พูลิซิช ไม่ควรตกใจกับโอกาสที่ถูกจำกัดในทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม”

พูลิซิช ไม่ควรตกใจกับโอกาสที่ถูกจำกัด

การย้ายทีมของ คริสเตียน พูลิซิช ปีกดาวรุ่งทีมชาติสหรัฐอเมริกา จาก “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรดังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ไปยัง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น มีความตื่นเต้นและความกังวลใจเท่าๆกัน

ความคาดหวังมาจากการที่ พูลิซิช มุ่งหน้าไปยังสโมสรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง เชลซี โดยมีค่าตัวมหาศาลมากกว่า 3 เท่าของสถิติที่ผ่านมาสำหรับนักฟุตบอลชาวอเมริกัน ซึ่งหาก ดาวเตะวัย 21 ปี สามารถก้าวมาเป็นตัวหลักกับ “สิงห์บลูส์” ได้ มันมีโอกาสที่เขาจะสามารถดำเนินชีวิตตามคำทำนาย หรือความหวังได้ว่าเขาจะกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

แต่ความกระตือรือร้นนั้น ได้รับความสนใจจากความกังวลว่า พูลิซิช จะได้เล่นเป็นตัวจริงให้กับ เชลซี ได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลังกับ ดอร์ทมุนด์ นั้น ตัวรุกชาวอเมริกัน ได้ลงเล่นไม่มากนัก เนื่องจากมีปัญหาการบาดเจ็บรบกวน และการแจ้งเกิดของ จาดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ ที่ย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เมาริซิโอ ซาร์รี่ อดีตผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ของ เชลซี เป็นคนตัดสินใจเซ็นสัญญากับ พูลิซิช ในสมัยที่เขายังกุมบังเหียนในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ปัจจุบัน ซาร์รี่ ย้ายกลับไปคุม ยูเวนตุส ในบ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว และ แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตนักเตะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เข้ามารับช่วงคุมทีมต่อ

เพียงแค่ 6 สัปดาห์ในซีซั่นใหม่ พูลิซิช แสดงความสามารถอย่างกระตือรือร้นให้กับ เชลซี เมื่อเขาเป็นคนแอสซิสต์ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หัวหอกชาวฝรั่งเศส ยิงประตู ลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเขาพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการ์ที่ยากลำบาก

อดีตแข้ง ดอร์ทมุนด์ ให้ความสำคัญในการแสดงออกถึงพยายามอย่างหนักที่จะสร้างผลกระทบกับทีม แต่บ่อยครั้งที่เขาเลือกเล่นอย่างปลอดภัย คำว่าพอใช้ได้ เป็นคำที่ใช้ในการประเมินฟอร์มการเล่นของ พูลิซิช กับ เชลซี ในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับ พูลิซิช นั่นยังไม่เพียงพอที่จะรักษาตำแหน่งตัวจริงของเขาในทีม เชลซี ได้ แม้ว่าเขาจะได้กลับมาลงสนามในเกมศึกฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ ที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เปิดบ้านไล่ถล่ม กริมสบี้ ทาวน์ 7-1 เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมาก็ตาม

ในบางกรณี อาทิ ในเกมที่ เชลซี เปิดบ้าน พ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 2-1 นั้น แลมพาร์ด ถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนตัวสำรอง 2 คน ในครึ่งเวลาแรก เมื่อ เอเมอร์สัน แบ็คซ้ายชาวบราซิล และ อันเดรส คริสเตนเซ่น กองหลังทีมชาติเดนมาร์ก ได้รับบาดเจ็บ โอกาสลงสนามของ พูลิซิช จึงหมดไปโดยปริยาย

แต่มันมีเหตุการณ์อื่นๆที่ทำให้ พูลิซิช ท้อใจมากขึ้น เมื่อ เมสัน เมาท์ กองกลางดาวรุ่งชาวอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงต้นเกม ในนัดที่ เชลซี พ่ายให้กับ บาเลนเซีย 0-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เปโดร ถูกส่งลงสนามมาก่อนเขา

