เซลต้า บีโก้ : Celta Vigo

ประวัติสโมสร เซลต้า บีโก้

เซลต้า บีโก้ รู้จักในชื่อเล่นง่ายๆอย่าง บีโก้ เป็นสโมสรฟุตบอลอย่างเป็นทางการ โดยมีสถานที่ตั้งอยู่ที่บีโก้ เมืองกาลิเซียในปัจจุบัน เซลต้า บีโก้ เล่นอยู่ในลาลีก้าของสเปน โดยสโมสรนั้นถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมปี 1923 ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการระหว่าง เรอัล บีโก้ สปอร์ตติ้ง และ เรอัล ฟอร์ทูน่า ฟุตบอลคลับ โดยมีชื่อเล่นที่ชื่อว่า ออส เซเลสเตส พวกเขาลงสนามด้วยการใส่เสื้อสีน้ำเงินและกางเกงสีขาวและถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกัน โดยสนามของสโมสรนั้นชื่อว่า อบานก้า บาลาดิโอส โดยที่นั่งในสนามนั้นมีมากถึง 20,000 ที่นั่ง โดยชื่อของสโมสรเซลต้านั้นได้รับชื่อมาจากกลุ่มคนชาวเคลต์ในประเทศสเปน ซึ่งอยู่ในแถบนั้น โดยสโมสรที่เป็นคู่ปรับของเซลต้า บีโก้นั่นก็คือ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ซึ่งการแข่งขันของทั้งสองทีมจะมีชื่อว่ากาซิเลีย ดาร์บี้

เซลต้านั้นไม่เคยได้แชมป์ลีกหรือว่าได้แชมป์โคปา เดอเรย์ แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ 3 ครั้งก็ตาม หนึ่งในฤดูกาลที่ดีที่สุดของทีมนั้นเกิดขึ้นในปี 1970-71 เมื่อพวกเขาจบฤดูกาลโดยไม่แพ้ใครการลงสนามในนัดเหย้า และพวกเขาถูกเรียกว่า “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” และเซลต้า บีโก้นั้น จบอันดับที่ 6 ในฤดูกาลนั้น และสามารถเข้าไปสู่การแข่งขันยูฟ่าคัพเป็นครั้งแรกของสโมสร โดยสโมสรนั้นจบอันดับที่ดีที่สุดได้ในฤดูกาล 2002-2003 โดยพวกเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 สามารถเข้าไปเล่นยัง ยูฟ่ายูโรป้าลีกในฤดูกาล 2003-2004 แต่พวกเขาก็ตกรอบหรือการเจอกับอาร์เซน่อลในรอบ 16 ทีมสุดท้ายและในฤดูกาล 2016-2017 ในการแข่งขันยูฟ่า ยูโรป้าลีก เซลต้า บีโก้ เข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่พวกเขาก็ต้องแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เซลต้า บีโก้ 1923

สโมสรเซต้า บีโก้นั้น ถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วยความประสงค์ของกลุ่มคนในแถบบีโก้ เพื่อที่จะทำให้ทีมนั้นเข้าไปสู่การแข่งขันในระดับชาติ ซึ่งคล้ายกับแคว้นบาสก์ซึ่งพวกเขามีทีมของเมืองที่อยู่ในการแข่งขันชิงแชมป์ของสเปน นี่เป็นความคิดของกลุ่มคนที่จะสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพเพื่อเข้าไปสู่การแข่งขันในระดับชาติ โดยการจัดตั้งของทีมนั้น เกิดจากการเคลื่อนไหวครั้งแรกของ มานูเอล เด คาสโตร ซึ่งรู้จักกันในฉายาว่า “นายแต้มต่อ” ผู้ซึ่งเป็นนักเขียนทางด้านกีฬาให้กับหนังสือ ฟาโร เดอ บีโก้ ซึ่งในปี 1915 เขาเขียนบทความเกี่ยวกับกีฬาที่ต้องการการเคลื่อนไหวเพื่อให้มีทีมของบ้านเกิดขึ้นมา สโลแกนของการเคลื่อนไหวครั้งนั้นถูกเรียกชื่อว่า “พวกเราทุกคนเพื่อบีโก้” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้จัดการทีมของเรอัล บีโก้ สปอร์ติ้งและเรอัลฟุตบอล ฟอร์ทูน่า เดอ บีโก้ ซึ่งสนับสนุนคาสโตรในการสร้างการเคลื่อนไหวและเป็นการควบรวมสโมสรเพื่อให้สามารถเข้าไปสู่การแข่งขันเป็นทางการได้ในอนาคต และพวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ โดยทีมนั้นมีชื่ออยู่ในหน่วยงานการแข่งขันฟุตบอลของสเปนที่กรุงมาดริด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1923

