ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ผู้นำคนใหม่แห่งทัพ เรือใบสีฟ้า

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ผู้นำคนใหม่แห่งทัพ เรือใบสีฟ้า

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำของทีมอย่างแท้จริง หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในเกมที่พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ไล่ถล่ม แอสตัน วิลล่า ทีมเยือน 3-0 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

ในเกมนัดดังกล่าว แมนฯซิตี้ ไม่สามารถยิงประตู วิลล่า ได้ในช่วงครึ่งเวลาแรก ก่อนจะมาซัดรวดเดียวในช่วงครึ่งเวลาหลังจาก สเตอร์ลิ่ง, เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม และ อิลกาย กุนโดกัน กองกลางทีมชาติเยอรมัน

อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของ สเตอร์ลิ่ง ในเกมนี้ใกล้ได้รับการขนานนามว่า เป็นนักเตะที่จุดประกายชัยชนะครั้งสำคัญให้กับ แมนฯซิตี้ หลังจากที่เขาเป็นคนซัดประตูให้ทีมขึ้นนำ วิลล่า ในช่วงต้นครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 46 ซึ่งมันไม่น่าประหลาดใจกับคำยกย่องที่เขาได้รับ

มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ อดีตตัวรุก ลิเวอร์พูล โดยในฤดูกาลนี้ สเตอร์ลิ่ง ซัดไปแล้ว 13 ลูกรวมทุกรายการให้กับ แมนฯซตี้ ซึ่งเป็นสถิติที่มากกว่าผู้เล่นพรีเมียร์ลีกอื่นๆอีกด้วย

ขณะเดียวกัน สเตอร์ลิ่ง ยังคอยปั่นป่วน เฟรเดอริก กิลเบิร์ต แบ็คขวาชาวฝรั่งเศส วิลล่า ตลอดทั้งเกม และ ดีน สมิธ ผู้จัดการทีม “สิงห์ผยอง” ก็ออกมายอมรับหลังจบเกมว่า “สำหรับผมแล้ว สเตอร์ลิ่ง นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่เราสามารถหยุดได้เลย เขาไม่เพียงแต่เลี้ยงบอลจี้เข้ามาเท่านั้น แต่เขายังยิงประตูได้ด้วย”

แม้ว่า วิลล่า จะตั้งรับได้เป็นอย่างดีในช่วงครึ่งเวลาแรก แต่นักเตะ แมนฯซิตี้ ที่ปั่นป่วนพวกเขามีเพียงคนเดียวนั่นคือ สเตอร์ลิ่ง โดยปีกชาวอังกฤษ สร้างสรรค์โอกาสได้อย่างมากมายให้กับพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่เขาเปิดบอลให้กับ ดาบิด ซิลบา จอมทัพชาวสเปน บอลจ่อในเขตโทษออกด้านข้างไปอย่างน่าเสียดาย

อดีตดาวเตะ “หงส์แดง” ยังมีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษของ วิลล่า ถึง 4 ครั้ง และประตูที่เขาทำได้ในช่วงครึ่งหลังนับเป็นการยิงในกรอบเขตโทษคู่แข่งลูกที่ 5 ในซีซั่นนี้ ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ เขายังมีการจับบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งมากกว่าผู้เล่นนคนอื่นๆอีกด้วย

ในขณะที่พูดถึงความยอดเยี่ยมของ สเตอร์ลิ่ง นั้น มันกลับเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผู้จัดการทีม วิลล่า อย่าง สมิธ ซึ่งทำให้เขารู้แล้วว่า แมนฯ ซิตี้ นั้น แข็งแกร่งอย่างไร เมื่อได้ครอบครองบอลทำเกมรุก

ขณะเดียวกัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน ของ แมนฯซิตี้ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “มันก็เหมือนกับ VAR เพราะการแถลงข่าวทุกครั้งเราต่างพูดถึง ราฮีม”

