งานที่ต้องทำให้ แวร์เนอร์ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

งานที่ต้องทำให้ แวร์เนอร์ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

นอกจากฟอร์มการเล่นที่ดำดิ่งหาความแน่นอนไม่ได้ แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลด้วยความน่าประทับใจ แต่การแพ้ถึง 5 จาก 8 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกของ เชลซี กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผลงานไม่ดีเหมือนเก่า ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมา ติโม แวร์เนอร์ ด้วยเช่นเดียวกัน หลังไม่สามารถทำประตูให้กับทีมในช่วงหลังได้ แม้จะทำได้บ้างในฟุตบอลถ้วย แต่ระดับการเล่นสูงสุดกลับไม่สามารถทำได้ กลับขาดความมั่นใจไปดื้อๆ

โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมคนใหม่รับรู้ถึงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี เมื่อเข้ามารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แน่นอนว่าเป้าหมายคือการกลับมาทำให้ดาวยิงชาวเยอรมันโชว์ฟอร์มที่เปรี้ยงปร้างอีกครั้ง เมื่อทำให้นักเตะกลับมายิ้มได้ยามที่อยู่ในสนาม หลังต้องเจอกับช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำ กับผลงานตลอด 1 เดือนหลังสุด ทั้งที่ทีมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนน แต่กลับใช้เวลาเพียง 1 เดือนกว่าๆ จนรูดลงมาอยู่ในอันดับที่ 10 ณ ปัจจุบัน

แวร์เนอร์ทำประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้มาแล้ว 11 เกมติดต่อกัน ในขณะที่หลายคนคาดว่าดาวเตะวัย 24 ปี จะกลับมาเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุดได้อีกครั้ง เมื่อสิงห์บลูได้ทูเคิ่ลเข้ามาคุมทีม แต่แวร์เนอร์กลับประเดิมด้วยการเป็นตัวสำรองโดยไม่ได้ถูกส่งลงสนามในเกมที่เปิดบ้านเสมอกับวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ด้วยสกอร์ 0-0

ทูเคิ่ลรู้ดีกับความพยายามของตัวเขาที่จะต้องสร้างผลงานให้กับทีม รวมถึงฟอร์มการเล่นที่มั่นใจของแวร์เนอร์อีกครั้ง โดยกล่าวว่า “ทำไมผมถึงไม่ใช้เขาในเกมเมื่อวันพุธ ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่ใบหน้าของเขาสักเท่าไหร่ มันเหมือนมีแรงกดดันอยู่ที่ตัวเขา เขาใส่ใจกับเรื่องนั้นมาก มันเป็นคาแร็คเตอร์ที่ยอดเยี่ยมที่เขาแสดงออกมา ในฐานะกองหน้า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าคุณไปแคร์เรื่องนั้นมาก บางครั้งมันดีกว่า หากคุณจะไปสนใจทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นมากนัก เขาดูสนใจและไม่มีความสุขกับตัวเขา กับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา”

“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเขาขึ้นมาใหม่และหารอยยิ้มบนใบหน้าของเขา หยุดสงสัยเรื่องต่างๆ มากมาย มันคืองานของผม กับการช่วยเขา โดยเฉพาะเรื่องเหล่านี้ มันเป็นจุดแข็งของเขา กับสิ่งที่พวกเราสามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้”

อีกหนึ่งความกดดันของแวร์เนอร์ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย สำหรับการย้ายจากแอร์เบ ไลป์ซิก มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ หลังบาเยิร์น มิวนิค มองว่าเป็นเงินจำนวนที่มากเกินไป

เนื้อหาใกล้เคียง