ขณะเดียวกัน การที่ วิลเลี่ยน กองกลางตัวรุกทีมชาติบราซิล และคัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ หายเจ็บกลับมา ทำให้ตำแหน่งของ พูลิซิช เริ่มสั่นคลอนมากยิ่งขึ้น และการต้องแย่งกันลงสนามมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แลนดอน โดโนแวน อดีตจอมทัพทีมชาติสหรัฐอเมริกา ของ เอฟเวอร์ตัน กล่าวกับ “อีเอสพีเอ็น” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก คุณไม่ต้องการถูกตัดออกจากทีม แต่สัญญาณไม่ได้ดูดีนักสำหรับ พูลิซิช โดยเฉพาะเมื่อคุณมีนักเตะอย่าง เปโดร, รอส บาร์คลี่ย์ และ มิตชี่ บาตชูอายี่ ที่ไม่ได้ลงสนามพร้อมกับคุณในเกมกับ ลิเวอร์พูล คุณคงคิดว่า คริสเตียน กำลังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เคยทำได้”

ขณะที่ เมาท์ ใช้เวลาทั้งหมดของฤดูกาลที่ผ่านมาในการยืมตัวที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ซึ่งมี แลมพาร์ด เป็นผู้จัดการทีม และ เมาท์ ก็ได้อดทนกับช่วงเวลาที่ไม่สม่ำเสมอของเขาเองด้วยการยิงได้ 3 ประตู ให้กับ เชลซี ในซีซั่นนี้

ตรงกันข้าม พูลิซิช ที่ยังไม่สามารถประเดิมประตูแรกอย่างเป็นทางการให้กับ เชลซี ได้เลย ขณะที่คนอื่นๆ อย่าง เปโดร และ วิลเลียน พวกเขาได้รับการพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีก มาแล้ว แม้ทั้ง 2 คน จะมีอายุ 32 และ 31 ปีตามลำดับ

ไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกับ พูลิซิช

เคซี่ย์ เคลเลอร์ อดีตนายทวารชาวสหรัฐฯ ของ เลสเตอร์, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ฟูแล่ม กล่าวว่า “จำนวนเงินที่ เชลซี ซื้อ พูลิซิช มาก็เพื่อต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น และ แลมพาร์ด ไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกับ พูลิซิช เขาไม่ได้พูดว่านี่คือคนที่ผมต้องการและเขาไม่คิดว่านักเตะจะสร้างประโยชน์ให้กับเขาได้ และที่สำคัญ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับในการเซ็นสัญญากับ พูลิซิช”

ดังนั้น กองกลางตัวรุกวัย 21 ปี จะได้รับศรัทธาจาก แลมพาร์ด ได้อย่างไร มีทางเดียวเท่านั้นจริงๆนั่นคือ ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขาระหว่างการฝึกซ้อม และต้องงัดฟอร์มสุดยอดในเกมการแข่งขันเมื่อได้โอกาสลงสนาม

แบรด ฟรีเดล อดีตโกลด์ชาวอเมริกัน ซึ่งเคยเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก กับ หลายสโมสร อาทิ ลิเวอร์พูล, แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส, แอสตัน วิลล่า และท็อตแน่ม กล่าวว่า “มันมีเรื่องการเมืองในทีมน้อยมากตอนผมเล่นอยู่ที่นั่น มันเป็นสถานการณ์ที่ตรงไปตรงมามากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่สำคัญว่านามสกุลของคุณคืออะไร มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะจ่ายเงินค่าตัวให้คุณเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยทั่วไปแรงกดดันต่อตัวเองมีอยู่เสมอ”

