เควิน เดอ บรอยน์ อาวุธลับในแดนกลางของ เรือใบสีฟ้า

เควิน เดอ บรอยน์ อาวุธลับในแดนกลางของ เรือใบสีฟ้า

เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาสู่ความฟิตอีกครั้ง ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” มีมิติใหม่ด้วยความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของเขาในแดนกลาง

เดอ บรอยน์ ได้กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำแฮตทริคจากการแอสซิสต์ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก ในเกมที่ เบลเยียม บุกไปถล่ม สกอตแลนด์ แบบขาดลอย 4-0 เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยดาวเตะวัย 28 ปี ใช้เวลาเพียง 32 นาทีเท่านั้นในการเปิดบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู

หลังจบเกมกับ สกอตแลนด์ นับเป็นการแอสซิสต์ครั้งที่ 8 ของ เดอ บรอยน์ ในฤดูกาลนี้ให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ หลังจากต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่องเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยเวลานี้ กองกลาง แมนฯซิตี้ กลับมาแล้ว และดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถรับมือได้

เดอ บรอยน์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ผ่านมาเพียง 11 เกมเท่านั้น แต่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โค้ชชาวสเปน ซึ่งค้นพบทางเลือกอื่นด้วยการพา “เรือใบสีฟ้า” เก็บขัยชนะ 9 นัดสุดท้ายของซีซั่นพร้อมคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

กวาร์ดิโอล่า ปรับแผนหลังจากที่ไม่มี เดอ บรอยน์ ด้วยการมอบหมายให้ เบอร์นาร์โด ซิลวา จอมทัพทีมชาติโปรตุเกส เข้ามาเล่นในบทบาทหมายเลข 6 ในแดนกลาง ขณะที่ อิลกาย กุนโดกัน ห้องเครื่องชาวเยอรมัน เล่นในบทบาทที่สูงกว่าเดิม อาทิในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่ถึงกระนั้นก็น่าทึ่ง เพราะมันดูเหมือนจะได้รับมาตรฐานที่ไร้เหตุผลของพวกเขา เดอ บรอยน์ ยังคงมีอะไรมากกว่านี้ที่เราเห็นได้ชัดอยู่แล้ว เมื่อเขากลับมาทำสิ่งที่เขาต้องการในแดนกลางทางขวาของ แมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นเครื่องหมายการค้าในการเปิดบอลของเขา และในซีซั่นนี้มันเพิ่มความน่ากลัวให้กับคู่ต่อสู้อีกครั้ง

ย้อนกลับไปในเกมลีกที่ แมนฯซิตี้ เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น เดอ บรอยน์ เปิดบอลจากโซนดังกล่าวให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ ทำประตูขึ้นนำ โดยพลพรรค “ไก่เดือยทอง” อาจป้องกันได้จากการยืนปิดผู้เล่น “เรือใบสีฟ้า”

อย่างไรก็ตาม แข้งชาวเบลเยียม ก็ลงโทษกองหลัง สเปอร์ส ด้วยการผ่านบอลเพื่อดึงแนวรับให้ออกจากโซน และนั่นคือ การจุดประกายให้เกิดการถกเถียงกันว่า ทำไมเขาถึงติดอันดับผู้เล่นที่เก่งกาจที่สุดในพรีเมียร์ลีก

แกรี่ เนวิลล์ อดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวกับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “การเล่นของเขามันทำให้ผมนึกถึงการกลับไปเล่นกับนักเตะที่ดีที่สุดอย่าง เดวิด เบ็คแฮม เดอ บรอยน์ รักษาคุณภาพของเขาได้อยู่เสมอ และความแม่นยำจากการเปิดบอลทางด้านขวาแบบที่ เบ็คแฮม เคยทำให้ แมนฯยูไนเต็ด นั้น ผมไม่คิดว่า จะได้เห็นอีกครั้งในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เพราะมันเป็นเวลานานมาแล้ว”

