โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : Borussia Dortmund

ประวัติสโมสร ดอร์ทมุนด์
Ballspielverein Borussia 09 e.V. Dortmund ที่เรียกกันทั่วไปว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือ ดอร์ทมุนด์ เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศเยอรมันนี ตั้งอยู่ที่เมืองดอร์ทมุนด์ นอร์ทไรน์ เวสต์ฟาเลีย ก่อตั้งขึ้นในปปี ค.ศ.1909 โดยนักฟุตบอลชาวดอร์ทมุนด์ 18 คน นอกจากนี้ดอร์ทมุนด์ยังเป็นทีมที่มาสมาชิกของสโมสรมากถึง 145,000 คน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศเลยทีเดียว ปัจจุบันแข่งอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศเยอรมันนี

ดอร์ทมุนด์ชนะเลิศฟุตบอล เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ 8 ครั้ง,ดีเอ็ฟบี Pokalส์ 4 ครั้ง,ดีเอ็ฟแอล ซูเอร์คัพส์ 5 ครั้ง,ยูฟ่า แชม์เยนลีก 1 ครั้ง,ยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ 1 ครั้ง และอินเตอร์คอนติเนนตอลคัพ อีก 1 ครั้ง โดยเป็นทีมแรกของเยอรมันที่ได้แชมป์ในระดับยุโรปคือคัพ วินเนอร์สคัพ

ค.ศ.1974 ดอร์ทมุนด์ใช้สนาม เวสต์ฟาเลน สเตเดี้ยน เป็นสนามเหย้า ก่อนหน้านี้เป็นสนามเหย้าของ เวสต์ฟาเลีย สนามแห่งนี้เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน ดอร์ทมุนด์มีสีดำและเหลืองเป็นสีประจำสโมสร ทำให้สโมสรมีฉายาว่า die Schwarzgelben (เสือเหลือง,เหลืองดำ) และทีมดอร์ทมุนด์ยังเป็นทีมที่มูลค่ามากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ และอันดับ 11 ของโลก

สนาม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

สโมสรก่อตั้งขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 1909 โดยกลุ่มเยาวชนที่ไม่พอใจที่ทางโบสต์คาธอลิคสนับสนุนแต่เด็กๆที่นับถือศาสนาเดียวกัน พวกเค้าเล่นฟุตบอลด้วยสายตาแข็งกร้าว ไม่สนใจสายตาของนักบวชที่มองมา นักบวชดีวาลด์เคยกั้นประตูคลับ Zum Widshutz เมื่อพวกเค้าพยายามใช้มันเป็นที่ประชุมทีม

ผู้ก่อตั้งสโมสรประกอบไปด้วย ฟรานซ์ และพอล บรัวน์,เฮนรี เคลฟ,ฮานส์ เดเบสต์,พอล ดีเซียนด์เซียเล่,ฟรานซ์,จูเลียส และวิลเฮิล์ม จาโคบี,ฮานส์ คาห์น,กุสตาฟ มูลเลอร์,ฟรานซ์ ริซซี่,ฟริทซ์ สชัวล์เต้,ฮานส์ เซียโบลด์,ออกัสต์ โตนเนสแม่นน์,เฮนริช และโรเบิร์ต อูเกอร์,ฟริทซ์ เวเบอร์,และฟรานซ์ เวนด์ท โดยชื่อโบรุสเซีย มาจากภาษาละตินว่า Prussia แต่เนื่องจากอยู่ใกล้โรงเบียร์โบรุสเซีย ในดอร์ทมุนด์ เลยตั้งชื่อทีมว่า โบรุสเซีย เดิมใส่เสื้อสีน้ำเงิน-ขาว คาดแดง กางเกงสีดำ ต่อมา ค.ศ.1913 พวดเค้าก็เปลี่ยนมาใช้สี เหลือง-ดำ จนถึงปัจจุบัน กว่าสิบปีที่พวกเค้าโลดแล่นอยู่ในลีกระดับท้องถิ่น จนกระทั่ง ค.ศ.1929 พวกเค้ามีปัญหาการเงินจนแทบล้มละลายเมื่อได้ว่าจ้างนักเตะอาชีพมาลงเล่น แต่ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าจ้าง โชคดีที่ได้ผู้สนับสนุนมาช่วยทีมได้ทันเวลา

