ช็อตสร้างตำนานแห่งโบบัน ! กระโดดถีบตำรวจที่กำลังจะทำร้ายแฟนบอล
ตำนานจอมทัพทีมชาติโครเอเชียอย่าง ซโวนิเมียร์ โบบัน ไม่ได้เป็นแค่ที่รักของแฟนบอลทีมชาติโครเอเชียชุดอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1998 หรือของสโมสร เอซี มิลาน เท่านั้น แต่ในสมัยที่เขาค้าแข้งอยู่ในบ้านเกิดกับสโมสร “ดินาโม ซาเกร็บ” ด้วยเช่นกัน
นักเตะรายนี้คือจอมทัพหมายเลข 10 ผู้เก่งกาจของ ซาเกร็บ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันของทีม ดินาโม กับ เรดสตาร์ เบลเกรด (ในสมัยที่ ดินาโม ซาเกร็บ ยังเล่นอยู่ในลีกยูโกสลาเวียเดิม ยังไม่แยกประเทศและตั้งลีกใหม่) มันคือการแข่งขันดาร์บี้แมตช์ และได้เกิดเหตุตะลุมบอนกันในสนามทั้งนักเตะ แฟนบอล จนทำให้ตำรวจที่คุมความปลอดภัยในสนามต้องช่วยกันห้ามศึกและมีการเอากระบอกไล่ฟาดแฟนบอลด้วย
โบบัน ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทนเห็นสิ่งที่ตำรวจยูโกสลาเวียทำกับแฟนบอลของ ดินาโม ซาเกร็บ ไม่ได้ ตัวของเขาจึงใช้เท้าขวาชั่งทองที่ปกติเอาไว้เปิดบอลหรือยิงประตูในสนาม ใช้ในการถีบเต็มหลังของตำรวจนายหนึ่งที่กำลังเอากระบองไล่ฟาดแฟนบอลเข้าอย่างจังเลยทีเดียว และนั่นก็คือช็อตเด็ดที่ทำให้แฟนบอลมากมายยกย่องตัวของ โบบัน เป็นอย่างมาก
ช็อตสร้างตำนานลูกยิง “ปีศาจ” จากปลายสตั๊ดของ ครัฟฟ์
นักเตะธรรมดาๆนั้น บางทีแค่ยิงประตูลูกธรรมดาๆยังยากเลย แต่ว่าเมื่อเป็นกองหน้าระดับตำนานอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ไอ้ครั้นจะยิงประตูธรรมดาๆเหมือนชาวบ้าน มันคงเหมือนกับว่าโลกไม่จดจำแน่นอน !
ตลอดอาชีพค้าแข้งของจอมทัพรายนี้ เขาระเบิดตาข่ายคู่แข่งได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งการยิง ทั้งการแอสซิสต์ การเลี้ยงบอล การทำเกม ทุกอย่างนั้น ครัฟฟ์ สามารถทำได้ทั้งหมด และยังยิงประตูสวยๆ งดงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะมานักต่อนักแล้ว แต่ว่า 1 ในประตูจากกว่า 300 กว่าลูกที่ ครัฟฟ์ ยิงได้นั้น มันทำให้ ครัฟฟ์ กลายเป็นตำนานที่อยู่ในใจของแฟนบอลไปเลย
ในสมัยที่ ครัฟฟ์ ไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า เขาได้รังสรรค์ประตูสุดสวยเอาไว้ในเกมที่เจอกับ แอตเลติโก้ มาดริด โดยในเกมนี้ มันเป็นจังหวะที่ คาร์เลส เรซัค เพื่อนสนิทของเขาซึ่งเป็นตัวริมเส้นทีมชาติสเปน จัดการเปิดบอลลอยโด่งเข้ามาในเขตโทษ
ตามปกตินั้นถ้าหากว่าเป็นลูกเปิดแบบนี้ ถ้าเป็นกองหน้าทั่วไป ก็คงจะหาจังหวะกระโดดโขกหรือหาทางพักบอลลงพื้นแล้วยิงด้วยเท้าตามปกติ แต่มันไม่ใช่สำหรับชายชื่อ ครัฟฟ์ ! เมื่อเขาได้พุ่งตัวเอาเท้าขวาไปถีบบอลเต็มๆ ส่งผลให้บอลพุ่งเข้าประตูไปแบบงงๆ โดยที่แม้แต่ผู้รักษาประตูของ แอตเลติโก้ มาดริด ก็ไม่คิดว่า ครัฟฟ์ จะยิงแบบนี้
