เออร์ลิง ฮาแลนด์ (Erling Haland) หรือ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ (Erling Braut Halan) เกิดวันที่ 21 กรกฎาคม 2000 ฮาแลนด์เป็นลูกชายแท้ๆ ของอดีตนักเตะชื่อดังของทีมชาตินอร์เวย์อย่าง อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ (Alf Inge Haland) ที่เป็นคู่อริกับ รอย คีน (Roy Keane) ฮาแลนด์เกิดและเติบโตที่เมืองลีดส์ในประเทศอังกฤษ เนื่องจากสมัยนั้นพ่อของฮาแลนด์ได้ค้าแข้งอยู่กับสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยความเป็นลูกของนักฟุตบอล เลยทำให้ฮาแลนด์ซึมซับกับบรรยากาศรอบสนามซ้อมและสนามแข่งขันอยู่เป็นประจำ จนในที่สุดฮาแลนด์ก็ได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร บริน เอฟเค ในลีกนอร์เวย์ และนั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอลอาชีพเหมือนพ่อเขา
ฮาแลนด์ เริ่มเดินทางรอยเท้าพ่อที่สโมสร บริน เอฟเค ด้วยความเร็วในการวิ่งของฮาแลนด์ทำให้คู่แข่งเข้าถึงตัวได้ยาก แล้วฮาแลนด์ก็ฝึกซ้อมอย่างหนักในตำแหน่งกองกลาง จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชุดสำรองได้สำเร็จ จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นและทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้เหล่าสต๊าฟโต้ชผู้ฝึกสอนเห็นแววในอนาคตของฮาแลนด์เลยได้ผลักดันขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยอายุ ด้วยวัยอายุเพียง 15 ปี และได้รับโอกาสลงประเดิมสนามเป็นครั้งแรกในปี 2016 แล้วฮาแลนด์ก็เล่นให้กับทีมชุดใหญ่ไปได้เพียง 16 เกม ก่อนที่ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมและร้อนแรงของฮาแลนด์จะไปสะดุดตาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่เป็นกุนซือใหญ่ของโมลด์ในเวลานั้น
ต่อมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ให้ความสนใจกับกองหน้าดางรุ่งรายนี้เป็นอย่างมาก และก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากมาย ก่อนที่จะขอก้อนงบประมานในการสู่ขอฮาแลนด์จากบอร์ดบริหาร จนในที่สุดก็ได้เข้ามาร่วมทีมกันในปี 2017 โดยการย้ายมาเล่นที่โมลด์ทำให้ฮาแลนด์ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากมายหรือเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะว่านายใหญ่อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่พัฒนาฝีเท้าของฮาแลนด์ให้ไปถึงระดับตำนานให้ได้ แล้วฮาแลนด์ก็ไม่ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผิดหวังเลยแม้ต่าน้อย เพราะฮาแลนด์สามารถทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรกที่ส่งลงสู่สนามทันที ซึ่งในเกมการแข่งขันครั้งนั้นเป็นบอลถ้วย นอร์เวย์ คัพ โดยที่โมลด์เป็นฝ่ายเอาชนะโวลด้าไปได้สำเร็จด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 2 หลังจากนั้นชื่อเสียงของนักเตะหนุ่มรายนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของกลุ่มแฟนบอลทั่วประเทศนอร์เวย์ทันที และฮาแลนด์ก็ได้รับโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่องในปี 2017-2018 จนกลายเป็นดาวซัลโวของสโมสรโมลด์ที่มีอายุน้อยที่สุด ด้วยการทำไปทั้งหมด 16 ประตู รวมทุกรายการ นอกจากนี้ฮาแลนด์ยังสร้างสถิตือันยอดเยี่ยมให้กับตัวเขาเองด้วย โดยทำ 4 ประตู จากการลงสนามเพียง 21 นาที และในเกมนั้นก็มีสถิติเพิ่มอีก จากการทำแฮตทริคเพียง 11 นาทีกับอีก 2 วินาที แล้วเกมการแข่งขันครั้งนั้นก็จบลงที่ 4 ประตูต่อ 0 โดยการเอาชนะ บรานน์ เบอร์เก้น ตอนจบซีซั่น 2017-2018 ฮาแลนด์ ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำลีกของนอร์เวย์ได้สำเร็จ