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1976

ค.ศ.1930 เป็นช่วงที่ทีมเติบโตขึ้น เมื่อมีการปรับโครงสร้างการแข่งขันฟุตบอลให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ต่อมาประธานของดอร์ทมุนด์ถูกสับเปลี่ยน เนื่องจากการไม่ยอมเข้าร่วมกับกลุ่มนาซี แถมสมาชิกสองคนในสโมสรก็ทำใบปลิวต้อต้านนาซีอีกต่างหาก สโมสรประสบความสำเร็จมากในเขต เจาลิกา เวสต์มาเลน แต่ต้องรอจนกระทั่งสงครามโลกผ่านพ้นไป ในช่วงนี้ทีมมีค่แข่งจากเมืองติดกันคือ ทีมชาล์เก้ 04 เนื่องจากเมืองดอร์ทมุนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามโลก ทำให้หน่วยงานต่างๆถูกยุบ รวมถึงสโมสรฟุตบอลด้วย ได้มีความพยายามที่จะรวมสองสโมสรเข้าด้วยกันคือ เวิร์กสปอร์ตชีเมนส์ชาฟท์ และ เฟรเออร์ สปอร์ตเวเรน 98 ในชื่อ สปอร์ตชีเมนส์ชาฟท์ โบรุสเซีย วอน 1898 แต่ตอนที่ลงแข่งครั้งแรกในลีกระดับชาติกลับใช้ชื่อ บอลล์สเปียล เวเรน โบรุสเซีย (BVB) โดยพวกเค้าแพ้ต่อ วีเออาร์ มานน์ไฮม 2-3

ในช่วง ค.ศ.1946-1963 ทีมได้ลงเล่นในรายการ โอเบอร์ลีกา เวสต์ ปี ค.ศ.1949 พวกเค้าเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศที่สตุ๊ดการ์ต เจอกับ ทีมวีเอฟอาร์ มานน์ไฮม ปรากฎว่าพวกเค้าแพ้ไป 2-3 ทีมได้ลงเล่นฟุตบอลลีกของเยอรมันครั้งแรกในปี ค.ศ.1956 หลังจากที่ลีกเพิ่งก่อตั้งใน ค.ศ.1950 หลังการเข้าร่วมฟุตบอลลีกได้ 1 ปี พวกเค้าชนะฮัมบูร์ก เอสวี คว้าอันดับที่2 ในฟุตบอลเยอรมัน ฟุตบอล แชมป์เปี้ยนชิพ ในปี ค.ศ.1963 พวกเค้าได้ตำนานอัลเฟรดทั้ง3ได้แก่ อัลเฟรด ไพรบ์เลอร์,อัลเฟรด เคลบาสซ่า และอัลเฟรด นีเพียโคล ช่วยให้คว้าแชมป์ เยอรมัน ฟุตบอล แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งสุดท้าย ก่อนเปลี่ยนระบบการแข่งขันเป็นบุนเดสลีกา

ในปีค.ศ.1962 ดอร์ทมุนด์มีส่วนร่วมในการโหวตเพื่อสร้างฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศเยอรมัน ในชื่อ บุนเดสลีกา ซึ่งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เป็น 1 ใน 16 ทีมที่ได้ร่วมแข่งขันหลังจากผ่านการคัดเลือกจากการแข่งขัน ปรี บุนเดสลีกา เนชั่นแนล แชมป์เปี้ยนชิพ โดยประตูแรกที่ทีมทำได้ในลีก เกิดขึ้นจาก เฟรดเฮห์ม โคเนียท์สก้า ที่ทำได้ในนัดแรกที่พวกเค้าพบกับแวร์เดอร์ เบรเมน

