แดงเดือดของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เวียนมาอีกครั้ง

แดงเดือดของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เวียนมาอีกครั้ง

กับฟอร์มการเล่นที่ขึ้นๆ ลงๆ ของ แบ็ควัย 22 ปี ในฤดูกาลนี้ หลังสร้างผลงานที่น่าประทับใจมาตลอด 2-3 ฤดูกาลหลังสุด เป็นกำลังสำคัญในการช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก กับสถิติการทำแอสซิสต์ไปมากมาย แต่ปีนี้กลับแตกต่างออกไป ทั้งฟอร์มการเล่นส่วนตัวและผลการแข่งขันของทีม เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และไม่มีแฟนบอลเข้าชมในสนาม ขาดซึ่งบรรยากาศและแรงกระตุ้น

นาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวาตัวจริงของทีมได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นโอกาสที่ดีของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในวัย 18 ปี ในช่วงเวลาที่ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ไปเพียง 4 เกม เมื่อตอนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม โดยเป็นการลงสนามในเกมแดงเดือดครั้งแรก ต้องเผชิญหน้ากับ ปอล ป็อกบา และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล สองนักเตะที่ตัวความหวังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาดังกล่าว

เกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 กับจังหวะที่สกัดลูกโหม่งของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ในช่วงท้ายเกม ใครจะไปเชื่อว่ากับช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์กลายเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงการก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ดีกรีแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และพรีเมียร์ลีก รวมถึงการคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ

สุดสัปดาห์นี้อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์จะได้เจอกับแมนฯ ยูไนเต็ด และป็อกบาอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง กับฤดูกาล 2016-17 เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด แซงลิเวอร์พูลขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์

คล็อปป์ยังกล่าวถึงผลงานของอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนเกมแดงเดือดคืนวันอาทิตย์นี้ว่า “มันเป็นเรื่องปกติ พวกเราเล่นฟุตบอลกันในที่สาธารณะ หลายคนเห็นระดับการเล่นของเทรนท์ที่แสดงออกมาอย่างน้อย 3-4 ปีหลังสุด นับตั้งแต่เขาเริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจกับพวกเรา มันยอดเยี่ยมมาก เกมที่เขาเล่น (กับเซาแธมป์ตัน) แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเกมที่ดีที่สุด เขารู้ พวกเรารู้ มันชัดเจนอยู่แล้ว”

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ยังคงเป็นนักเตะที่สร้างโอกาสให้กับทีมได้ดี แม้จะลดลงมา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่แล้ว แม้จะทำได้เพียง 2 แอสซิสต์ จากการลงสนามในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แต่ยังสร้างโอกาสได้ 1.85 ครั้งต่อเกม ในขณะที่ฤดูกาล 2019-20 ทำได้ 2.47 ครั้ง นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำหรับตัวนักเตะ กับโอกาสในการเรียกความมั่นใจและกลับมาสร้างผลงานที่ดีอีกครั้งและคงไม่มีเกมไหนจะดีไปกว่าการเจอกับคู่แค้นร่วมลีกแล้ว

เนื้อหาใกล้เคียง