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นและร้อนแรงของฮาแลนด์ ทำให้สโมสรมหาอำนาจทรัพย์อย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ยื่นข้อเสนอคว้าตัวทันที ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2018 สโมสร เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “ทางสโมสรมีความยินดีจะมาบอกกับแฟนคลับว่า ในตอนนี้สโมสรสามารถคว้ากองหน้าดาวรุ่งขาวนอร์เวย์อย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทีมได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” การย้ายมาสู่ยอดทีมแนวหน้าของประเทศออสเตรียครั้งนี้ ทำให้ฮาแลนด์กลายกองหน้าจอมถล่มประตูทันที โดยการประเดิมสนามเกมแรก ฮาแลนด์ใช้เวลาไม่นานมากนักก่อนที่จะทำแฮตทริกแรกให้กับสีเสื้อ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และในเกมนี้ก็จบลงด้วยสกอร์ 7 ประตูต่อ 1 จากการถล่ม เอสซี อีเอสวี พาร์นดอร์ฟ เลยทำให้แฟนคลับหลายคนเริ่มหมดข้องสังสัยให้การก้าวเข้ามาสู่สโมสร พร้อมกับมอบฉายาให้กับฮาแลนด์ว่า “เด็กระเบิดแห่ง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก” ถัดมาไม่นานฮาแลนด์ก็ได้รับตำแหน่ง MVP เป็นครั้งแรกให้กับสโมสร หลังจากพา เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก กระซวกไส้ โวล์ฟสเบอร์เกอร์ ไป 5 ประตูต่อ 2 แล้วการโชว์ฟอร์มในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ UCL รอบแบ่งกลุ่ม ทำให้เจ้าตัวสามารถประตูได้ถล่มทลายพร้อมกับสร้างสถิติให้กับตัวเองอีกครั้งด้วยการเป็นนักเตะดาวรุ่งที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริกได้ ด้วยวัยเพียง 19 ปี กับอีก 58 วัน ส่งผลให้ฮาแลนด์ทำไป 4 แฮตทริก 28 ประตู จากการลงแข่งขันทั้งหมด 28 เกมรวมทุกรายการกับทาง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในซีซั่นแรก ฟอร์มการเล่นของฮาแลนด์พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จนทำให้เป็นที่สนใจของหลายสโมสรจากชั้นนำในทวีปยุโรป และในขณะนั้นสื่อข่าวต่างๆ ต่างยกให้กับทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สโมสรที่มีเปอร์เซ็นสูงในคว้าตัวฮาแลนด์เข้าไปร่วมทีม
จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของฮาแลนด์ทั้งในระดับเวทียุโรปและในลีกออสเตรีย รวมถึงฟอร์มส่วนตัวก็กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมทันที แล้วก็มีข่าวโยงกับสโมสรยักษ์มากมาย จนท้ายที่สุดก็พลิกความคาดหมายอย่างมหันต์เพราะฮาแลนด์กลับเป็นฝ่ายที่จะไปเล่นใน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร ซึ่งสร้างคำถามและความประหลาดใจให้กับเหล่าบรรดาผู้สื่อข่าวและแฟนคลับเป็นอย่างมาก ก่อนที่ฮาแลนด์จะออกมาให้เหตุผลว่า “เขามีความต้องการที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการค้าแข้งอาชีพฟุตบอลไปแบบนี้เรื่อยๆก่อน แล้วก็ยังไม่พร้อมที่จะแบกรับแรงกดดันมหาศาลของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ที่ให้ความสนใจ เขาเลยได้ตัดสินใจที่จะย้ายมาให้กับทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ฮาแลนด์ ถูกส่งลงสนามในเกมแรกฐานะตัวสำรอง แต่ก็ได้สร้างความน่าเหลือเชื่ออีกครั้ง เพราะฮาแลนด์สามารถทำแฮตทริกได้อย่างรวดเร็ว ในเกมที่เอาชนะเอาก์สบวร์กไป 5 ประตูต่อ 3 โดยฮาแลนด์ใช้เวลาอยู่กับลูกฟุตบอลเพียง 3-4 นาทีเท่านั้น ถัดมาฮาแลนด์ก็ยังได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองแต่เกมที่ 2 ของฮาแลนด์สามารถทำได้ 2 ประตู นับว่าเกิดมาเป็นจอมจบสกอร์จริงๆ และก็กลายเป็นนักเตะคนแรกบนพื้น บุนเดสลีก้า เยอรมัน ที่สามารถทำได้ 5 ประตู จากการลงสนาม 2 เกมแรก แล้วก็เป็นการลงเล่นที่ไม่ครบ 90 นาทีเลยสักเกม ด้วยฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมและพรสรรค์ที่มีอยู่ตัวรับรองว่า ฮาแลนด์ สามารถสถิติใหม่อีกแน่นอนทั้งในบุนเดสลีก้าและส่วนตัว
เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก้าวขึ้นมาติดทีมชาตินอร์เวย์ตอนปี 2015-2016 ไล่ตั้งแต่ อายุไม่เกิน 15 ปี หรือ U15, อายุไม่เกิน 16 ปี หรือ U16, อายุไม่เกิน 17 ปี หรือ U17, อายุไม่เกิน 18 ปี หรือ U18 และอายุไม่เกิน 19 ปี หรือ U19 ตามลำดับ แล้วในแต่ละปีฮาแลนด์ก็มักจะเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น นอกจากนี้ในปี 2019 ฮาแลนด์ก็ได้ถูกจารึกชื่อของตัวเองไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ทีมชาติไว้มากมาย จากการลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2019 ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ด้วยการถล่มประตูคนเดียวไป 9 ลูก จากเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเกมการแข่งขันในครั้งนี้จบลงด้วยสกอร์ 12 ประตูต่อ 0