เลรอย ซาเน่ กับการเป็นซูเปอร์ซัพที่ดีที่สุดในโลกของ บาเยิร์น มิวนิค

เลรอย ซาเน่ กับการเป็นซูเปอร์ซัพที่ดีที่สุดในโลกของ บาเยิร์น มิวนิค

นับตั้งแต่ เลรอย ซาเน่ ย้ายจาก ชาลเก้ 04 ไปยัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016 โดยได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ดีที่สุดในฟุตบอลยุโรป กับความคาดหวังในการเป็นนักเตะระดับโลกในอนาคต โดยย้ายทีมด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์ กับอายุ 20 ปีในช่วงเวลานั้น เข้ามายังเอติฮัด สเตเดี้ยม พร้อมกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมชาวคาตาลัน

มันอาจจะโต้แย้งยากว่านักเตะไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นให้กับแมนฯ ซิตี้ หลังจากลงสนามให้กับทีม 3 ฤดูกาล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และเอฟเอ คัพ 1 สมัย ทำได้ 25 ประตู กับ 28 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 90 เกมในพรีเมียร์ลีก โดยยังมีประตูที่น่าจดจำในเกมที่พบกับลิเวอร์พูล เดือนมกราคมปี 2019 ทำให้เป็นจุดเปลี่ยน และทำให้ทีมของกวาร์ดิโอล่าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ได้สำเร็จ แถมยังเก็บคะแนนได้ถึง 98 คะแนน มากกว่าทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์เพียง 1 คะแนน

เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี เส้นทางของปีกชาวเยอรมันทำให้ต้องเปลี่ยนอีกครั้ง หลัง บาเยิร์น มิวนิค แสดงความสนใจในตัวซาเน่ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เมื่อนักเตะบาดเจ็บเอ็นไขว้หัวเข่าฉีกขาดในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่พบกับลิเวอร์พูลในเดือนสิงหาคมปี 2019 ทำให้นักเตะต้องใช้เวลาเกือบปีสำหรับการพักฟื้นอาการบาดเจ็บ จนทำให้เวลาในการย้ายไปร่วมทีมในแคว้นบาวาเรียต้องเลื่อนออกไป

สำหรับการลงสนาม 11 นาที ให้กับแมนฯ ซิตี้ ในเกมที่เอาชนะเบิร์นลี่ย์ได้ 5-0 กลายเป็นเกมเดียวที่นักเตะลงสนามให้กับทีม เมื่อบาเยิร์นกลับมาพยายามคว้าตัวนักเตะไปร่วมทีม เมื่อเป็นทีมในบ้านเกิดและเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กับประวัติศาสตร์ที่สร้างเอาไว้มากมาย ทำให้สุดท้ายแล้วการย้ายทีมของซาเน่ก็เกิดขึ้น

แม้ว่าซาเน่จะประสบความสำเร็จและคว้าแชมป์ได้หลายรายการกับแมนฯ ซิตี้ แต่เรื่องที่น่าแปลกใจก็คือนักเตะไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ แถมยังต้องเจอกับอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่ได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าการย้ายมายังบาเยิร์น ซาเน่ก็เจอกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยนักเตะยังเสียตำแหน่งให้กับฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และอิวาน เปริซิช อยู่หลายครั้ง ในขณะที่ฮานซี่ ฟลิค ผู้จัดการทีมก็ยังออกมากล่าวเรียกร้องและกระตุ้นนักเตะ

ซาเน่ยังทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวสำรอง โดยมีส่วนร่วมกับการทำประตูให้กับทีมเฉลี่ย 1 ประตูต่อ 42 นาที จากการลงสนามในบุนเดสลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นการลงสนามด้วยตัวสำรอง 6 จากทั้งหมด 10 เกม แทบจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดี สำหรับการเป็นซูเปอร์ซัพที่ดีที่สุดในโลก

เนื้อหาใกล้เคียง