เซลต้า บีโก้ 1929

ในวันที่ 12 มิถุนายน 1923 มีการประชุมของบีโก้ และฟอร์ทูน่า ในการสร้างข้อตกลงที่โรงแรมโมเดิร์นโน่ ซึ่งการควบรวมสโมสรได้เกิดขึ้นในชื่อที่เรียกว่า “ทีมของกาลิเซีย” และการควบรวมของสโมสรได้เกิดขึ้นซึ่งกลายเป็นสโมสรใหม่ซึ่งมีการจัดการและโครงสร้างในการทำทีมในรูปแบบใหม่ซึ่งให้เข้ากับสมัยที่เปลี่ยนไปมากขึ้น โดยทางสโมสรนั้นได้รวบรวมและก่อตั้งตัวเองเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1923 โดยในช่วงแรกนั้นทางสโมสรมีชื่อทีมหลายชื่อที่ต้องการจะเลือกอย่างเช่น “เรอัล ยูเนี่ยน เดอ บีโก้”, “คลับ กาลิเซีย”, “เรอัล แอตแลนติส”, “เบรโรกัน” และ เรอัล คลับ โอลิมปิโก้ โดยชื่อหลังสุดนั้นได้รับความนิยมมากที่สุดแต่ว่าพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้ชื่อ “เรอัล คลับ เซลต้า” ซึ่งมันสอดคล้องกับชื่อเมืองที่พวกเขาอยู่อย่างกาลิเซีย โดยประธานสโมสรคนแรกนั่นก็คือ มานูเอล บาร์เซน่า เด อันเดรส ซึ่งเป็นชนชั้นสูงของสังคมในสมัยนั้น ซึ่งจากการควบรวมของทั้ง 2 สโมสรอย่างบีโก้ และฟอร์ทูน่า ทำให้พวกเขามีผู้เล่นมากถึง 64 คนและจำเป็นต้องตัดผู้เล่นบางส่วนออกเพื่อให้เหลือเพียงแค่ทีมเดียว

เซลต้า บีโก้ 1998

ช่วงระหว่างปี 1997 ถึง 2003 เป็นช่วงที่เซลต้า บีโก้มีผลการแข่งขันที่ดีที่สุด โดยในช่วงนี้เขาถูกได้รับการขนานนามว่ายูโรเซลต้าโดยทีมเตะสเปนทีมนี้สามารถผ่านเข้ารอบใน การแข่งขันฟุตบอลยุโรปในหลายครั้ง พวกเขามีผลงานที่น่าประทับใจในหลายเกมการแข่งขัน โดยการเอาชนะลิเวอร์พูลไป 4 ประตูต่อ 1 ในศึกยูฟ่าคัพปี 1998-99 เอาชนะยูเวนตุสไป 4 ประตูต่อ 0 ในนัดที่ 2 ของการแข่งขันยูฟ่าคัพในปี 1999- 2000 และชนะเบนฟิก้าไป 7 ประตูต่อ 0 ในบ้านของพวกเขาเองเมื่อปี 1999-2000

ผู้เล่นสำคัญในยุคนั้น ได้แก่ อเล็กซานเดอร์ มอสโตวอย,วาเลรี่ คาร์แปงและเฮม รีวิโว่ ซึ่งนักเตะของทีมนั้นมีนักเตะส่วนใหญ่เป็นนักเตะต่างชาติ เช่น ผู้รักษาประตูอย่าง ปาโบล คาบาเยโร่ กองหลังซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการทีมในอนาคตอย่าง เอดูอาโด้ เบริซโซ่ กองกลางอย่างโคลด มาเกเลเล่ และมาซินโญ่ ปีกอย่าง กุซตาโว่ โลเปซ และกองหน้าอย่าง คาทันญ่าและลีโบสลาฟ เปเนฟ

