สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางยอดนักสู้แห่งทัพ ปีศาจแดง

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางยอดนักสู้

ในนาทีที่ 30 นาที บนนาฬิกา ในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มิดฟิลด์ทีมชาติสก็อตแลนด์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พุ่งเข้าไปชน มัตเตโอ โควาซิซ กองกลางชาวโครเอเชีย ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” จนล้มลงกลางสนาม พร้อมกับพาบอลขึ้นไปบุกต่อในระหว่างเกมฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพที่ “ปีศาจแดง” บุกเอาชนะเจ้าบ้านไป 2-1

ในเกมกับ เชลซี นั้น แม็คโทมิเนย์ โดนใบเหลืองตั้งแต่นาทีที่ 11 และเขาเป็นคนแรกของเกมที่ได้รับใบเหลือง แต่ดาวเตะ “วิสกี้” ไม่เกรงกลัว และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของตัวเองว่า เขาพร้อมจะเข้าปะทะกับคู่แข่งในทุกจังหวะตลอดทั้ง 90 นาที

มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ของ แมนฯยูไนเต็ด ยิง เชลซี ไปคนเดียว 2 ประตู ทำให้ “ปีศาจแดง” ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในศึกคาราบาว คัพ ได้สำเร็จ แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่แตกต่างหากไม่ใช่สำหรับ แม็คโทมิเนย์ ที่ยืนปักหลักทำงานหนักอยู่กลางสนาม

นี่ไม่ใช่การมอบหมายที่ตรงไปตรงมาสำหรับ แม็คโทมิเนย์ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือชาวอังกฤษ ชนะมา 7 เกมติดต่อกัน และดาวเตะวัย 22 ปี ต้องเผชิญหน้ากับนักเตะ “สิงโตน้ำเงินคราม” ที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง โควาซิซ และ จอร์จินโญ่ ห้องเครื่องทีมชาติอิตาลี

ขณะเดียวกัน เฟร็ด กองกลางชาวบราซิล ของ แมนฯยูไนเต็ด ยังแสดงผลงานไม่คุ้มค้าตัว 52 ล้านปอนด์ แต่อิทธิพลของ แมคโทมิเนย์ นั้น ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก เขาสามารถคุมเกมในแดนกลางให้กับ “ปีศาจแดง” ได้อย่างยอดเยี่ยม

มันชัดเจนว่าทำไม โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตโค้ชชาวโปรตุเกสของ แมนฯยูไนเต็ด มองว่า แมคโทมิเนย์ เป็นผู้เล่นชั้นยอด และเห็นได้ชัดแล้วว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ “ปีศาจแดง” คนปัจจุบัน ก็มองเขาในแบบเดียวกัน

นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลนี้ แมคโทมิเนย์ ได้เล่นไปแล้ว 887 นาที จาก 900 นาที ในพรีเมียร์ลีก ตอนนี้ความสำคัญของ ดาวเตะสก็อตติช ส่งผลอย่างมากต่ออิทธิพลในแดนกลางของ “ปีศาจแดง” ทำให้ โซลชา ไม่สามารถดร็อปเขาออกจากทีมได้ไม่ว่าจะลงแข่งรายการใดก็ตาม

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ แมคโทมิเนย์ จัดการหยุดเกมรุกของ เชลซี เขาวางตำแหน่งการยืนของตัวเองอย่างชาญฉลาดต่อการป้องกัน และมั่นใจว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” ไม่สามารถเจาะแนวรับจากช่องว่างของ แมนฯยูไนเต็ด ได้

ลูกทีมของ แลมพาร์ด มีเฉลี่ยโอกาสในการยิงประตู 7 ครั้ง

ลูกทีมของ แลมพาร์ด มีเฉลี่ยโอกาสในการยิงประตู 7 ครั้งต่อเกม และใน 4 เกมหลังสุด เชลซี ซัดไปได้ 10 ประตู แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไร แมนฯยูไนเต็ด ได้มากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความยอดเยี่ยมของ แมคโทมิเนย์ เช่นกัน

ดาวรุ่งชาวสก็อตแลนด์ กลายเป็นกำลังหลักของ แมนฯยูไนเต็ด มาตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่นนี้ และสถิติต่างๆก็เน้นบทบาทของเขาในการโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมให้กับ “ปีศาจแดง” แมคโทมิเนย์ เข้าสกัด และตัดบอลมากกว่าเพื่อนร่วมทีมของเขา และจัดการทุกอย่างโดยไม่ต้องเสี่ยงใบเหลืองใบที่ 2

ในบางครั้ง แมคโทมิเนย์ มีแฟนๆ “เรด เดวิลส์” หลายคนที่ชอบการเข้าปะทะของเขา ยกตัวอย่างในการเข้าสกัด โควาซิซ เป็นต้น รวมถึงการเข้าไปสกัดลูกยิงของ มิตชี่ บาตชัวยี่ หัวหอกทีมชาติเบลเยียม ของ เชลซี

ขณะเดียวกัน แมคโทมิเนย์ ยังอ่านเกม และเข้าไปตัดจังหวะบอลบุกของ เชลซี ได้อยู่หลายครั้ง พร้อมกับส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีมนำไปสร้างสรรค์เกมรุกต่อ โดยกองกลาง “วิสกี้” เป็นคนควบคุมจังหวะเกมของ แมนฯยูไนเต็ด อย่างแท้จริง

แมคโทมิเนย์ เคยถูกมองว่ามีข้อจำกัดบางอย่างในการเล่นให้กับ แมนฯยูไนเต็ด แต่เมื่อเขาเข้าเข้าไปในทีมชุดใหญ่ “ปีศาจแดง” แล้วนั้น เขาทำงานได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มมุมมองใหม่บนสนามในเกมของเขา

วุฒิภาวะและสติปัญญาของ แมคโทมิเนย์ ก็พัฒนาไปมากเช่นเดียวกัน เขาดูสงบนิ่งและมั่นใจ แม้ในขณะที่เกมเริ่มวุ่นวาย และเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการชะลอสิ่งต่างๆ เขาก็อยู่ที่นั่น และหาตำแหน่งที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการดึงเกมที่ชาญฉลาดเพื่อซื้อเวลาให้กับทีมได้เปรียบ

สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างยิ่งหวานสำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่า แมคโทมิเนย์ เป็นหนึ่งในเด็กปั้นของ “ปีศาจแดง” นับตั้งแต่เริ่มต้นเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรเมื่ออายุ 9 ขวบ และตำแหน่งของเขาในทีมชุดใหญ่นั้น ผ่านการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและความสามารถมาแล้ว

การเฉลิมฉลองชัยชนะของ แมคโทมิเนย์ ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น แสดงให้เห็นว่ามันสำคัญกับเขามากแค่ไหน และฟอร์มการเล่นที่เขาแสดงออกมานั้น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากแค่ไหนเช่นเดียวกัน

แมคโทมิเนย์ ก็พัฒนาไปมากเช่นเดียวกัน

เนื้อหาใกล้เคียง