อย่างไรก็ตาม นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” ก็ตระหนักดีถึงเหตุผลว่าทำไมต้องพูดถึงปีกชาวอังกฤษ อยู่บ่อยครั้ง โดยกล่าวต่ออีกว่า “ปกติแล้วเราจะใช้ความดุดัน และก้าวร้าวในการทำเกมรุก และมันก็จำเป็นเมื่อคุณมีลูกบอล ผมชอบที่จะใช้ความก้าวร้าวแบบนี้เมื่อคุณครองบอล คนเดียวในครึ่งแรกที่ก้าวร้าวเมื่อเรามีบอลคือ ราฮีม”

คนเดียวในครึ่งแรกที่ก้าวร้าวเมื่อเรามีบอลคือ ราฮีม

“ในช่วงครึ่งหลังนักเตะของเราหลายคนพยายามเล่นให้ได้อย่างเขา เขาแสดงให้เราเห็นว่า เราต้องเล่นอย่างไร และมันก็ดีกว่าเดิมมาก จงก้าวร้าวเมื่อเรามีลูกบอล คุณผ่านบอล และคุณจบสกอร์แต่เราไม่ก้าวร้าว และดุดันมากพอในครึ่งแรก” อดีตโค้ช บาร์เซโลน่า กล่าว

กาเบรียล เฆซุส กองหน้าทีมชาติบราซิล ของ แมนฯซิตี้ แสดงความก้าวร้าวของตัวเองในการเอาชนะ ไทโรน มิงค์ กองหลัง วิลล่า จากนั้นเขาโหม่งบอลให้กับ สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าไปซัดบอลผ่าน ทอม ฮีตัน ผู้รักษาประตู “สิงห์ผยอง“ เป็นประตูขึ้นนำได้สำเร็จ

เฆซุส ได้แอสซิสต์ แต่การตัดสินใจเล่นในจังหวะต่อเนื่องของ สเตอร์ลิ่ง นั้น ยอดเยี่ยมมาก และการสัมผัสบอลแรกที่นุ่มนวลกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปแล้ว รวมถึงการจบสกอร์ที่คมกริบเมื่อมีโอกาสหลุดเดี่ยว

มันเป็นปฏิกิริยาที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่องจากศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่ แมนฯซิตี้ เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ถล่ม อตาลันต้า 5-1 ในคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่ง สเตอร์ลิ่ง ซัดแฮตทริก เขายังคงต้องการพัฒนาตัวเองมากขึ้น นี่คือผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุง และเมื่อคุณมีความสามารถเท่าที่เขามีความมุ่งมั่นที่จะรับประกันว่าเขาจะดีขึ้น และตอนนี้เขาต้องการทำแบบนั้นทุกเกมด้วยเช่นกัน

กวาร์ดิโอล่า กล่าวว่า “สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ ราฮีม คือหลังจากทำแฮตทริกกับ อตาลันต้า ได้ เขายังช่วยแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมและเรียกจุดโทษ รวมถึงมีส่วนร่วมกับทุกอย่างในเกม ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็พูดว่าเขาเก่งแค่ไหน” กวาร์ดิโอล่า กล่าว

“โดยปกติในเกมถัดไปที่คุณอาจเล่นได้ดีเหมือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับเขามันตรงกันข้าม เขาเล่นได้ดีเกือบทุกเกม เขาเล่นเหมือนตัวเองอยู่ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของชีวิต ผมคิดว่ามันเป็นจุดแข็งของเราในฐานะทีมในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อทำงานร่วมกันในทุกๆเกม ผมภูมิใจมาก” นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” กล่าว

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สูญเสียผู้นำในห้องแต่งตัว หลังจากที่ แว็งซองต์ กอมปานี อดีตกองหลังกัปตันทีมชาวเบลเยียม อำลาสโมสรไปเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่ความเป็นผู้นำนั้นมีหลายรูปแบบ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ สเตอร์ลิ่ง เป็นผู้ยิงประตูจุดประกายความหวังให้กับทีม

ในตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าดาวเตะ “สิงโตคำราม” กลายเป็นผู้นำของ “เรือใบสีฟ้า“ อย่างเต็มตัว

สเตอร์ลิ่ง เป็นผู้ยิงประตูจุดประกายความหวังให้กับทีม

เนื้อหาใกล้เคียง