัยชนะไป 0-1 เขาได้ยิงประตูแรกในนัดที่พบกับเซบีย่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม วันต่อมาดิมาเรียได้ทำแอสซิสช่วยให้คาริม เบนเซม่า ทำได้ 2 ประตูและช่วยแอสซิสให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงได้อีกเอาชนะเลบานเต้ 8-0 ในการแข่งขันรอบที่สองของศึกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมได้พบกับลียงโดยเขาสามารถทำประตูที่สามและเป็นลูกยิงสุดท้ายพาทีมเอาชนะ 3-0 ไปได้และเป็นการทำให้เรอัล มาดริด ผ่านรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปี

ดิมาเรียสามารถทำประตูที่สามให้เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีกนัดแรกในรอบ8 ทีมสุดท้ายเก็บชัยชนะเหนือท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2554 โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายนเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 31 ของการต่อเวลาพิเศษในศึกฟุตบอลโคปาเดอเรย์รอบชิงชนะเลิศพบกับทีมคู่แข่งอย่างบาร์เซโลน่า เรอัล มาดริดเอาชนะการแข่งขัน 1-0 ซึ่งเป็นประตูเดียวของการแข่งขัน (ในนาทีที่ 13 ของการต่อเวลาพิเศษ) เขาได้รับรางวัลเป็นครั้งแรกของเขากับเรอัล มาดริด

อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด 2011

ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล 2554-2555 ดิมาเรียพบกับความยากลำบากโดยที่เขาพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับจังหวะทีม ในช่วงซัมเมอร์เป็นผลทำให้การเล่นของดิมาเรียดูผิดแปลกกับช่วงฤดูกาลที่แล้วอาจเป็นผลมาจากทีมชาติอาร์เจนติน่าและเกมนี้ได้เป็นตัวอย่างที่ดีโดยที่รเรอัล มาดริด ได้พ่ายแพ้ 1-0 ให้กับเลบานเต้และเป็นเหตุให้ทั้งสองทีมมีการปะทะในสนามเกิดขึ้นโดยดิมาเรียได้ตั้งใจทำฟาวล์ใส่ฮวนฟานถึงอย่างไรก็ตามฟอร์มการเล่นของดิมาเรียดูดีพัฒนาขึ้นรวมและได้เป็นผู้เล่นที่แอสซิสมากที่สุดในตารางจากตุลาคม 2554 ดิมาเรียได้เป็นผู้ถูกเลือกโดยหัวหน้าโค้ชของเรอัล มาดริด “โฆเซ่ มูรินโญ่” มาแทนที่ของกาก้าและเมซุต โอซิล เนื่องจากฟอร์มการเล่นทีพัฒนาขึ้น

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 ดิมาเรียได้ลงเล่นเป็นเวลา 60 นาทีในการแข่งขันเกมส์ฟุตบอลลีกโดยพบกับแอตเลติโก มาดริด ซึ่งเขาได้ทำประตูให้เรอัล มาดริด ชนะการแข่งขันไปได้ 4–1 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2554 ดิมาเรียได้ยิงประตูแรกให้เรอัล มาดริด เอาชนะสปอร์ติ้ง กิฆ่อน ในศึกฟุตบอลลาลีกาได้ 3-0 เขาเป็นนักเตะที่สามารถสร้างความอันตรายต่อทีมคู่แข่งได้ทุกเมื่อและทำให้เรอัล มาดริดเก็บชัยชนะนัดที่ 32 ของพวกเขาได้ในนัดที่พบกับแอตเลติก บิลเบา ไป 3-0

อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด 2012

ดิมาเรียยิงประตูแรกของฤดูกาลนี้ได้นัดที่พบกับบาร์เซโลน่าในรอบแรกของศึกฟุตบอลซุปเปอร์โคปาเดอเอสปันญาปี 2555 ที่สนามคัมป์นูเกิดจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูวิคตอร์วัลเดส ถึงแม้ว่าดิมาเรียจะเล่นในฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีมากแต่เขาก็มีส่วนร่วมกับช่วงเวลาที่สำคัญโดยเฉพาะตอนที่เขาได้ส่งบอลข้ามไปให้คริสเตียนโนโรนัลโดทำประตูได้ในนัดที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์เขาได้ช่วยแอสซิสได้หลายลูกและสามารถทำประตูได้อีก 8 ลูกกับการลงเล่นทั้งหมด 46 เกมส์ในลีกและทำผลงานได้โดดเด่นในเกมส์ที่พบกับแอตเลติโก มาดริดและมาลาก้า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555 ดิมาเรียได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับเรอัล มาดริดทำให้เขาอยู่กับสโมสรจนถึงปี 2561

อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด 2013

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ดิมาเรียได้ยิงไปสองประตูในนัดที่พบกับทีมโคเปนเฮเก้น พาทีมเรอัล มาดริด เก็บชัยชนะไปได้ 4-0 ในศึกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก ดิมาเรียได้เล่นในตำแหน่งกองกลางในการทำทีมของผู้จัดการคนใหม่คาร์โล อันเชลอตติ ฤดูกาลต่อมาโดยจากการตัดสินใจของโค้ชอันเชลอตติทำให้ดิมาเรียได้มาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวบุกโจมตีอย่างถาวรและได้ยืนถัดจากลูก้า โมดริช และฆาบี อลอนโซ่ เขามีส่วนร่วมในเกมนัดที่เอาชนะบาร์เซโลน่า 1-2 ศึกฟุตบอลโคปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศ 2557 โดยดิมาเรียทำประตูขึ้นนำได้และเขาได้เป็นนักเตะที่แอสซิสสูงสุดในลาลีกาทำไปได้ 17 แอสซิส

อังเคล ดิ มาเรีย เรอัล มาดริด 2015

ศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2557 รอบชิงชนะเลิศพบกับแอตเลติโก มาดริด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม2557 ดิมาเรียได้เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทั้งสามคนก่อนที่จะถูกตีโบกูร์ตัวเซฟเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามแกเร็ธเบลทำประตูได้ในนาทีที่ 110 ทำให้เรอัล มาดริดทำคะแนนออกห่างแอตเลติโก มาดริด ไปได้ 2-1 ผลสุดท้ายสามารถเอาชนะไปได้ 4-1 ดิมาเรียได้ถูกเสนอชื่อเป็นผู้เล่นยอดของเกมในนัดนี้ หลังการแข่งขันเขาได้รับความสนใจจากอดีตหัวหน้าโค้ชแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ดิมาเรียได้เป็นตัวสำรองอย่างเนื่องตั้งแต่นัดที่ทีมเรอัล มาดริด เอาชนะเซบีญ่า ในศึกฟุตบอลซุปเปอร์คัพ 2557 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมหลังจากหนึ่งสัปดาห์ต่อมาในเกมส์ซุปเปอร์โคปาเดอเอสปันญาเขาได้ลงเล่นเพียง 15 นาทีสุดท้ายผลเสมอ 1-1 กับแอตเลติโก มาดริด ลงมาแทนที่ของลูก้า โมดริช

อังเคล ดิ มาเรีย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2015

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 ดิมาเรียได้ตกลงเซ็นสัญญา 5 ปีกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ เป็นการซื้อขายที่แพงที่สุดตลอดกาลและค่าตัวสูงสุดที่สุดของสโมสรอังกฤษที่ได้ทำไว้ในเวลานั้นเขาได้สวมใส่เสื้อตำนานหมายเลข 7 ซึ่งเป็นหมายเลขตำนานของสโมสรเช่นจอร์จเบส, ไบร์อัน ร็อบสัน, อิริค คันโตน่า, เดวิด เบคแฮมและคริสเตียโน่ โรนัลโด้

ดิมาเรียได้ลงเล่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมด้วยผลเสมอ 0-0 กับเบิร์นลีย์ซึ่งเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนแอนเดอร์สันหลังจากผ่านไป 70 นาทีเขาสามารถยิงประตูแรกให้กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 14 กันยายนจากการเตะลูกฟรีคิกเอาชนะควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ไปได้ 4-0 นอกจากนี้เขายังช่วยแอสซิสให้กับฆวน มาต้า ทำประตูได้อีกด้วยหลังจากจบเกมส์เขาได้ถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของศึกนั้นในการแข่งขันนัดถัดไปพบกับเลสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 21 กันยายนเขาได้ยิงประตูอีกครั้งและช่วยแอสซิสให้กับเพื่อนร่วมทีมแม้ว่าทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะแพ้ไป 5-3

วันที่ 2 ตุลาคม ดิมาเรียได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนกันยายนกับสถิติ 2 ประตู 2 แอสซิสต์ในการแข่งขันทั้งสี่นัดแรกหนึ่งสัปดาห์ถัดมาเขาได้รับรางวัลจากที่เขาสามารถยิงประตูในเกมส์ที่พบกับเลสเตอร์ซิตี้ซึ่งเขาได้รับการโหวตให้เป็นการทำประตูที่สุดยอดประจำเดือนกันยายนดิมาเรียยังคงเล่นด้วยฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง วันที่ 5 ตุลาคมเขาได้ทำประตูและแอสซิสให้ราดาเมลฟัลเกาช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะเอฟเวอร์ตัน 2-1 ดิมาเรียได้ถูกเปลี่ยนออกจากอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายในนาที 13 นาทีและฮัลล์ซิตี้ได้พ่ายแพ้ไป 3-0 วันที่ 29 พฤศจิกายนเขาได้ลงเล่นเพียงครั้งเดียวใน7เกมส์