เซลต้า บีโก้ 2000

เซลต้าบีโก้มีฤดูกาลที่ดราม่าในปี 2003-2004 โดยในก่อนหน้านี้พวกเขาได้จบอันดับที่ 4 ในการแข่งขันลาลีก้าและทำให้ตัวเองเข้าไปสู่การแข่งขันยูฟ่าแชมป์เปียนลีก โดยเซลต้าบีโก้ได้เอาชนะสลาเวีย ปราก ก่อนที่จะเข้าไปสู่รอบถัดไปและทีมนั้นได้แพ้ต่ออาร์เซน่อลในรอบ 16 ทีมอย่างไรก็ดี ในฤดูกาลนั้นพวกเขามีช่วงการแข่งขันในลีกที่ย่ำแย่ โดยพวกเขาอยู่ในอันดับรองสุดท้าย ทำให้ต้องตกไปสู่การแข่งขันลีกรองอย่างเซกุนด้าดิวิชั่น แม้ว่าจะมีนักเตะในทีมย้ายออกไปจากทีมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพวกเขาไม่อยากเล่นในทีมที่มีดีวิชั่นต่ำกว่าลาลีก้า แต่เซลต้าก็สามารถกลับขึ้นมายังการแข่งขันลีกสูงสุดได้อีกครั้งโดยจบอันดับที่ 2 ในฤดูกาล 2004-2005

เซลต้า บีโก้ 2007

ในฤดูกาล 2005-2006 จบฤดูกาลด้วยที่ 6 และสามารถเข้าไปสู่การแข่งขันยูฟ่าคัพอีกครั้งและสามารถเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันได้ ก่อนที่ทีมนั้นจะไปแพ้ต่อเวเดอร์ เบรเมน ในปีถัดมาโดยเซลต้าจบการแข่งขันที่ 18 ในฤดูกาลนั้นและตกชั้นไปยังเซกุนด้า ดิวิชั่นอีกครั้ง โดยท้ายฤดูกาล 2007 เมื่อเดือนมิถุนายน ทางสโมสรมีปัญหาเรื่องการเงินโดยพวกเขาไม่สามารถตกลงกับนายทุนที่ให้ยืมเงินมาทำสโมสรได้ทำให้สโมสรต้องขายทรัพย์สินบางส่วนออกไป

เซลต้า บีโก้ 2010

ด้วยตามที่สโมสรมีหนีสินสะสมเป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขาถูกบังคับให้ขายนักเตะออกไปและปรับส่วนที่ไม่จำเป็นในการบริหารสโมสรออก และหลังจากนั้นทีมได้ใช้นักเตะส่วนใหญ่ที่เป็นนักเตะจากทีมสำรองรวมกับนักเตะที่ถูกซื้อมาด้วยราคาที่ไม่แพง โดยในช่วง 3 ฤดูกาลแรกของเซกุนด้าดิวิชั่นพวกเขาต้องหนีจากการตกชั้นไปยังลีกที่ต่ำลงไป เราแฟนบอล ของเซลต้า บีโก้ ในขณะนั้น อยู่ในช่วงหวาดระแวงว่าทีมจะตกชั้นไปอีกขั้นนึง หลังจากนั้นทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่โดยในปี 2010 ถึง 2011 ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและซื้อนักเตะกองหน้าอย่าง เดวิด โรดิเกซ และปีกอย่าง เอนริเก้ เดอ ลูคัส และผู้จัดการทีมอย่าง ปาโก้ เฮร์เรร่า สถานการณ์เปลี่ยนไปราวกับฟ้ากับเหว พวกเขาจบอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่น่าจดจำและสามารถเข้าไปเล่นบอลยุโรปได้ ก่อนที่พวกเขาจะตกรอบโดยการแพ้ให้กับการาด้าหลังจากกันยิงจุดโทษโดยในเวลานั้น ทั้งสองทีมได้เสมอไป 1 ประตูต่อ 1