เดอ บรอยน์ ไม่ได้เป็นนักเตะในตำแหน่งปีกขวาธรรมชาติ ซึ่งเห็นได้จากการแอสซิสต์ของเขาที่เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษคู่แข่งนั้น ไม่ได้มาจากริมเส้นฝั่งขาวโดยตรง แต่มิดฟิลด์ “เรือใบสีฟ้า” มักจะเปิดบอลจากแนวลึกของแดนกลางเยื้องฝั่งขวา และบอลจะเข้าพื้นที่อันตรายมากขึ้น เขาเป็นคนควบคุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของ แมนฯซิตี้

พื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นส่วนสำคัญของการฝึกสอนโดย กวาร์ดิโอล่า และถือว่า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด นายใหญ่ แมนฯซิตี้ ยังเป็นที่รู้จักกันในการแบ่งสนามออกเป็นโซนบนสนามซ้อม และให้ความสำคัญอย่างมากในพื้นที่ของสนามเช่นนี้ ช่องว่างครึ่งหนึ่งนั้น มีโอกาสได้ประตูมากกว่าทางปีก และมีอิสระมากกว่าโซนกลางที่แออัด

การทำให้ทีมเล่นบอลในพื้นที่แบบนี้เป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของ กวาร์ดิโอล่า โดยเทรนเนอร์ชาวสเปน อธิบายว่า “ประการแรกเราจะมีมุมมองกว้างขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เมื่อทีมที่กำลังป้องกันลึกจะมีพื้นที่ให้เราเล่น แต่ความกว้างนี้มักมาจากการส่งบอลในแนวกว้างเพื่อเป็นการเปิดช่องว่างระหว่างฟูลแบ็ก และเซ็นเตอร์แบ็คเพื่อใช้ประโยชน์โดยการให้แบ็คของเราเติมขึ้นสูง หรือใช้มิดฟิลด์ขยับสูงขึ้นไปอีก”

เดอ บรอยน์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้

ไม่มีนักเตะมากนักที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่ เดอ บรอยน์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้ และที่สำคัญเขาทำมันได้ดีด้วย ยกตัวอย่างในการยิงลูกที่ 2 กับ สเปอร์ส กองกลางเบลเยียม วิ่งขึ้นไปในช่วงทางขวาก่อนจะเปิดบอลเรียดมาหน้าประตูให้ เซอร์จิโอ อเกวโร หัวหอกชาวอาร์เจนตินา ซัดจ่อๆเข้าไป

เดอ บรอยน์ มีความสามารถในการวิ่งทั่วสนาม แต่คุณภาพที่เหนือกว่าเมื่อเขาอยู่ในตำแหน่งเหล่านี้ เขามีความสามารถในการเป็นตัวเชื่อมเกมกับ ดาบิด ซิลวา กองกลางจอมเก๋าชาวสเปน ได้อย่างลงตัว และสมดุลย์

กวาร์ดิโอล่า ได้อ้างถึงสิ่งนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลในการเปลี่ยนแนวทางการเล่นของ แมนฯซิตี้ ไปเล็กน้อยหากนับตั้งแต่สมัยที่เขายังคุม บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา สเปน โดยกุนซือ “เรือใบสีฟ้า” ระบุว่า “ เมื่อเรามีผู้เล่นอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เราก็มีโอกาสโจมตีในพื้นที่ด้านกว้างมากขึ้น”

“แน่นอนว่าบางครั้งไม่มีพื้นที่ในแนวรับคู่แข่งที่เราจะทำเกมได้ เมื่อเจอทีมที่มีการป้องกันที่ลึก เรามีพื้นที่เพียงไม่กี่เมตรที่จะโจมตีพวกเขา ซึ่งมันเป็นปัญหาที่ทำให้เราต้องชะลอเกม แต่หากเรามีคุณภาพจากการผ่านบอล เราก็มีโอกาสเอาชนะกับทีมที่เน้นป้องกันอย่างแน่นหนาได้” อดีตโค้ช บาร์ซ่า กล่าว