อังเคล ดิ มาเรีย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2016

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2558 ดิมาเรียได้กลับมาลงเล่นช่วยทีมได้อีกครั้งหลังจากมีอาการบาดเจ็บเขาได้ทำประตูในช่วงท้ายเกมเอาชนะเยโอวิลทาวน์ในรอบที่สามของศึกฟุตบอลเอฟเอคัพหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขาได้ไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าโดยผู้จัดการหลุยส์ ฟาน กัล เอาชนะไป 0-1 นัดที่พบกับเซาแธมป์ตันบทบาทใหม่นี้ทำให้ดิมาเรียเล่นได้ไม่ดีเลย ดิมาเรียได้ลงเล่นวันที่ 9 มีนาคมผลออกมาแพ้ไป 1-2 พบกับทีมอาร์เซนอลในศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบที่ 6 เขาได้ดึงเสื้อผู้ตัดสินจนถูกไม่ออก ท้ายฤดูกาลดิมาเรียได้ถูกตำหนิจากนักข่าวว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของฤดูกาล

อังเคล ดิ มาเรีย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2016

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558 ดิมาเรียไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมทัวร์พรีซีซั่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งผู้จัดการทีมหลุยส์ ฟาน กัล บอกกับเขาว่า”ไม่รู้สาเหตุ”วันที่ 2 สิงหาคมมีการรายงานว่าดิมาเรียได้ตรวจเช็คสภาพร่างกายกับทีมทางการแพทย์ก่อนที่จะย้ายไปร่วมปารีส แซงต์แชร์กแมง และอีก 4 วันต่อมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ออกมายืนยันว่าได้ขายดิมาเรียให้กับทีมแชมเปี้ยนส์ของฝรั่งเศสด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์เซ็นสัญญา 4 ปี

ดิมาเรียได้ลงเล่นในลีกเอิงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมในนัดที่พบกับโมนาโกลงมาในนาทีที่ 66 นาทีแทนลูคัสและช่วยแอสซิสให้เอเซเกียลลาเบซีทำประตูสุดท้ายเอาชนะไปได้ 0-3 ที่สนามสเตดหลุยส์ที่สองวันที่ 15 กันยายนดิมาเรียได้ยิงประตูแรกให้กับทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดแรกของสโมสรด้วยผลชนะ 2-0 พบกับมัลโม่ เอฟเอฟ ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์หนึ่งอาทิตย์ต่อมาเขาได้ยิงประตูแรกของเขาในลีกเอิง 1 แต่ปารีส แซงต์ แชร์กแมงได้พ่ายแพ้ ก็องแก็ง 3-0 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2559 ดิมาเรียได้ทำประตูชัยให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกฟุตบอลคูปเดอลาลีก 2559 รอบชิงชนะเลิศกับลีลล์ที่สนามสเตดเดอฟรองค์ ดิมาเรียได้ทำสถิติฤดูกาล 2558-59 ของลีกเอิงในการทำแอสซิสไป 18 ครั้ง

อังเคล ดิ มาเรีย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2017

ในการแข่งขันฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 2559-60ได้พบกับทีมบาเซิลเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ดิมาเรียได้ทำประตูขึ้นนำในนาทีที่ 40 เก็บชัยชนะไปได้ 3-0 และเป็นประตูแรกของฤดูกาลวันที่ 19 พฤศจิกายนเขาได้ยิงประตูขึ้นนำประตูแรกของฤดูกาลกับเกมส์ในบ้านเอาชนะน็องต์ไปได้ 2-0

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2017 เขาได้ยิงประตูช่วยให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมงสามารถเอาชนะบาร์เซโลน่าไปได้ 4-0 ในรอบแรกของแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ เมื่อวันที่ 1 เมษายนเขาได้ยิงประตูเอาชนะทีมในโมนาโก 4-1 ในศึกฟุตบอลคูปเดอลารอบชิงชนะเลิศ 2560

 

