เอเดรียน กับชีวิต 6 เดือนในทัพ หงส์แดง

เอเดรียน กับชีวิต 6 เดือนในทัพ หงส์แดง

มันเป็นเกมนัดเปิดตัวของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อ นอริช ซิตี้ มาเยือน ลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์จากนั้น อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิลของ “หงส์แดง” ได้รับบาดเจ็บที่น่อง มีความเงียบงันเกิดขึ้นบนอัฒจันทร์ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน เปลี่ยนผู้รักษาประตูสำรองลงมาทำหน้าที่แทน และกระซิบโกลด์คนนั้นว่า “ยินดีต้อนรับสู่ แอนฟิลด์”

ในเวลานั้น เอเดรียน นายด่านจอมเก๋าชาวสเปน เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แบบไร้ค่าตัวได้เพียง 4 วันเท่านั้น เขาได้ฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมไปเพียง 2 ครั้ง และเขาต้องลงสนามแบบกะทันหันแทนที่ของ อลิสสัน ที่ได้รับบาดเจ็บ

อดีตโกลด์ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กล่าวว่า “เจอร์เก้น กอดผม เขาแสดงให้ผมเห็นว่า ผมสามารถเชื่อใจเขาได้อย่างเต็มเปี่ยม ผมรู้สึกเหมือนเด็กนักเรียนที่ต้องแนะนำตัวเองต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ของผม แต่ผมจะพูดอะไรเกี่ยวกับแอนฟิลด์ได้อย่างไรน่ะเหรอ แฟนๆโอบกอดผมในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้หลังจากสูญเสียผู้เล่นที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพวกเขา”

เอเดรียน ยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่เขามองย้อนกลับไปที่แอนฟิลด์ ซึ่งคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ลงสนามเร็วกว่าที่คิด และสัปดาห์นี้ มือกาววัย 33 ปี กำลังมีความสุขกับชีวิตในฐานะที่เป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล มาครึ่งปีแล้ว

สิ่งต่างๆ อาจแตกต่างกันมากๆสำหรับชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ เอเดรียน หลังจากที่เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของ เรอัล เบติส ทีมดังในศึกลาลีกา สเปน เมื่ออายุ 11 ปี แต่กว่าจะได้ลงสนามเฝ้าเสาให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกนั้น เขาต้องรอถึงอายุ 25 ปี

ย้อนกลับไปใน โปรแกรมบอล เมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี 2012 เอเดรียน ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเฝ้าเสาให้กับ เบติส ในนาทีที่ 11 พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 13 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายในสเปน และเขาเสียไปถึง 4 ประตู ในเกมที่ เบติส พ่าย มาลาก้า 4-0

ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา มือกาวเลือดกระทิงดุ ต้องเจอจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาเฝ้าเสาให้กับ เบติส ในเกมที่พ่าย เซบีย่า 5-1 แต่เขาไม่ยอมแพ้ และ เปเป้ เมล อดีตเทรนเนอร์ เบติส ก็ช่วยให้เขาก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายไปได้

เอเดรียน เล่าว่า “ผมมักจะคิดถึงการแข่งขันในวันนั้น เพราะมันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญของอาชีพผม เปเป้ เมล เป็นผู้จัดการคนแรกที่ให้โอกาสผมในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เขาเชื่อมั่นในตัวผมเกินกว่าความผิดพลาดใดๆ ที่ผมสามารถทำได้ในวันนั้น และ 1 สัปดาห์ต่อมาเราเอาชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ที่บ้านและผมก็เซฟจังหวะสำคัญไปหลายครั้ง และนับตั้งแต่นั้นมาผมก็พัฒนาขึ้นมาก ผมขอบคุณเขามาก”

ในตอนท้ายของฤดูกาล 2012-13 เบติส ต้องดิ้นรนอย่างหนักกับปัญหาทางด้านการเงินของสโมสร และพรีเมียร์ลีก ก็เป็นจุดหมายต่อไปของ เอเดรียน เขาตัดสินใจเก็บกระเป๋า และย้ายมาเล่นกับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม แบบไร้ค่าตัว

ในวัย 26 ปี เอเดรียน ยังไม่เคยไปเล่นนอกประเทศสเปนเลย และการย้ายมายัง เวสต์แฮม นั้น มันเป็นการเริ่มต้นของการผจญภัยที่จะนำความสุขมาให้เขา แต่มันก็เป็นผิดหวังด้วยเช่นกันในช่วงท้ายกับ “ขุนค้อน” เพราะเขาต้องตกไปเป็นตัวสำรอง

เอเดรียน อยู่เฝ้าเสากับ เวสต์แฮม นานถึง 6 ปี ลงเฝ้าเสารวมทุกรายการมากถึง 150 เกม ก่อนจะหมดสัญญากับทีมเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยโกลด์วัย 33 ปี กลายเป็นนักเตะไร้สังกัด และฝึกซ้อมพรีซีซั่นตามลำพังในเมืองเซบีย่า ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา

