แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ โดยบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันเสาร์นี้ เมื่อทั้งสองทีมต้องพยายามเค้นฟอร์มการเล่นอย่างหนัก หลังผลงานในช่วงสตาร์ทออกมาได้ไม่ดีและไม่ได้อยู่ในกลุ่มหัวตารางคะแนนในปัจจุบัน
สถานการณ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะดีกว่าเดิมสำหรับการบุกมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในเกมนี้ หลังบุกไปเยือนครั้งล่าสุดในเดือนมีนาคม แมนฯ ซิตี้ไม่มีกองหลังระดับท็อปให้เลือกในทีมแม้แต่คนเดียว และกลายเป็นแมนฯ ยูไนเต็ดที่ชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้กุนซือชาวคาตาลันมีตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ก็อาจจะต้องปวดหัว เมื่อต้องเลือกกองหลังลงสนาม
ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพิ่งจะเปิดแผลออกมาให้เห็นในเกมล่าสุด หลังจากบุกไปโดนแอร์เบ ไลป์ซิกนำก่อน 3-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มเกมสุดท้ายเมื่อกลางสัปดาห์ ก่อนที่ทีมจากเยอรมันจะชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ซึ่งแตกต่างกับทีมของกวาร์ดิโอล่า หลังไม่เสียประตูในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่มาแล้ว 475 นาที หรือมากกว่า 5 เกมติดต่อกัน
ชัยชนะเหนือโอลิมปิก มาร์กเซยด้วยสกอร์ 3-0 นับเป็นการเก็บคลีนชีตเกมที่ 5 ในยุโรป และช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม สวนทางกับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อทีมต้องตกไปเล่นในยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบ 32 ทีมสุดท้ายแทน
กวาร์ดิโอล่าเลือกโรเตชั่นนักเตะในเกมที่พบกับมาร์กเซย โดย อายเมริค ลาปอร์ต ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในรอบ 5 เกม โดยปราการหลังชาวฝรั่งเศสก็โชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างน่าประทับใจ เหมือนกับตอนที่ย้ายจากแอธเลติก บิลเบา มาร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2018 หลังจากถูกดรอปออกจากทีม นับตั้งแต่เกมที่แมนฯ ซิตี้บุกไปแพ้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส 2-0
รูเบน ดิอาส ย้ายมายังเอติฮัด สเตเดี้ยมด้วยเงินก้อนโต พร้อมกับเป็นตัวความหวังในการแก้เกมรับ แต่นักเตะก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับทีม เมื่อถูกคาดหวังในการเข้ามาทำเป็นผู้นำในเกมรับเหมือนดังเช่นที่แว็งช็องต์ กอมปานี เคยทำ และออกไปพร้อมกับช่องโหว่
จอห์น สโตนส์ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ได้รับโอกาสลงสนามในช่วงหลัง และก็ทำผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จนกลายเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับกวาร์ดิโอล่า เมื่อต้องบุกไปเยือนบ้านของคู่แข่งร่วมเมือง ซึ่งก็เทียบไม่ได้กับการเผชิญหน้ากับมาร์กเซย นับเป็นอีกหนึ่งเกมสำคัญและอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับทั้งสองทีมได้เลย กับผลการแข่งขันที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