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2007

ในปี 2550 ดิมาเรียได้รับเลือกให้ลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่ารุ่นอายุต่ำไม่เกิน 20 ปี เขาได้ลงแข่งในศึกชิงแชมป์เยาวชนอเมริกาใต้ปี 2550 ที่ประเทศปารากวัยในปี 2550 เขาถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมการแข่งขันศึกฟุตบอลโลก 2550 รุ่นอายุไม่เกิน 20ปีที่ประเทศแคนาดาพวกเขาชนะการแข่งขันดิมาเรียมาสามารถยิงประตูได้ถึง 2 ลูก วันที่ 28 มกราคม 2551 ดิมาเรียและเพื่อนร่วมทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 20ปี ได้ถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมทีมชาติอาร์เจนติน่าเพื่อเข้าแข่งขันโอลิมปิกที่ปักกิ่งปี 2551 เขายิงประตูเอาชนะในช่วงทดเวลาพิเศษจากลิโอเนล เมสซี่ ในนาทีที่ 105 ด้วยผลชนะ 2-1 พบกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ดิมาเรียยิงประตู ชิปเหนือหัวผู้รักษาประตูจากขอบเขตโทษนาทีที่ 57 เก็บชัยชนะ 1-0 นัดที่พบทีมชาติไนจีเรียและคว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งที่สองในเกมส์สุดท้ายของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2008

วันที่ 6 กันยายน 2551 ดิมาเรียได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าในการแข่งขันพบกับทีมชาติปารากวัย ฟุตบอลโลกปี 2553 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมพ.ศ. 2553 ดิมาเรียได้รับเลือกจากโค้ชชาวอาร์เจนติน่า ดิเอโกมาราโดน่า ให้เป็นหนึ่งใน 23 นักเตะในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2553 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ทีมชาติอาร์เจนติน่าชนะ 5-0 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมแคนาดาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ดิมาเรียได้ยิงประตูแรกให้ทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกทำประตูจากนอกกรอบเขาช่วยพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศลงเล่นเป็นตัวจริง 4 เกมส์ใน 5 นัดของเกมส์การแข่งขันให้ทีมชาติอาร์เจนติน่า หลังการแข่งขันฟุตบอลโลกวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ดิมาเรียได้ทำประตูแรกเป็นครั้งแรกในเกมส์นัดกระชับมิตรพบกับทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์เมื่อทีมชาติอาร์เจนติน่าชนะไปได้ 1-0 ฟุตบอลโคปาอเมริกา 2554 ดิมาเรียได้ลงเล่น 3 ครั้งในศึกฟุตบอลโคปาอเมริกา 2554 สามารถทำประตูได้1ครั้งเอาชนะทีมชาติคอสตาริก้าไป 3-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2014

ดิมาเรียได้ลงเล่นไป 12 ครั้งในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2557 และได้ถูกเลือกให้เป็นนักเตะตัวจริงของทีมชาติอาร์เจนติน่าในการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลรอบที่ 16 ทีมชาติอาร์เจนติน่าพบกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ดิมาเรียสามารถทำประตูไปได้เพียงแค่ลูกเดียวหลังจากผ่านไป 118 นาทีจากลูกแอสซิสของลิโอเนล เมสซี่ ในระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนัดสุดท้ายพบกับทีมชาติเบลเยี่ยมดิมาเรียได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อและต่อมาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามหลังจากนั้นได้มีการประกาศว่าดิมาเรียจะพลาดเกมส์การแข่งขันที่เหลือเนื่องจากมีการบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้เขาได้แอสซิสให้กอนซาโล่ อิกัวอินทำประตูได้ไป 1 ลูกทีมชาติอาร์เจนติน่าได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศทีมชาติอาร์เจนติน่าจะไปพบกับทีมชาติเยอรมัน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมดิมาเรียได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลลูกบอลทองคำจากผลงานการแข่งขันที่ดีที่สุด เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2557 ดิมาเรียได้ลงแข่งขันพบกับทีมแชมป์โลกอย่างทีมชาติเยอรมนีเขามีส่วนร่วมกับทั้งสี่ลูกทีมชาติอาร์เจนติน่าเอาชนะไปได้ 4-2 เขาได้ทำ 3 แอสซิสกับ 1 ประตู

