การแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021-22 นับเป็นฤดูกาลที่ 3 ที่มีการนำ VAR เข้ามาช่วยการตัดสิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งยังเป็นที่ถกเถียงถึงการตัดสินด้วยเหมือนกัน เมื่อสุดท้ายก็ยังเป็นผู้ตัดสินที่ใช้ดุลยพินิจในการตัดสินอยู่ดี แม้จะมีเทคโนโลยีมาช่วย โดยพวกเราจะพาไปสถิติการใช้ VAR จะเป็นบวก หรือเป็นลบต่อทีมไหนมากกว่ากัน หลังผ่านมา 11 เกม กับทีมใหญ่ๆ ที่น่าสนใจ
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ +3
จังหวะที่โดดเด่นคือ การทำประตูของ แฮร์รี่ เคน ในเกมกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อตัดสินให้เป็นจังหวะล้ำหน้า ก่อนที่จะเปลี่ยนคำตัดสิน และให้เป็นประตู ช่วยให้นักเตะโล่งอก หลังต้องดิ้นรนในการทำประตูในพรีเมียร์ลีก
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด +3
หนึ่งในทีมท้าชิงท็อปโฟร์ฤดูกาลนี้ หลังขั้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางคะแนน และเกมล่าสุดเพิ่งเอาชนะลิเวอร์พูล มาด้วยสกอร์ 3-2 ยัดเยียดความปราชัยเกมแรก โดยการตัดสิน VAR เป็นบวกต่อทีม กับเกมที่พบกับแอสตัน วิลล่า จนกลายเป็นใบแดงของเอซรี คอนซ่า
ลิเวอร์พูล +2
เกมสุดสำคัญที่พบกับเชลซี หลังถูกนำไปก่อน เมื่อมีการใช้ VAR จังหวะเป็นใบแดงของ รีซ เจมส์ และเป็นจุดโทษ แม้ว่าสุดท้ายจะทำได้เพียงเสมอด้วยสกอร์ 1-1 และการทำประตูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังถูกแก้ให้เป็นล้ำหน้า
อาร์เซน่อล +1
อารอน แรมส์เดล ถูกผู้ตัดสินมองว่าทำฟาวล์มาเตย์ วีดร้า และเสียจุดโทษ แต่เมื่อมีการดู VAR แล้ว ปรากฏว่าจุดโทษถูกยกเลิก และทำให้ทีมชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 แต่ทีมก็ยังมาโดนจับล้ำหน้ากับการทำประตูของบูกาโย่ ซาก้า ในเกมที่พบกับวัตฟอร์ด
เชลซี +1
นักเตะในทีมโมโหจัดกับจังหวะใบแดงของเจมส์ ในเกมที่พบกับลิเวอร์พูล หลังเสียจุดโทษด้วย แต่ทีมก็มีการตัดสินที่เข้าทาง กับการยิงจุดโทษของทีมในเกมที่พบกับนอริช ซิตี้ หลังทิม ครูล ทำผิดกฎ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ -1
ประตูที่ถูกเปลี่ยนเป็นจังหวะล้ำหน้า กับการทำประตูของเฟร์ราน ตอร์เรส ในเกมกับนอริช ซิตี้ และการทำประตูของกาเบรียล เชซุส ที่พบกับคริสตัล พาเลซ โดยเกมหลังทีมต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-0 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด -2
ลุค ชอว์ ถูกจับว่าทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ หลังดู VAR ในเกมที่พบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ก็ยังโชคดีที่มาร์ค โนเบิ้ล สังหารไม่เข้า รวมถึงจังหวะการทำประตูของโรนัลโด้ ในเกมที่พบกับลิเวอร์พูล ที่ถูก VAR จับให้เป็นจังหวะล้ำหน้า