ค.ศ.1965 พวกเค้าคว้าแชมป์ DFB Pokal ได้สำเร็จ ปีถัดมาก็ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพวินเนอร์สคัพ โดยเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ปีเดียวกันนี้พวกเค้าพลาดแชมป์ฟุตบอลลีก เมื่อพลาดท่าแพ้ 4 นัดจาก 5 นัด ทำได้คะแนนน้อยกว่า 1860 มิวนิค แค่ 3 แต้ม โดยมีจอมถล่มประตูอย่าง โคเนียท์สก้า ที่เพิ่งย้ายไปจากดอร์ทมุนด์นั่นเอง

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1988

ค.ศ.1970 พวกเค้าประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ทีมตกชั้นในปี ค.ศ.1972 หลังจากนั้น ค.ศ.1974 ทีมเปิดใช้สนาม เวสต์ฟาเลนสเตเดี้ยน ในแถบเวสต์ฟาเลน ทีมก็กลับขึ้นชั้นมาเล่นในบุนเดสลีกาอีกครั้งใน ค.ศ.1976 ดอร์ทมุนด์มีปัญหาด้านการเงินอีกครั้งใน ค.ศ.1980 จนต้องแข่งเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้นในปี 1986 โดยพบกับฟอร์ทูน่า โคโลญน์ และเป็นดอร์ทมุนที่เอาชนะมาได้ ฤดูกาลต่อมาพวกเค้าจบด้วยอันดับที่ 16 พวกเคาไม่ประสบความสำเร็จเลย จนกระทั่งปี ค.ศ.1989 พวกเค้าได้แชมป์ DFB Pokal เมื่อเอาชนะแวร์เดอร์ เบรเมน ได้ในนัดชิงชนะเลิศ โดยเป็นถ้วยแชมป์ครั้งแรกของผู้จัดการทีมอย่าง ฮอร์สต์ คอปเปล ปี 1 ค.ศ.1989 พวกเค้าก็ได้แชมป์ DFL ซูเปอร์คัพ โดยการชนะบาร์เยิร์น มิวนิค 4-3

หลังจบฤดูกาลบุนเดสลีกาใน ค.ศ.1991 พวกเค้าได้อันดับที่ 10 ฮอร์สต์ คอปเปล ลาออกและได้ ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลต์ มาคุมทีมแทน ปี ค.ศ.1992 พวกเค้าได้ที่ 2 หลังพลาดท้าย่ายต่อสตุ๊ดการ์ตในนัดสุดท้าย และฤดูกาลถัดมาได้อันดับ 4 โดยพวกเค้าได้เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ แต่ก็แพ้ต่อยูเวนตุสไป 1-6 แม้จะได้แค่รองแชมป์ แต่พวกเค้าก็ได้เงินรางวัลมากพอที่จะซื้อนักเตะชื่อดังมาร่วมทีม

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1997

ภายใต้การนำของนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปอย่าง มาเทียส แซมเมอร์ พวกเค้าได้แชมป์บุนเดสลีกาในปี ค.ศ.1995 และ 1996 และแชมป์ DFL ซูเปอร์คัพ ใน ปี ค.ศ.1995 และ 1996 เช่นกัน และปี ค.ศ.1997 พวกเค้าก็ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ครั้งแรกหลังเอาชนะยูเวนตุสได้ 3-1 ได้ที่สนามโอลิมปิค สเตเดี้ยน ในมิวนิค หลังจากนั้นปีเดียวกันพพวกเค้าก็คว้าแชมป์ อินเตอร์คอนติเนลทอล คัพ โดยชนะ ครูไซโร่ 2-0 เป็นทีมที่ 2 จากเยอรมันที่ได้แชมป์รายการนี้ หลังจากบาร์เยิร์น มิวนิคทำได้ ในปี ค.ศ.1976 ปี ค.ศ.1998 ดอร์ทมุนด์ทีมแชมป์เก่าในรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ พบกับเรอัลมาดริด แต่ทีมประสบปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บหลายคน ทำให้ทีมตกรอบแค่รอบนี้

