คริสเตียน อิริคเซ่น “ที่ สเปอร์ส ผมถูกมองว่า เป็นแกะดำ”

คริสเตียน อิริคเซ่น ลั่น ที่ สเปอร์ส ผมถูกมองว่า เป็นแกะดำ

จากที่มาในรายงานของ บ้านผลบอล คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพทีมชาติเดนมาร์ก ของ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา บอกว่าเขาถูกมองว่าเป็น “แกะดำ” ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส อดีตต้นสังกัดเก่าในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้ว่าเขาจะแสดงความซื่อสัตย์ออกมามากแค่ไหนก็ตาม

อีริคเซ่น ย้ายจาก สเปอร์ส ไปร่วมทีม อินเตอร์ ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เขาค้าแข้งกับพลพรรค “ไก่เดือยทอง” นานถึง 6 ปีครึ่ง โดยดาวเตะวัย 27 ปี แสดงความต้องการจะย้ายทีมตั้งแต่หลังเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่พ่าย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

อดีตกองกลาง สเปอร์ส ซึ่งจะหมดสัญญากับ “ไก่เดือยทอง” ในช่วงซัมเมอร์นี้นั้น กล่าวกับ “บีบีซี” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “ผมถูกโจมตีว่าเป็นคนสร้างปัญหาให้กับสโมสร และถูกมองว่าเป็นคนเลว”

ขณะเดียวกัน อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ อินเตอร์ เสนอทางเลือกให้กับ อีริคเซ่น และมิดฟิลด์ทัพ “โคนม” ก็ไม่รอช้าที่จะตัดสินใจเดินออกจากถิ่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ไปเล่นกับ “งูใหญ่” หลังจากที่อนาคตของเขาไม่ชัดเจนมาเป็นเวลาหลายเดือน

อีริคเซ่น กล่าวต่อว่า “ใช่เลย อังกฤษในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามันน่าตื่นเต้นมาก แต่หลังจากที่ผมพูดว่าต้องการย้ายทีมในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ทุกคนก็มองแค่ว่า ผมจะจากไปเมื่อไหร่ ทุกเกมมันคือ คำถามว่าผมกำลังจะไปใช่ไหม หรือผมจะไม่จากไปหรือเปล่า แน่นอนว่าผู้คนจำนวนมากกำลังพูดถึงมัน”

“แม้แต่แฟนๆ สเปอร์ส ที่คุณเห็นบนท้องถนนก็เหมือนพวกเขาจะเข้ามาบอกว่า ขอบคุณ, ลาก่อนและขอให้โชคดี แต่ผมก็ยังอยู่ที่นั่น มันแปลกไปหน่อยในความคิดของผม และสำหรับตัวผมเองก็แค่ปล่อยวางและผมสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง”

เมื่อถูกถามว่า สามารถคิดย้อนกลับไปสู่รอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีที่แล้วได้หรือไม่ ซึ่งเห็นชัดว่ามันเป็นคืนที่น่าผิดหวังของ สเปอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โค้ชชาวอาร์เจนตินา และ อีริคเซ่น เองนั้น ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า กำลังคิดเกี่ยวกับความท้าทายครั้งใหม่ โดยสิ่งเหล่านั้นรบกวนหรือส่งผลกระทบต่อเขาหรือไม่?

มิดฟิลด์ตัวใหม่ อินเตอร์ ตอบว่า “ผมจะไม่บอกว่ามันส่งผลกระทบต่อผมในอังกฤษ เมื่อสัญญาของคุณใกล้จะหมดลง มันก็เหมือนกับว่าคุณต้องจากไปแล้ว ในตอนท้ายซีซั่นที่ผ่านมาผมเล่นไปประมาณ 30 เกม นี่อาจเป็นเกมสุดท้ายของผม มันวนเวียนอยู่แบบนี้”