มือกาว “หงส์แดง” เล่าต่อว่า “ผมตัดสินใจอย่างชัดเจนว่า จะไม่อยู่ที่ เวสต์แฮม อีกต่อไป แม้จะมีข้อเสนอสัญญา 3 ปี วางอยู่บนโต๊ะก็ตาม ผมไม่ได้เล่นเลยแม้แต่เกมเดียวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ผมไม่คิดถึงเรื่องเงินเลย ด้วยความสัตย์จริง มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมเหมือนกัน”

“ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกสับสนนิดหน่อย แต่ผมรู้ว่ามีบางสิ่งที่ดีกำลังจะมาถึง ผมได้ตระหนักถึงความสนใจของ ลิเวอร์พูล ก่อนที่ผมจะได้รับข้อเสนอแรก พวกเขาโทรหาผมเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะขาย ซิมง มิโญเลต์ ถ้าหากผมเซ็นสัญญาด้วย และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”

ขณะเดียวกัน เบติส ก็สนใจในตัว เอเดรียน เช่นเดียวกัน และเขาก็อยากจะกลับไปตอบแทนบุญคุณของสโมสร แต่ตอนนั้น เบติส ก็ยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจาก กิเก้ เซเตียน กุนซือจอมเก๋า อำลาสโมสรไป

“ผมมีโอกาสย้ายไปที่ เบติส แต่ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชชุดใหม่ยังคงต้องตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการผู้รักษาประเภทไหน ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขาเซ็นสัญญากับผู้เล่นอายุน้อยกว่า ผมไม่เหมาะกับโปรไฟล์ของพวกเขา แต่เราเป็นมืออาชีพ และมันไม่สำคัญว่าในใจเราจะรู้สึกอย่างไร แต่การตัดสินใจครั้งล่าสุดของผมมันก็ไม่เลวเลย” เอเดรียน กล่าวอย่างอารมณ์ดีหัวเราะ

อดีตเด็กปั้น เบติส เป็นคนที่หัวเราะบ่อยๆ และตอนนี้ก็มีเรื่องน่าหัวเราะมากมายในห้องแต่งตัวของ ลิเวอร์พูล โดยเวลานี้พลพรรค “หงส์แดง” มีคะแนนนำหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 มากถึง 22 แต้ม และมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของสโมสร

อย่างไรก็ตาม ทุกคนในสโมสร ลิเวอร์พูล ไม่มีใครกล้าพูดถึงว่า พวกเขาอยู่ใกล้แชมป์ลีกมากแค่ไหน แม้แต่ตัว เอเดรียน เองก็ตาม โดยเจ้าตัวระบุว่า “สิ่งที่ เจอร์เก้น ประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ดูสิว่า เราอยู่จุดใดในลีก มันง่ายมากที่จะทำงานกับเขา ง่ายมากจริงๆ เขายิ้มแย้มแจ่มใส และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เขาเป็นผู้จัดการทีม แต่เขาทำตัวเหมือนสมาชิกคนอื่นๆในทีม”

เอเดรียน อยู่เฝ้าเสากับ เวสต์แฮม นานถึง 6 ปี

“เขาใกล้ชิดกับเรา และช่วยให้เราเชื่อในวิธีการของเขา เขาเชื่อมั่นในตัวเอง มีความเป็นผู้นำ และเชื่อมั่นในความสามารถทั้งหมดของเขา เขาใกล้ชิดกับเรามาก และพิสูจน์ว่าสิ่งใดก็ตามที่เราทำมันจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด”

“เจอร์เก้น มักจะบอกเราว่าเราจะเผชิญกับปัญหามากมายในระหว่างเกม ดังนั้นเราต้องสามารถแก้ไขได้ ทีมอื่นๆสามารถทำให้คุณประหลาดใจด้วยระบบใหม่เช่นกัน เขาอยู่กับเราเพื่อนำทางเรา เขาจินตนาการภาพฟุตบอลได้เป็นอย่างดีจากสนาม และส่งความคิดนี้ไปยังผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม”

“เซสชั่นการฝึกซ้อมมีความเข้มข้นมาก เขาทำงานอย่างกระตือรือร้น และนั่นคือวิธีที่เราแสดงให้เห็นบนสนาม เจอร์เก้น ไม่เพียงแต่จอมแท็คติคเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกลุ่มผู้เล่นได้ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมา และผ่านร้อนผ่านหนาวมากับเรามากมาย”

สำหรับ เอเดรียน นี่เป็นฤดูกาลที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาไม่ได้เล่นแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาลที่ผ่านมา และต้องเป็นนักเตะไร้สังกัดฝึกซ้อมด้วยตัวเองในช่วงซัมเมอร์นั้น ในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โกลด์สแปนิช ได้เซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล และอีก 4 วัน เขาได้ลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีก จากนั้น 5 วันต่อมา เขาได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ กับ เชลซี

ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เอเดรียน ก็เปลี่ยนจากนักเตะไร้สังกัดกลายเป็นฮีโร่ที่เซฟจุดโทษพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ และนั่นนับเป็นแชมป์รายการแรกในอาชีพนักฟุตบอลของเขาอีกด้วย ซึ่งมันน่าเหลือเชื่ออย่างมากในเส้นทางอาชีพของเขา

เอเดรียน เล่าต่อว่า “ทุกคนมาที่บ้านของผมไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ภรรยา และเพื่อนสนิทของผม ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกเขาไม่มีโอกาสได้บินไปตุรกีเพื่อเชียร์ผมได้ ผมเห็นวิดีโอที่พวกเขาฉลองกันอย่างสนุกสนาน และเห็นน้ำตาแห่งความสุขจากบ้านของผม นั่นเป็นสิ่งที่น่าจดจำ”

ในคืนนั้นที่อิสตันบูล หลังจบเกมกับ เชลซี นักเตะ ลิเวอร์พูล ทุกคนรวมถึงทีมงานสตาฟฟ์โค้ชกำลังนอนหลับ แต่ เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางจอมเก๋าของ “หงส์แดง” เดินมาหา เอเดรียน ที่ห้องพร้อมกับมอบถ้วย ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ ให้เขาได้ชื่นชมตลอดทั้งคืน

“เจมส์ มิลเนอร์ เดินมาหาผมที่ห้อง และบอกให้ผมเอาถ้วยรางวัลไปไว้กับตัวเองเลยในตอนกลางคืน มันใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะรู้ตัวว่าเขาหมายถึงอะไร และผมก็น้อมรับมันไว้ และการมีถ้วยซุเปอร์ คัพ อยู่ในห้องนอน มันเจ๋งมากๆ”

เมื่อเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา สื่อสเปนบางรายพูดถึง เอเดรียน ว่า จะต้องเป็นตัวสำรองไปตลอดกาล แน่นอนเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดเหล่านี้ โดยโกลด์ชาวสเปนเขาตัดสินใจที่แสดงผลงานในสนามมากกว่าจะพูดออกมา และเขาไม่เคยคาดหวังว่าโอกาสของเขาจะมาถึงอย่างรวดเร็ว

เอเดรียน กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรออย่างตื่นเต้น โชคดีที่ผมมีทั้งจิตใจ และร่างกายที่แข็งแกร่ง ผมต้องเห็นด้วยว่าวิธีนั้นมันไม่ดีเลยเมื่อเพื่อนร่วมทีมได้รับบาดเจ็บ และคุณถูกส่งลงสนาม แต่มีเพียงหนึ่งในพวกเราเท่านั้นที่สามารถลงเล่นได้”

“อลิสสัน สงบ อ่อนน้อมถ่อมตน และสมควรได้รับทุกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จ เราใช้เวลาร่วมกันมากมาย แต่ผมก็ยังอยู่ที่นี่เพื่อต่อสู้ ผมจะไม่นั่งลงบนม้านั่งสำรองแล้วรอโอกาส เขาคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และโคปาอเมริกา เมื่อปีที่แล้ว เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก แต่เขาไม่สามารถผ่อนคลายกับผมได้ ผมพิสูจน์มันแล้ว”

ที่สนามฝึกซ้อม เมลวู้ด ของ ลิเวอร์พูล ท้องฟ้าจะมืดลง และลมก็พัดแรง เอเดรียน เริ่มมองนาฬิกาบนกำแพง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสนามฝึกซ้อมด้านนอก เขาไม่สามารถละสายตาจากลูกบอลไปได้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก

“เฮ้ อาลี!” เอเดรียน ตะโกนทักทาย อลิสสัน อย่างเป็นกันเอง พวกเขายิ้มให้กัน จากนั้น ไม่กี่วินาทีต่อมา เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง “หงส์แดง” กำลังเดินผ่านประตูเข้ามา และเขาก็ชนกำปั้นทักทายกับนายด่านสเปนอย่างเป็นกันเอง

ตอนนี้โถงทางเดินก็เริ่มวุ่นวายไปด้วยนักเตะ ลิเวอร์พูล ถึงเวลาแล้วที่ เอเดรียน จะต้องไปฝึกซ้อมอีก 1 เซสชั่น ซึ่งมีความยากลำบากรออยู่ข้างหน้า และความท้าทายอีกอย่างที่ต้องเตรียมพร้อม แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากนัก

“ให้ผมสนุกกับช่วงเวลานี้” เอเดรียน บ่นด้วยความตลกขบขันหัวเราะอีกครั้ง “อาชีพฟุตบอลจบลงอย่างรวดเร็วเราต้องทำให้ดีที่สุด” นายทวาร ลิเวอร์พูล กล่าวทิ้งท้าย

เอเดรียน บ่นด้วยความตลกขบขันหัวเราะอีกครั้ง

เนื้อหาใกล้เคียง