เซลต้า บีโก้ 2013

วันที่ 3 มิถุนายน 2012 เซลต้า บีโก้กลับเข้ามาสู่ลาลีก้าอีกครั้ง หลังจากที่ตกชั้นไปถึง 5 ปีในฤดูกาลแรกที่กลับมา พวกเขาหนีการตกชั้นไปได้ในวันสุดท้าย หลังจากที่เอาชนะ ราซีดี เอสปัญญ่อล ไป 1 ประตูต่อ 0 และการันตีว่าพวกเขาจะอยู่อันดับที่ 17 ในตารางการแข่งขัน ส่วนในวันที่ 8 มิถุนายน 2013 เซลต้าประกาศให้หลุยส์ เอ็นริเก้ ซึ่งเคยเป็นอดีตนักเตะโรม่าและเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่าบีเข้ามาคุมทีม หลุยส์ เอ็นริเก้ ทำผลงานได้ดี และทำให้เซลต้านั้นจบอันดับที่ 9 และจากการจากไปของหลุยส์ เอ็นริเก้ ก็มีผู้จัดการทีมที่เข้ามาคุมทีมอย่างเอดูอาร์โด บาริซโซ่ ซึ่งทำทีมได้ที่ 8 ในศึกลาลีก้าในช่วงระหว่างปี 2004-05 และในฤดูกาลถัดมา ก็สามารถทำให้ทีมจบอันดับที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีได้นั่นก็คืออันดับที่ 6 และทำให้ทีมนั้นได้ไปเล่นยูฟ่า ยูโรป้าลีกในฤดูกาล 2016-17 ในการแข่งขันฟุตบอลยุโรป เซลต้า บีโก้เข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายจนได้แต่อย่างไรก็ดี ก็ถูกทีมยักษ์ใหญ่แดนอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขี่ยตกรอบไป นับเป็นผลการแข่งขันที่ดีของทีม แม้จะพบกับความผิดหวังในรอบสี่ทีมสุดท้าย

เซลต้า บีโก้ ชุดที่ใช้ในการแข่งขัน

ในช่วงแรกนั้น เซลต้าใส่เสื้อสีแดงและกางเกงสีดำ ส่วนถุงเท้านั้นจะใส่สีน้ำเงิน และภายหลังได้เปลี่ยนโดยที่ไม่ทราบวันแน่นอนอย่างชัดเจน โดยใส่เสื้อสีน้ำเงินและกางเกงสีขาวซึ่งเป็นตัวแทนของธงของเมืองในสเปนอย่างกาลีเซีย เซลต้า บีโก้ มีพาร์ทเนอร์ที่เป็นสปอนเซอร์ในชุดการแข่งขันมาอย่างยาวนาน โดยถือว่าเป็นหนึ่งทีมที่ใช้สปอนเซอร์เสื้อเจ้าเดิมมานานที่สุดในโลก โดยบริษัทยานยนต์ในฝรั่งเศสอย่าง ซีตรอง โดยอยู่บนหน้าอกตั้งแต่ปี 1985 จะถึงปี 2016 ทางด้านหลังของเสื้อก็ได้มีการใช้สปอนเซอร์อย่าง เอสทราเลีย กาลิเซีย ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ที่อยู่ภายหลังของเสื้อตั้งแต่ปี 2011 โดยทางสโมสรนั้นได้ใช้เสื้อยี่ห้อของอัมโบรตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปี 2010 ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมใช้เสื้อเดิมยาวนานที่สุด

เซลต้า บีโก้ สัญลักษณ์สโมสร

ได้มีการใช้ตราสัญลักษณ์สโมสรเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี ค.ศ.1923 โดยมีการเปลี่ยนรูปแบบมาหลายครั้งทั้งหมด 11 รูปแบบด้วยกัน ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรจนถึงปัจจุบัน โดยในยุคแรกจะเป็นการนำเอาตัวอักษรตัว c อยู่บนโล่ ด้านบนมีมงกุฎครอบ ตอนหลังมีการเปลี่ยนแปลงโดยการเสริมเติมแต่ง ให้กลายเป็นสัญลักษณ์คล้ายกับคฑา จนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ของสัญลักษณ์มาจนถึงทุกวันนี้