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2015

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ดิมาเรียได้รับเลือกให้มีชื่อติดอยู่ในทีมชาติอาร์เจนติน่าเพื่อลุยศึกฟุตบอลโคปาอเมริกา 2558 ในวันที่ 6 มิถุนายนเขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมในกรณีลิโอเนล เมสซี่ ไม่ได้ลงในการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องพบกับทีมชาติโบลิเวียโดยเขายิงคนเดียว 2 ประตู พาทีมเอาชนะไป 5-0 หนึ่งสัปดาห์ต่อมาในเกมส์การแข่งขันนัดที่พบกับทีมชาติปารากวัยดิมาเรียได้จุดโทษและเมสซี่ได้ยิงช่วยพาให้ทีมเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 89 วันที่ 30 มิถุนายนเขาสามารถยิงได้ 2 ประตูและช่วยแอสซิสให้กับเซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ทีมอาร์เจนติน่าแพ้ให้กับทีมชาติปารากวัย 6-1 ในรอบสุดท้ายเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจากที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวายในครึ่งชั่วโมงแรกของการแข่งขันพบกับทีมเจ้าภาพอย่างทีมชาติชิลีซึ่งทีมของเขาแพ้การดวลลูกโทษ

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2016

ในการเปิดการแข่งขันโคปาอเมริกาเซนเตนาริโอ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 พบกับทีมชาติชิลีดิมาเรียสามารถทำประตูขึ้นนำและช่วยแอสซิสให้เอเวอร์บาเนก้าเอาชนะไปได้ 2-1 ดิมาเรียได้อุทิศลูกยิงให้กับยายของเขาซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปในการแข่งขันนัดที่สองของทีมชาติพบกับทีมชาติปานามาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนเขาได้ช่วยแอสซิสให้กับนิโคลัสโอตาเมนดี้ทำประตูขึ้นนำแต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากมีบาดเจ็บทีมชาติอาร์เจนติน่าเอาชนะการแข่งขันไปได้ 5-0 เขาจะไม่ได้ลงเล่นเกมส์นัดที่เหลือเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้าเข้ามาถึงศึกโคปาอเมริกาเป็นครั้งที่สองติดต่อกันครั้งก่อนได้แพ้ทีมชาติชิลีในการดวลจุดโทษจากผลเสมอ 0-0

อังเคล ดิ มาเรีย อาร์เจนติน่า 2018

ดิมาเรียได้ลงเล่นไปทั้งหมด 18 ครั้งในการแข่งขันฟีฟ่าเวิลด์คัพ 2561 รอบคัดเลือกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ดิมาเรียได้มีรายชื่ออยู่ในทีม 23 คนโดยผู้จัดการทีมฆอร์ชแซมเปาลี่เพื่อลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2561 ที่ประเทศรัสเซียวันที่30 มิถุนายนเขายิงประตูให้ทีมฝรั่งเศสพบกับความพ่ายแพ้ไป4-3 ซึ่งทำให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าจะผ่านเข้าไปแข่งขันฟุตบอลโลกในรอบที่ 16 ทีม

อังเคล ดิ มาเรีย รูปแบบการเล่น

ดิมาเรียเป็นนักเตะที่มีความรวดเร็วมีความสามารถและสามารถเล่นในตำแหน่งปีกสามารถบุกโจมตีด้านใดด้านหนึ่งของสนามถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เล่นเท้าซ้ายก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาได้เล่นตำแหน่งกองกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การคาร์โล อันเชล็อตติ กับเรอัล มาดริดดิ มาเรียเป็นผู้เล่นที่คล่องแคล่วสร้างสรรค์และมีทักษะสูงซึ่งมีทักษะการเลี้ยงลูกที่ยอดเยี่ยมและการควบคุมบอลด้วยฝีเท้าและความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมด้วยคุณลักษณะที่ทำให้เขาสามารถเอาชนะผู้เล่นได้ง่ายในสถานการณ์แบบตัวต่อตัวเขายังมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมกับการส่งผ่านบอลและความสามารถในโยนข้ามที่แม่นยำซึ่งทำให้เขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะผู้เล่นและเขาสามารถทำประตูได้เองเขายังเป็นผู้เล่นที่ทำงานหนักและเขาก็พยายามพัฒนาตัวเองในการคุมทีมของโฆเซ่ มูรินโญ่

อังเคล ดิ มาเรีย ชีวิตส่วนตัว

ดิมาเรีย มีฉายาว่า”ฟิดีโอ”ซึ่งแปลว่า”ก๋วยเตี๋ยว“ในภาษาสเปนเนื่องจากรูปร่างที่เรียวของเขาเขาถือหนังสือเดินทางอิตาลีเพราะเขามีเชื้อสายอิตาเลียน เขาแต่งงานกับเพื่อนชาวอาร์เจนติน่า จอร์เจลินา เนคาโดโซ ในปี 2554 พวกเขามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อเปีย ซึ่งคลอดก่อนกำหนดสามเดือนและรอดชีวิตหลังการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในกรุงมาดริด บ้านของดิมาเรียอยูในเปสบุรี รัฐเชสไชน์ในประเทศอังกฤษ