สถานีต่อไปของ โชเซ่ มูรินโญ่

สถานีต่อไปของ โจเซ่ มูรินโญ่

ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลที่บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งต้องการผู้จัดการทีมชื่อดังใหญ่ที่จะพาพวกเขากลับสู่ความยิ่งใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครให้โอกาส โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือชาวโปรตุเกส ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขายังคงเป็น “เดอะ สเปเชี่ยล วัน”

เอซี มิลาน, บาเยิร์น มิวนิค, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เรอัล มาดริด เป็นสโมสรทรงพลังที่มีสถานะมั่นคง, ความทะเยอทะยาน และประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ปัจจุบันกำลังถอยหลังไปสู่ความล้มเหลวและกลายเป็นทีมที่ดูจะธรรมดาไปแล้ว

แต่ความพร้อมของ มูรินโญ่ ที่กำลังว่างงานนั้น ก็ไม่ได้ดึงดูดให้บรรดาสโมสรเหล่านั้นสนใจเขามากนัก แม้ว่าโค้ชเลือดฝอยทอง จะเคยคว้าแชมป์ทั้งใน และนอกประเทศมามากมายก็ตาม แต่ถ้าสิ่งต่างๆยังคงดำเนินต่อไปในทางถอยหลัง บางทีทีมยักษ์ใหญ่เหล่านั้นอาจจะหันกลับมามอง “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ก็เป็นได้

ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน ซึ่ง มูรินโญ่ เคยคุมทัพ “งูใหญ่” คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 2010 นั้น ได้ทำการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ไปแล้วทั้ง 2 ทีม นั่นก็คือ เมาริซิโอ ซาร์รี่ และ อันโตนิโอ คอนเต้ ตามลำดับ ขณะที่ โรม่า ก็แต่งตั้งนายใหญ่คนใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือ เปาโล ฟอนเซก้า โค้ชชาวโปรตุเกส ชาติเดียวกับ มูรินโญ่

ย้อนกลับไปมันเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วที่ มูรินโญ่ ถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากเกมที่เขาพาทีมพ่าย ลิเวอร์พูล 1-3 และในเวลานั้น “ปีศาจแดง” รั้งอันดับ 6 ในตารางคะแนน ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถยอมรับได้

นับตั้งแต่ออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด มูรินโญ่ ได้ทำงานเป็นกูรูให้กับสื่อกีฬาหลายสถานี แม้เขาจะเคยกล่าวว่าอดีตผู้เล่นและอดีตผู้จัดการทีมหลายคนเลือกใช้ชีวิตสบายในสตูดิโอโทรทัศน์ โดยเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส ระบุว่า “การเป็นกูรูมันเป็นงานที่ดี เพราะคุณจะมีวันหยุดมากมาย และไปทำงานแค่ที่หน้าจอโทรทัศน์มากกว่าต้องมาทนต่อแรงกดดันของการจัดการทีม”

ในห้วงที่ผ่านมา มูรินโญ่ ได้รับการเชื่อมโยงกับการกับมาคุมทีมต่างๆมากมาย อาทิ อาร์เซน่อล, เบนฟิก้า, เรอัล มาดริด, สเปอร์ส, อินเตอร์,โรม่า, โอลิมปิก ลียง, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, บาเลนเซีย, เอฟเวอร์ตัน และ โบค่า จูเนียร์ส แต่แม้ว่าจะเพียงไม่กี่ทีมที่เอ่ยชื่อมาที่สนใจในตัวเขาอย่างจริงจัง แต่ มูรินโญ่ ยังคงไม่มีงานทำหลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปี

ขณะเดียวกันงานที่ บาเยิร์น อาจจะช่วยให้ มูรินโญ่ มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ลีกเป็นประเทศที่ 5 ในการคุมทีมของเขา หลังจาก “เสือใต้” เพิ่งปลด นิโก้ โควัช เทรนเนอร์ชาวโครเอเชีย ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังพาทีมพ่าย ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แบบขาดลอย 1-5

แต่ความคิดเห็นของแฟนบอล และสื่อมวลชนในเยอรมันส่วนใหญ่ มองว่า บาเยิร์น อาจแต่งตั้ง ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือ แอร์เบ ไลป์ซิก หรือ เอริค เทน ฮาก เทรนเนอร์ฝีมือดีของ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม เข้ามากุมบังเหียนในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า

