มันแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อ ลีโอเนล เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะกลายเป็นพาดหัวข่าวฟุตบอลมาตลอดหลายปี แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ก็ได้ขโมยในช่วงเวลานี้ไปได้เหมือนกัน หลัง ยูเวนตุส บุกไปถล่ม บาร์เซโลน่า ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มเกมสุดท้ายเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาด้วย 3-0 แซงเป็นแชมป์กลุ่มอย่างหน้าตาเฉย
ผู้ทำประตูสูงสุดให้กับบาร์เซโลน่า รวมถึงการทำประตูในลาลีกา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แม้กระทั่งในทีมชาติอาร์เจนติน่า กับทุกรายการที่มีส่วนร่วมสำหรับชายที่ชื่อว่าเมสซี่ เรื่องดังกล่าวกลายเป็นเรื่องยากไปเลยสำหรับเกมที่สนามคัมป์ นูล่าสุด หรือแม้กระทั่งจุดสนใจในตัวโรนัลโด้ เมื่อทั้งคู่อายุ 33 และ 35 ปีตามลำดับ โดยจุดสนใจกลายเป็นบุฟฟ่อนวัย 42 ปี
โรนัลโด้ทำได้ 2 ประตูจากจุดโทษในเกมนี้ ในขณะทีเมสซี่ไม่สามารถยิงผ่านมือตำนานผู้รักษาประตูชาวอิตาลีได้ แม้จะพยายามอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ยังเป็นบุฟฟ่อนที่โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟออกมาได้หลายครั้ง โดยสถิติหลังจบเกม เมสซี่มีโอกาสยิงประตูทั้งหมด 11 ครั้ง ตรงกรอบ 7 ครั้ง มากกว่านักเตะคนอื่นๆ ที่ได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก และไม่สามารถทำประตูได้ นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04
ตำนานนักฟุตบอลในเซเรียอาเกิดขึ้นไปแล้วมากมาย กับวงการฟุตบอลในยุคหลัง แต่หลายคนก็ตัดสินแขวนสตั๊ดไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ตำนานของอาแอส โรม่า ที่แขวนสตั๊ดในวัย 40 ปี โบกมือลากับการค้าแข้งในถิ่นสตาดิโอ โอลิมปิโก เอาไว้ที่ 24 ปี หรือจะเป็นเปาโล มัลดินี่ ที่มีช่วงเส้นทางที่ยอดเยี่ยมตลอด 25 ปี หรืออันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ที่ทำได้ 162 ประตู จากการลงสนาม 209 เกมในเซเรียอา หลังจากอายุครบ 30 ปี
ฟาบีโอ กวาลยาเรลล่าคว้ารางวัลดาวซัลโวของเซเรียอาด้วยวัย 36 ปี ส่วนซาลาตัน อิบราฮิโมวิช ก็ยังอยู่ในด้านบนของดาวซัลโวของเซเรียอาฤดูกาล 2020-21 เป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้ทีมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนน แม้จะอยู่ในวัย 39 ปี แม้บุฟฟ่อนจะไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากมายหรือเป็นตัวหลักของทีม แต่ยามที่ตัวนักเตะลงสนาม ทำให้ผู้คนที่ยกย่องและชื่นชมในตัวนักเตะไม่สามารถกระพริบตาได้เลย
บาร์ซ่าเป็นแชมป์กลุ่มมาตลอด 13 ฤดูกาลหลังสุด และไม่แพ้เกมยุโรปในบ้านมา 38 เกม แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับทีมของบุฟฟ่อน ทุกอย่างก็ดูเหมือนไม่เป็นใจ และบุฟฟ่อนก็ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ทีมยักษ์ใหญ่ของสเปนต้องพบกับความพ่ายแพ้