“มันจะกลายเป็นว่า การฝึกซ้อม การทำงานหนัก การโชว์ฟอร์มดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในตำแหน่งของคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด รวมถึง การยิงประตู และการแอสซิสต์ และกระหายชัยชนะในเกม หากคุณไม่มีทัศนคติแบบนั้น คุณก็จะไม่ได้ลงเล่น โดยเฉพาะที่สโมสรอย่าง เชลซี เพราะพวกเขาจะต้องถูกกดดันให้ชนะทุกเกม” ฟรีเดล กล่าว

ในบางประเด็นความจริงที่ว่า พูลิซิช กำลังมีปัญหาในการปรับตัว และมันไม่น่าแปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีก และ เชลซี ได้เห็นผู้เล่นที่มีความสามารถหลายรายต้องดิ้นรนกับการย้ายมาเล่นในอังกฤษเป็นครั้งแรก

อดีตนักเตะ เชลซี อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางทีมชาติเบลเยียม และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทีมชาติอิยิปต์ ก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จากนั้นพวกเขาก็ย้ายออกไป ก่อนจะกลับมาโด่งดังในเมืองผู้ดีอีกครั้ง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล มันพูดถึงการปรับตัวที่ทำได้ยาก แม้ว่าคุณจะย้ายมาจากลีกที่มีคุณภาพเช่น บุนเดสลีกา ก็ตาม

“บุนเดสลีกา เป็นลีกที่มีคุณภาพสูงมาก แต่พรีเมียร์ลีกนั้น บ้าคลั่งเกินกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้ มันต้องมีระยะเวลาในการปรับแน่นอนสำหรับผู้เล่นที่ย้ายไปที่นั่น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย” โดโนแวน กล่าว

มีความเห็นพ้องต้องกันว่า พูลิซิช จะได้รับโอกาสเพิ่มเติม โดยเริ่มจากการแข่งขันในฟุตบอลถ้วยอย่างคาราบาว คัพ และเอฟเอ คัพ ซึ่ง แลมพาร์ด ได้พูดถึงโอกาสของอดีตกองกลาง ดอร์ทมุนด์ บ่อยมาก ในขณะที่ความจริงที่ว่า เชลซี กำลังทำงานภายใต้การถูกห้ามซื้อนักเตะใหม่จนกว่าจะถึงช่วงซัมเมอร์

กุญแจสำคัญสำหรับ พูลิซิช คือการคว้าโอกาสของเขาและทิ้งให้ แลมพาร์ด ไม่มีทางเลือกนอกจากส่งเขาลงสนาม นั่นจะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดจากแฟนบอลชาวอเมริกันทั่วโลกที่คอยเอาใช่วยเขา

โดโนแวน กล่าวว่า “มันไม่ใช่เวลาที่จะต้องตกใจ แต่ในช่วงกลางฤดูกาล ถ้ามันไม่เปลี่ยนแปลง เขาก็ต้องพิจารณาว่า ตัวเลือกของเขาคืออะไร เพราะมันจะเข้าสู่ช่วงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกแล้ว และมันจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาต้องได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ”

อีกด้านคือถ้า พูลิซิช ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีม เชลซี ยุคของ แลมพาร์ด ได้ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นและเล่นได้ดีขึ้น ยิ่งกว่านั้น เวลาพิสูจน์ตัวเองยังมีอีกมากสำหรับเขา เนื่องจากค่าตัวมหาศาล และความจริงที่ว่า เขาเซ็นสัญญา 5 ปี

ฟรีเดล กล่าวว่า “ผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่น เมื่อเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แม้ว่ามันอาจจะไม่ดีสำหรับพวกเขาในเวลานี้ก็ตาม แต่มันทำให้ผู้เล่นพยายามหาโอกาสของตัวเอง และเรียนรู้วิธีการเล่นในลีกใหม่ ในท้ายที่สุดมันจะดีสำหรับเขาถ้าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง แฟนๆในสหรัฐอเมริกา ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

อีกด้านคือถ้า พูลิซิช ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีม

เนื้อหาใกล้เคียง