เดือนตุลาคม ค.ศ.2000 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ได้ทำการขายหุ้นสโมสรแก่บุคคลทั่วไปเป็นทีมแรกของเยอรมัน ต่อมาปี ค.ศ.2002 ดอร์ทมุนด์กลับมาคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้อีกครั้ง โดยมี มาเทียส แซมเมอร์ เป็นผู้จัดการทีมประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ทั้งตอนที่เป็นนักเตะและผู้จัดการทีม ฤดูกาลเดียวกันนี้พวกเค้าได้รองแชมป์ยูฟ่าคัพ โดยแพ้นัดชิงต่อ เฟเยนูร์ด อย่างน่าเสียดาย

ดอร์ทมุนเริ่มประสบปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การขายสนามเวสต์ฟาเลน สเตเดี้ยน เพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้เงินกู้ ต้นตอของปัญหาเกิดจากการที่พวกเค้าตกรอบคัดเลือกการแข่งขัน ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก โดยแพ้ คลับ บลู๊ก ในปี ค.ศ.2003 โดยมีทางบาร์เยิร์น มิวนิค ที่ให้ยืมเงินมูลค่า 2 ล้านยูโร เพื่อแก้ปัญหานี้ อย่างไรก็ตามปี ค.ศ.2005 พวกเค้าก็เจอปัญหาด้านการเงินอีกครั้ง จนหุ้นสโมสรตกลงกว่า 80% โดยสโมสรแก้ปัญหาด้วยการจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะเพียง 20% ของสัญญา และเพื่อลดหนี้สินลง ทางสโมสรได้เปลี่ยนชื่อสนามเป็น ซิกแนล อิดูน่า พาร์ค ตามชื่อบริษัทประกันภัยท้องถิ่นที่เข้ามาสนับสนุนทางการเงินให้สโมสร โดยจะใช้ชื่อนี้จนถึงปี ค.ศ.2021

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2005

ฤดูกาล 2005-2006 ดอร์ทมุนด์กลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังขาย ดาวิด โอดองเคอร์ ให้กับ เรอัล เบติส และขาย โทมัส โรซิคกี้ ให้กับอาร์เซน่อล โดยฤดูกาลนั้นพวกเค้าได้อันดับ 7 พลาดการไปแข่งยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2006-2007 ทีมเกือบตกชั้นเมื่ออยู่เหนือโซนตกชั้นแค่ 1 คะแนน วันที่ 13 มีนาคม 2007 ทีมได้แต่งตั้ง โทมัส ดอลล์ เป็นผู้จัดการทีม ฤดูกาล 2007-2008 พวกเค้าได้อันดับ 13 และเข้าชิง DFB Pokal แต่แพ้ บาร์เยิร์น มิวนิค 1-2 อย่างไรก็ตามทีมได้สิทธิไปเล่นยูฟ่า คัพ เนื่องจากบาร์เยิร์น มิวนิค ไปเล่นในถ้วย ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก วันที่ 19 พฤษภาคม 2008 โทมัส ดอลล์ ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมและถูกแทนที่ด้วย เจอเก้น คล๊อปป์

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2010

ฤดูกาล 2009-2010 คล๊อปป์พัฒนาดอร์ทมุนจนทีมคว้าอันดับ 5 ได้ ได้สิทธิไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2010-2011 ดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์บุนเดสลีกกา เมื่อมีแต้มนำทีมอันดับ 2 อย่าง ไอเออร์ ลิเวอร์คูเซ่น 8 แต้ม และเหลือการแข่งขันแค่ 2 นัด พร้อมได้สิทธิเข้าแข่งรายการ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก อัตโนมัติ หนึ่งปีต่อมา พวกเค้าป้องกันแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จ และสร้างสถิติทำได้ 81 แต้ม มากที่สุดตั้งแต่มีลีกบุนเดสลีกา ก่อนที่บาร์เยิร์น มิวนิค จะทำลายสถิติที่ 91 แต้มในฤฟดูกาลต่อมา ในฤดูกาล 2011-2012 พวก เค้าได้ 2 แชมป์ด้วยกันคือ บุนเดสลีกาและ DFB Pokal ซึ่งมีแค่ 4 สโมสรเท่านั้นที่ทำได้คือ บาร์เยิร์น มิวนิค,โคโลญน์,แวร์เดอร์ เบรเมน และดอร์ทมุน นอกจากนี้ทีมยังได้รับรางวัล Sportler des Jahres อีกด้วย