แมนฯซิตี้ ยังคงหากลยุทธ์ใหม่ๆ และการเปิดตัวของ เดอ บรอยน์ จากพื้นที่ครึ่งสนามในเกมกับ สเปอร์ส นั้น เป็นตัวอย่างของมิติพิเศษที่เขานำมาสู่ทีม ความสามารถในการโจมตีมีวิธีที่แตกต่างกันจากพื้นที่ของเขา

กวาร์ดิโอล่า มอบพื้นที่ให้ เดอ บรอยน์ วิ่งเข้าไปแล้วให้เขาเอาชนะคู่แข่งเพื่อหาทางเปิดบอลและบางที ดาวเตะชาวเบลยียม ก็กลับออกไปอยู่ริมเส้นเพื่อหาเวลาในการเลือกจุดหมายของเขา และเขาก็เป็นจุดเริ่มต้นในการโจมตีของ แมนฯซิตี้

เดอ บรอยน์ ได้สร้างโอกาส 16 ครั้งในฤดูกาลนี้ซึ่ง เป็นผู้เล่นที่ทำได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เขาทำแอสซิสต์ในลีกไป 5 ครั้ง จนถึงตอนนี้ ขณะที่ ซิลบา ทำไป 4 ครั้ง และไม่มีใครในพรีเมียร์ลีกที่ทำผลงานได้ดีเท่าพวกเขาอีกแล้ว มันบ่งบอกคุณภาพของทีมที่พวกเขากำลังเล่นอยู่ และแน่นอนว่า รวมถึงความสามารถในการจบสกอร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย

แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่า เป็นตำแหน่งที่แปลกประหลาด บทบาทนั้นเป็น หมายเลข 8 อิสระ ในนระบบของ กวาร์ดิโอล่า โดยผู้เล่นจะขยับไปข้างหน้าไม่มากนัก แต่สามารถหาพื้นที่ด้านหลังกองกลางฝ่ายตรงข้ามได้

เดอ บรอยน์ เคยกล่าวว่า “ความตั้งใจคือ การเล่นจากด้านหลังแล้วเคลื่อนบอลมาที่ผม และ ดาบิด ซิลบา เพื่อให้เราสามารถมีทำเกม และควบคุมจังหวะเพื่อให้ผู้เล่นในแนวรุกเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 คน”

นอริช ซิตี้ เป็นทีมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายในวันเสาร์นี้ ไม่ชัดเจนว่า พวกเขาจะสามารถรับมือกับ เดอ บรอยน์ ได้ดีกว่า สกอตแลนด์ ในกลาสโกว์ หรือไม่ พวกเขาพยายามที่จะป้องกันด้วยแนวรับที่ดันสูงขึ้น หรือเต็มไปด้วยการยืนแน่นหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เดอ บรอยน์ คาดหวังที่จะทำลายการปกป้องที่ลึกเกินไป และความเสี่ยงของ นอริช อาจให้เขามีอิสระมากเกินไปที่นั่น

เนวิลล์ กล่าวว่า “ผมคิดว่า มันมาถึงจุดที่คุณไม่ควรปล่อยให้ เดอ บรอยน์ เข้าไปในพื้นที่นี้ทางด้านขวา คุณต้องจัดการกับภัยคุกคามของเขา เขาเป็นคนที่เล่นได้ดีจากตำแหน่งนั้น คู่แข่งต้องหยุดเขาเพื่อปกป้องแนวรับจากปัญหาในการรับมือลูกเปิดของเขา และพื้นที่ครึ่งสนามที่เขายืนอยู่ มันเป็นที่รู้จักกันดีในขณะนี้ และการค้นหาวิธีรับมือกับเขาจะต้องดำเนินต่อไป”

เดอ บรอยน์ เข้าไปในพื้นที่นี้ทางด้านขวา

เนื้อหาใกล้เคียง