มูรินโญ่ มาร่วมอยู่ในวงสนทนา

ดูเหมือนว่างานใหญ่อีกงานหนึ่งจะมาและไป โดยไม่มีชื่อของ มูรินโญ่ มาร่วมอยู่ในวงสนทนา แต่ชื่อเสียงของเขาก็มัวหมองจนถึงจุดที่เขาจะไม่ได้รับการพิจารณาโดยสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปอีกครั้งอย่างนั้นหรือ

ที่ผ่านมา 2 งานของ มูรินโญ่ กับ เชลซี และ แมนฯยูไนเต็ด จบลงด้วยแหล่งข่าวที่ทั้ง 2 สโมสรบอกกับ “ESPN FC” สื่อกีฬาขั้นนำแดนผู้ดีว่า บรรดาผู้เล่น และทีมงานเบื่อกับการจุกจิก และนิสัยของการตำหนิคนรอบข้างในห้องแต่งตัว และในห้องประชุมบอร์ด รวมถึงการพาดพิงผ่านสื่อมวลชนของ โค้ชโปรตุเกส

ความล้มเหลวของการทำงานเป็นทีม เมื่อ มูรินโญ่ ถูกไล่ออกจาก แมนฯยูไนเต็ด ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมานั้น แหล่งข่าวคนหนึ่ง กล่าวว่า ภายในทัพ “ปีศาจแดง” เกิดกระแสต่อต้าน มูรินโญ่ อย่างหนัก ซึ่งเป็นฉนวนสำคัญที่ทำให้เขาโดนไล่ออก

เมื่อ มูรินโญ่ สร้างศัตรูที่สนามฝึกซ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส มันก็ทำให้เขาต้องเจอกับความยุ่งยากในการทำงานที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ที่ เชลซี เขาจากสโมสรไปด้วยความรักของแฟน “สิงโตน้ำเงินคราม”

อีกจุดที่สำคัญในความล้มเหลวของ มูรินโญ่ กับ แมนฯยูไนเต็ด ก็คือ สไตล์ฟุตบอลของเขานั้น มักเน้นรัดกุม และเล่นเกมรับเหนียวแน่น ซึ่งมันตรงกันข้ามกับแบรนด์ฟุตบอลของ “ปีศาจแดง” อย่างสิ้นเชิง และนั่นเขาโดนสาวก “เร้ด เดวิลส์” วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ด้วยชื่อเสียงของ มูรินโญ่ ที่ทำให้ผู้เล่น ผู้อำนวยการสโมสร และแฟนบอลไม่พอใจ มันก็ไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันน้อยมากในเขาไม่ได้รับความสนใจจากบรรดาสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป แต่ในบางจุดก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางสโมสรหนึ่งในนั้น จะเลือกสถิติที่ยอดเยี่ยมของเขามากกว่าชื่อเสียงในทางลบ

มูรินโญ่ ได้รับรางวัลเกียรติยศจากทุกสโมสรอย่างน้อย 1 แชมป์ครั้งในฐานะโค้ช และรางวัลที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยได้รับคือ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก 2 สมัย, พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, ลา ลีกา 1 สมัย และแชมป์ลีก คัพ ในอังกฤษอีก 4 สมัย

เมื่อสโมสรใหญ่ต่างกำลังดิ้นรน และมีความมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์อีกครั้งคือ สิ่งที่ผลักดันพวกเขาให้เปลี่ยนแปลง และในที่สุดมันก็จะนำ มูรินโญ่ มาสู่จุดเดิมที่เขาเคยยืนอีกครั้ง ซึ่งมันน่าสนใจว่าอดีตกุนซือ “ปีศาจแดง” จะทำได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่

ขณะเดียวกันแหล่งข่าวของ อาร์เซน่อล ยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับ มูรินโญ่ เพื่อนำมาแทน อูไน เอเมอรี่ โค้ชชาวสเปน ที่กำลังพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ ส่วนที่ เรอัล มาดริด ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศส น่าจะได้รับโอกาสต่อไปอีกสักพักหนึ่ง

แม้ว่า มูรินโญ่ จะได้งานใหญ่อีกงานเร็วกว่าในปีที่ผ่านมา เขาควรจะเตือนตัวเองว่า เขาต้องเปลี่ยนแปลง และเผชิญหน้ากับคนในทีมน้อยกว่าเดิม และเลิกสร้างแตกแยกในสโมสร มิฉะนั้นงานใหญ่ชิ้นต่อไปของเขาอาจเป็นงานสุดท้ายของเขาในอาชีพกุนซือก็เป็นได้

แม้ว่า มูรินโญ่ จะได้งานใหญ่อีกงานเร็วกว่าในปีที่ผ่านมา

เนื้อหาใกล้เคียง