“แต่ในหัวของผม ผมพร้อมที่จะลองอะไรใหม่ๆ แต่รู้สึกว่าถ้ายังไม่มีอะไรเข้ามาให้พิจารณา ผมก็ยังพร้อมที่จะเล่นให้กับทีมต่อไป ผมไม่ได้เป็นผู้เล่นที่คิดอะไรแตกต่างจากนั้น แต่ผมไม่ได้อยู่ในทีมเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าผมมีสัญญา 4 ปี ผมก็ยังคิดว่าฤดูกาลนี้มันคงยากลำบากสำหรับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากจมเกบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีที่แล้ว” อีริคเซ่น กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าปัญหาที่ สเปอร์ส ถูกผลักกลับมาหาคุณ และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของคุณ อีริคเซ่น กล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น หากคุณเหลือสัญญาไม่กี่เดือน คุณจะเป็นแกะดำในทีม แน่นอนว่าผมทำการให้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งแล้ว ผมซื่อสัตย์มาก ผมรู้สึกว่าผมต้องซื่อสัตย์กับทีมและตัวเอง ผมไม่ต้องการปิดบังอะไรทั้งนั้น มีผู้เล่นมากมายที่แตกต่างกันออกไป แต่ผมซื่อสัตย์ ผมอยากพูดมันออกมาดังๆ”

“ผมถูกโจมตีว่าเป็นคนสร้างปัญหาให้กับสโมสร และถูกมองว่าเป็นคนเลวในห้องแต่งตัว แต่ถ้าผมบอกว่า ผมอยากจะย้ายออกไปมันก็ไม่ดีเลยเพราะผมยังอยู่ที่นั่น ด้วยความสัตย์จริงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีนักเตะหลายคนคิดเรื่องการย้ายทีม แต่ผมเป็นคนที่พูดออกมาอย่างเปิดเผย”

นอกจากนี้ อีริคเซ่น ยังกล่าวถึงกรณีของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคนใหม่ของ สเปอร์ส ว่า “เมื่อตลาดนักเตะยังไม่เปิด เราก็ได้แค่พูดคุยกันเท่านั้น แต่มันไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเลย ผมคิดว่า มูรินโญ่ ทำงานของเขาได้ดีแล้ว เขาอาจพูดว่า ถ้าผมอยากย้ายออกไป ผมจะไม่ได้เล่นอีกต่อไป แต่เขาไม่ทำแบบนั้น”

“หลังจากที่ผมบอกเขาว่า ความรู้สึกของผมอยู่ตรงไหน และสิ่งไหนที่ผมต้องการจะทำ โชเซ่ บอกผมว่า เขามีความสุขมากถ้าผมอยากจะเล่นกับทีมต่อไปอีก 2-3 เกม และช่วยสร้างความแตกต่างให้กับทีม มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้ง”

อีริคเซ่น ยังกล่าวถึงผลงานของ สเปอร์ส เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

นอกจากนี้ อีริคเซ่น ยังกล่าวถึงผลงานของ สเปอร์ส เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาว่า “การเข้าไปถึงนัดชิงฯศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษในประวัติศาสตร์ของ ท็อตแน่ม มันเป็นครั้งแรกที่ยอดเยี่ยม และสวยงามมาก แต่คุณแพ้ และในวันถัดไปมันเป็นเหมือนจุดสิ้นสุดของโลกนั่นคือวิถีทางของฟุตบอล”

“หลังจากนั้นมันเป็นเรื่องยาก เพราะแฟนบอลยังคงโศกเศร้าจากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก รอบชิงชนะเลิศ และเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่คุณได้รับผลการแข่งขันไม่ดีเพียงเล็กน้อย จากนั้นคุณก็เข้าสู่สิ่งที่คุณไม่คุ้นเคย และมันก็ยากที่จะกลับมา”

“แต่ถ้าคุณดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้มี ลิเวอร์พูล เพียงทีมเดียวเท่านั้นที่โดดเด่นกว่าทีมอื่นๆ ทุกๆทีมพยายามทำผลงานให้ดีไม่ใช่แค่ ท็อตแน่ม เท่านั้น และประวัติศาสตร์ 5 ปีที่ผ่านมาของ ท็อตแน่ม พวกเขาไม่เคยมาถึงจุดนี้มาก่อน และมันไม่ใช่จุดจบ มันแค่เราไม่ได้สิ่งที่เราคาดเอาไว้”

