เทียบสถิติเกมรับของสิงห์บลูยุค ทูเคิ่ล, แลมพาร์ด

เทียบสถิติเกมรับของสิงห์บลูยุค ทูเคิ่ล, แลมพาร์ด

โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุม เชลซี แทนตำแหน่งของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของทีม แม้ว่าจะเป็นนักเตะในทีมชุดเดิมที่ถูกส่งลงสนาม มันอดไม่ได้ที่จะนำสถิติมาเทียบกัน กับการคุมทีมในฤดูกาล 2020-21

สิ่งที่ทูเคิ่ลเข้ามาทำได้อย่างน่าประทับใจคือเกมรับ เมื่อเก็บคลีนชีตได้หลายเกมในช่วงแรก ก่อนที่จะแพ้เกมแรก นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในการเจอกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่ปัจจุบันทีมได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการพัฒนาของทีมที่สำคัญ โดยบทความนี้จะเป็นเรื่องของสถิติเกมรับ เมื่อเทียบกับการคุมทีมโดยแลมพาร์ด

โธมัส ทูเคิ่ล
18 เกม
เสีย 9 ประตู
เฉลี่ยเสีย 0.5 ประตูต่อเกม
คู่แข่งมีโอกาสทำประตูทั้งหมด 139
คู่แข่งมีโอกาสทำประตูเฉลี่ย 7.72 ครั้งต่อเกม
คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูตรงกรอบทั้งหมด 48
คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูตรงกรอบเฉลี่ย 2.66 ครั้งต่อเกม
13 คลีนชีต (72 เปอร์เซ็นต์)

แฟร้งค์ แลมพาร์ด
29 เกม
เสีย 27 ประตู
เฉลี่ยเสีย 0.93 ประตูต่อเกม
คู่แข่งมีโอกาสทำประตูทั้งหมด 288
คู่แข่งมีโอกาสทำประตูเฉลี่ย 9.93 ครั้งต่อเกม
คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูตรงกรอบทั้งหมด 92
คู่แข่งมีโอกาสยิงประตูตรงกรอบเฉลี่ย 3.17 ครั้งต่อเกม
13 คลีนชีต (44 เปอร์เซ็นต์)

กับสถิติที่ได้เห็นกันไป ไม่น่าเชื่อเลย หากมองไปยังการเสียประตูอย่างเดียวของทีม แม้ว่าทูเคิ่ลจะคุมทีมไปมากกว่า แต่ค่าเฉลี่ยที่ออกมา ทีมในยุคของแลมพาร์ด ยังมีสถิติในเกมรับที่ดีกว่า แม้ว่ามือหนึ่งของทีมจะเป็นเอดูอาร์ด เมนดี้ เหมือนกัน แต่แผงหลังได้เปลี่ยนไปตามระบบที่เล่น อาจจะรวมถึงการลงสนามของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่เริ่มจะได้รับโอกาสลงสนามในช่วงปลายเดือนธันวาคม ในขณะที่ปราการหลังชาวเยอรมันได้รับโอกาสจากทูเคิ่ลอย่างต่อเนื่อง

กับการคุมทีมของทูเคิ่ลอาจจะมีส่วนสำคัญมาจากการเจอกับทีมใหญ่ๆ ในฟุตบอลถ้วย ก็ยังเป็นหนึ่งเหตุปัจจัยด้วยเหมือนกัน เมื่อทำให้สถิติของทูเคิ่ลอาจจะดูแย่กว่าแลมพาร์ด ซึ่งบอลถ้วยหลายรายการจะได้เจอกับทีมที่ดูต่ำกว่า เมื่อเป็นรอบแรกๆ ทั้งในเอฟเอ คัพ และลีก คัพ หรือแม้กระทั่งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม แต่ช่วงเวลาในการคุมทีมก็ยังแตกต่างกันพอสมควร และทูเคิ่ลก็ต้องการเวลาสำหรับเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน เมื่อทีมรั้งอยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน ถือว่าดีกว่าช่วงเวลาที่แลมพาร์ดคุมทีม จนหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 8 ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เนื้อหาใกล้เคียง