สโมสร เซลต้า บีโก้

เล่นใน ลีกลาลีก้า 53 ฤดูกาล
เล่นในเซกุนด้า ดิวิชั่น 32 ฤดูกาล
เล่นในเซกุนด้า บี ดิวิชั่นบี 1 ฤดูกาล
เล่นในเทอเรซ่า ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล
เข้าไปสู่การแข่งขันยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก 1 ครั้ง
เข้าไปสู่การแข่งขันยูฟ่ายูโรป้าลีก 1 ครั้ง

 

เกียรติประวัติสโมสร
เซกุนด้า ดิวิชั่น
แชมป์ 3 สมัย : ค.ศ.1935–36 , 1981–82 , 1991–92
รองแชมป์ 7 สมัย : ค.ศ.1959–60 , 1960–61 , 1965–66 , 1968–69 , 1975–76 , 2004–05 , 2011–12
เซกุนดา บี ดิวิชั่น
แชมป์ 1 สมัย : ค.ศ.1980–81
เตร์เซรา ดีวิชั่น
แชมป์ 1 สมัย : ค.ศ.1930–31
โคปาเดอเรย์
รองแชมป์ 3 สมัย : ค.ศ.1947–48 , 1993–94 , 2000–01
แชมป์ระดับนานาชาติ
ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ
แชมป์ 1 สมัย : ค.ศ.2000
กาลิเซีย แชมป์เปี้ยนชิพ
แชมป์ 6 สมัย : ค.ศ.1923–24 , 1924–25 , 1925–26 , 1929–30 , 1931–32 , 1933–34
อัสตูเรีย กาลิเซีย แชมป์เปี้ยนชิพ
แชมป์ 1 สมัย : ค.ศ.1934–35
กาลิเซีย คัพ
แชมป์ 2 สมัย : ค.ศ.2007 , 2008

นักเตะที่เคยได้รับรางวัลส่วนตัว
รางวัลปิซีซี 1947-1948 : ปานิโน่ ยิงประตูไปทั้งสิ้น 23 ประตู
รางวัลซาโมร่า ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้รักษาประตู
1992–93 – ซานติอาโก คาติซาเรส (30 ประตู/36 นัด)
2002–03 – ปาโบล กาบาเยโร่ (27 ประตู/34 นัด)
2005–06 – โจเซ่ มานูเอล ปินโต (28 ประตู/36 นัด)

 

ผู้ที่ลงสนามมากที่สุดของทีม
1. มาโนโล่ ลงสนามไป 475 นัด
2. อลิตาโน่ ลงสนามไป 347 นัด
3. ฆวน มาเต้ ลงสนามไป 331 นัด
4 ฆวน ลงสนามไป 325 นัด
5. วินเซนต์ อัลบาเรซ ลงสนามไป 320 นัด
6. ฮิวโก้ เมลโล่ ลงสนามไป 312 นัด
7. คาสโตร ลงสนามไป 312 นัด
8. กุสตาโว่ โลเปซ ลงสนามไป 295 นัด
9. อาโก้ อัสปาส ลงสนามไป 292 นัด
10. อเล็กซานเดอร์ มอสโตวอย ลงสนามไป 290 นัด

ผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุด
1. อาโก้ อัสปาส ทำประตูไป 126 ประตู
2. เฮอร์มิดต้า ทำประตูไป 113 ประตู
3. วลาดิเมียร์ กูเดลี่ ทำประตูไป 105 ประตู
4. อเบล เฟอร์นานเดซ ทำประตูไป 92 ประตู
5. ปานีโฮ่ ทำประตูไป 91 ประตู
6. ปิซี่ ลูคัส ทำประตูไป 71 ประตู
7. เมาโร ทำประตูไป 71 ประตู
8. อเล็กซานเดอร์ มอสโตวอย ทำประตูไป 72 ประตู
9. ฟรานซิสโก้ โรช ทำประตูไป 66 ประตู
10. ฮวน อเรติโอ ทำประตูไป 62 ประตู