ทีมที่มาแรงมาก ๆ ในช่วง 5 ปีหลังของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่มีโอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์แทบทุกปี เอาจริง ๆ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ใช่กึ๋นและความสามารถของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ที่ปลุกปั้นทีมตั้งแต่สมัยเป็นทีมกลางตารางธรรมดาจนกลายมาเป็นท็อปซิกส์อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ แถมเกมล่าสุดยังไล่ถล่ม “ปีศาจแดง” เละเทะแบบหมดสภาพ คงบอกได้ดีว่าสเปอร์สคือทีมที่ดูดีมีชาติตระกูลขนาดไหน
จะอย่างไรก็ตามหากจำความกันได้ ลองย้อนไปเมื่อ 4 ซีซั่นที่แล้ว ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง ทุกคนจะมักจำแค่ภาพของการคว้าแชมป์ ทว่าลองมองย้อนกลับไประหว่างการขับเคี่ยว ทีมที่มีโอกาสแตะแชมป์ไม่น้อยกว่าเลสเตอร์ก็คือสเปอร์สนี่เอง พวกเขามีโอกาสเข้าใกล้แชมป์มาก ๆ ชนิดที่หายใจรดต้นคอ หากเลสเตอร์พลาด พวกเขาพร้อมเสียบทันที กระนั้นความฝันกับความเป็นจริงบางทีมันสวนทางกันเสมอเมื่อพวกเขาคือฝ่ายที่พลาดพลั้งจนปีนั้นจบด้วยอันดับ 3 อีกต่างหากแทนที่จะคว้าแชมป์ไปครอง นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่าแม้สเปอร์สจะมีดีแค่ไหน แต่พวกเขามักตกม้าตายเอาง่าย ๆ ตลอด
อาจบอกได้ว่าเพราะทีมยังไม่ใหญ่มากพอในการจะหมุนเวียนนักเตะเล่นเกมลีกที่ต้องต่อสู้ยาวนานกว่า 8 เดือน แต่มันก็บอกไม่ได้อีกเช่นกันว่านักเตะที่พวกเขามีหลายคนศักยภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลยแต่ทำไมถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่แชมป์ลีกด้วยแชมป์อื่น ๆ พวกเขาก็ยังไม่เคยได้ทั้ง ๆ ที่มีทีมดีมากสามารถเอาชนะได้ทุกทีมในลีก นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าคิดว่าปีนี้พวกเขาจะไปได้ไกลขนาดไหนกับการลงทุนสร้างสนามใหม่ที่เตรียมเปิดใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คำถามนี้คงไม่มีใครตอบได้ดีไปกว่า โปเช็ตติโน่ ที่คุมทีมมายาวนานจนรู้ไส้รู้พุงทีมดีที่สุด
เชื่อว่ายังคงเป็นคำถามที่คาใจแฟนสเปอร์สมากพอควรกับสิ่งที่บอกว่าทำไมพวกเขาจึงยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที เข้าใจว่าการพาทีมเข้ามาติดท็อปโฟร์มันคือเรื่องน่าภาคภูมิใจ แต่มันจะดีกว่าหรือไม่หากพวกเขาสามารถคว้าแชมป์สักรายการ การตกม้าตายไม่ว่าจะบอลลีกหรือบอลถ้วยมันไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เลยแม้แต่นิดเดียวเพราะนั่นหมายถึงความพ่ายแพ้ที่ยังต้องทนเจ็บปวดต่อไปไม่จบสิ้น