กองกลางชาวเดนมาร์ก กล่าวถึงเรื่องการย้ายทีมว่า “ในท้ายที่สุดมันก็ลงมาสู่สิ่งที่ ท็อตแน่ม ต้องการและ อินเตอร์ พร้อมที่จะจ่ายค่าตัวของผม ในท้ายที่สุดคุณจะถูกควบคุมโดย ท็อตแน่ม และคุณถูกควบคุมโดย ดาเนียล เลวี ประธานสโมสร เขาจะเป็นคนพูดว่า ใช่หรือไม่ใช่ คุณพยายามเป็นมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่ควรบังคับอะไรเลยในทางใดก็ตาม”

อีริคเซ่น เปิดเผยว่า ทำไมเขาถึงเลือก อินเตอร์ ทั้งที่มีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เป็นประจำ โดยอดีตแข้ง สเปอร์ส กล่าวว่า “ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มันมีหลายสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ เราได้พูดคุยกับพวกเขา (แมนฯยูไนเต็ด) แน่นอน และเราได้ยินสิ่งที่เป็นไปได้ และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้วโดยส่วนตัวแล้ว ผมต้องการความท้าทายใหม่ ในพรีเมียร์ลีกคงเป็นทางออกที่ง่ายไปหน่อย”

“แน่นอนว่าการอยู่ที่ ท็อตแน่ม ต่อไปก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่สำหรับผมแล้ว ผมแค่อยากลงมือลองความท้าทายใหม่ในประเทศใหม่ และเมื่อ อินเตอร์ ติดต่อเข้ามา มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ยากเลย”

อดีตเด็กปั้น อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในศึกเอริวีซี่ลีก ฮอลแลนด์ กล่าวถึงชีวิตค้าแข้งกับ อินเตอร์ ว่า “ใช่เลย วัฒนธรรมที่นี่แตกต่างจากอังกฤษเล็กน้อย รวมทั้งในเรื่องภาษาด้วย และผมไม่ใช่คนเดียวที่ไม่เข้าใจทุกอย่างในภาษาอิตาลี มันสนุกมากที่เพื่อนร่วมทีมหลายคนจะเข้ามาพูดคุยกับคุณ”

“นั่นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนักในอังกฤษ ผมไม่รู้ว่ามันจะทำให้ง่ายขึ้นหรือเปล่า คุณสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณจะใช้ชีวิตอยู่ บ้านประเภทไหนที่คุณกำลังมองหา และเกิดอะไรขึ้นรอบตัวคุณบ้าง คุณสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้หลายเรื่อง พวกเขาเป็นกลุ่มผู้เล่นที่ดีมากๆ”

“มันไม่ง่ายเลยที่จะย้ายมาที่ อินเตอร์ ในเดือนมกราคม เพราะทุกคนอยู่ในระดับความฟิตเท่าเดิม พวกเขาฝึกซ้อมกันทุกวัน และผมต้องพยายามทำตัวให้สอดคล้องกับวิธีที่พวกเขาเล่น และเรียนรู้สิ่งต่างๆที่พวกเขาทำ”

นอกจากนี้ การย้ายมาเล่นกับ อินเตอร์ ทำให้ อีริคเซ่น ยังมีโอกาสได้ดวลแข้งกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยอดหัวหอกชาวสวีเดนของ เอซี มิลาน และ ไซม่อน เคียร์ กองหลังเพื่อนร่วมทีมชาติเดนมาร์ก ของ อตาลันต้า อีกด้วย

“ซลาตัน นำชื่อเสียงอันโด่งดังของเขามาที่ลีกแห่งนี้ และ ไซม่อน เคียร์ ก็เล่นอยู่กับ อตาลันต้า เขาอยู่ไม่ไกลนักจากผม และมันจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เผชิญหน้ากับเขา ผมคิดว่ามันสนุกมาก และเราจะมาดูกันว่าตอนจบซีซั่นเราจะอยู่ในอันดับใดในลีก” จอมทัพ อินเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย

อินเตอร์ ทำให้ อีริคเซ่น ยังมีโอกาสได้ดวลแข้งกับ ซลาตัน

เนื้อหาใกล้เคียง