หลังจากที่ลูกยิงดังกล่าวเกิดขึ้นนั้น มันส่งผลให้แฟนบอลของ บาร์เซโลน่า ถึงกับตั้งชื่อลูกยิงนี้ของ ครัฟฟ์ ว่า “แฟนธอมโกล” หรือที่แปลเป็นไทยได้ก็คือ “ลูกยิงประตูปีศาจ”
ดูตลกดีเช่นกัน ลูกยิงปีศาจที่เกิดจากการยิงของ “เทวดา” ที่ชื่อว่า ครัฟฟ์
มันข้ามเส้นไปแล้วหรือยัง !? ช็อตการยิงโดนคานเต็มๆของ เจฟฟ์ เฮิร์สต์
เราจะย้อนกลับไปยังช่วงเวลาการแข่งขันฟุตบอลโลก 1966 ซึ่งมันเป็นการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติเยอรมันตะวันตก ที่ได้หลุดเข้ามาชิงชนะเลิศอีกครั้ง ซึ่งหนนี้มันเป็นการเจอกับทีมที่เป็นเจ้าภาพอย่างทีมชาติอังกฤษที่ได้เข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก
ฝั่งของเยอรมันนั้น อาศัยนักเตะพลังหนุ่มหลายคนเป็นตัวทะลวงอังกฤษ โดยเฉพาะกับการที่เยอรมันมียอดดาวรุ่งที่เล่นในตำแหน่งลิเบอโรอย่าง ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ ที่ได้รับมอบหมายให้ตามประกบติดตัวของ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เพลย์เมกเกอร์ของอังกฤษที่ซึ่งเวลานั้นกำลังอยู่ในจุดพีคสุดๆเลยทีเดียว และนอกจากนี้ยังมียอดดาวเตะรายอื่นๆอีกมากมายที่พร้อมจะทำให้อังกฤษสามารถวัดฝีเท้ากับทีมไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวของ บ๊อบบี้ มัวร์ กองหลังกัปตันทีม , มาร์ติน ปีเตอร์ส ปีกเท้าชั่งทองของ สเปอร์ส , อลัน บอลล์ มิดฟิลด์หัวแดงเพลิงที่อยู่ในวัย 21 ปี , เจฟฟ์ เฮิร์สต์ กองหน้าตัวเป้าที่สามารถผลิตสกอร์ได้อยู่ตลอดเวลา
ในเกมนี้ ช็อตดราม่ามันเกิดขึ้นในช่วงใกล้จะจบเกมแล้วนั่นเอง เมื่อตัวของ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ที่ยิงได้ไปแล้ว 1 ประตูในเกมนี้ ซัดบอลเต็มหลอดไปโดนคานเต็ม บอลได้เด้งลงมาบนพื้นก่อนที่จะกระดอนออกมา และนักเตะอังกฤษก็ได้เข้าไปรุมประท้วงกรรมการว่าบอลได้ข้ามเส้นประตูไปแล้ว มันสมควรได้ประตู ส่วนทางนักเตะเยอรมันเองก็ยืนยันได้ว่า บอลไม่ได้ข้ามเส้นแถมกระดอนลงมา ก็ไม่ได้ตกลงบนเส้นประตูหรือหมิ่นๆจะเข้าประตูด้วยซ้ำ
และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าว ก็ได้ปรึกษากับทางผู้ช่วยผู้ตัดสินและไลน์แมนว่าจังหวะดังกล่าวนั้นสมควรจะเป็นประตูหรือไม่ หลังจากหารือกันอยู่นาน ผู้ตัดสินก็ตัดสินใจให้จังหวะดังกล่าว เป็นประตูของอังกฤษ ซึ่งนั่นก็ทำให้อังกฤษกลับมานำเป็น 3-2 ท่ามกลางความไม่พอใจของนักเตะเยอรมันและแฟนบอล
แต่สุดท้ายนั้นจะยังไงก็ตาม นักเตะเยอรมันที่กำลังหัวร้อนและสมาธิหลุด ก็มาสังเวยประตูที่ 4 เข้าให้จาก เจฟฟ์ เฮิร์สต์ คนเดิมที่ยิงแฮททริกเข้าไป และมันก็เป็นการย้ำชัยให้ทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 บนแผ่นดินตัวเองได้สำเร็จ