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2012

ฤดูกาล 2012-2013 พวกเค้าจบด้วยอันดับ 2 ของตารางและได้เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก กับ บาร์เยิร์น มิวนิค ที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รอบชิงชนะเลิศเป็นทีมจากเยอรมันทั้ง 2 ทีม โดยพวกเค้าแพ้ไป 1-2 เริ่มฤดูกาล 2013-2014 พวกเค้าเริ่มฤดูกาลด้วยการชนะ DFL ซูเปอร์คัพ และในลีกพวกเค้าก็ชนะ 5 นัดรวด อย่างไรก็ตามด้วยขนาดทีมที่ไม่ใหญ่พอ เมื่อนักเตะตัวหลักเริ่มได้รับบาดเจ็บ และมาสามารทดแทนด้วยตัวสำรองได้ ทำให้พวกเค้าแพ้เรอัล มาดริดในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 2 พร้อมเข้าชิง DFB Pokal แต่ก็แพ้ต่อบาร์เยิร์น มิวนิค 0-2

ฤดูกาล 2014-2015 พวกเค้าเริ่มต้นได้สวยงาม ด้วยการชนะบาร์เยิร์น มิวนิค ในรายการ DFL ซูเปอร์คัพ 2-0 แต่ปรากฏว่าพวกเค้ากลับทำผลงานในลีกได้ไม่ดีนัก โดยมีคะแนนขึ้นๆลงๆอยู่ระหว่างโซนล่างของตาราง วันที่ 15 เมษายน 2015 เจอเก้น คล๊อปป์ ประกาศลาออกจากทีมหลังจบฤดูกาล และโธมัส ทูเคิ้ล มาแทนที่ พวกเค้าจบฤดูกาลด้วยอันดับ 8 และผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอล ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาล 2015-2016

ดอร์ทมุนด์ 2015

ฤดูกาล 2015-2016 ดอร์ทมุนด์จบฤดูกาลด้วยการชนะ 24 ครั้ง ได้อันดับที่ 2 ของลีก โดยถือว่าเป็นอันดับ 2 ที่มีผลงานดีที่สุดตลาดการ ในยูโรป้า ลีก พวกเค้าต้องตกรอบเมื่อพบกับลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของเจอเก้น คล๊อปป์ อดีตโค้ชของเค้าเอง และพวกเค้ายังได้เข้าชิง DFB Pokal เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แต่ก็แพ้ต่อ บาร์เยิร์น มิวนิค ในการดวลจุดโทษตัดสิน

วันที่ 11 เมษายน 2017 ระหว่างที่พวกเค้าเตรียมตัวแข่งฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก กับ เอเอส โมนาโก ที่โมนาโก เกิดเหตุระเบิดใกล้ๆกับรถบัสของนักเตะที่ซิกแนล อิดูน่า พาร์ค ส่งผลให้กองหลังของทีม 1 คน คือมาร์ค บาร์ทราร์และได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายพวกเค้าก็พ่าย ทั้ง 2 เกมส์ตกรอบยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกในที่สุด วันที่ 26 เมษายน 2017 พวกเค้าเข้าชิง DFB Pokal เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ใน 6 ฤดูกาลหลังสุด แต่ก็แพ้ต่อ บาร์เยิร์น มิวนิค วันที่ 27 พฤษภาคม 2017 ดอร์ทมุนชนะการแข่งขัน DFB Pokal โดยการชนะ แฟรงค์เฟิร์ต จากจุดโทษของ โอบาเมยอง