เจา ซาคราเมนโต้ ผู้ช่วยคนใหม่ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น แต่เขามีประสบกาณ์ในการทำงานร่วมกับยอดกุนซืออย่าง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า, เคลาดิโอ รานิเอรี่ และ เลโอนาร์โด จาร์ดิม มาแล้ว
สำหรับใครก็ตามที่ยังคงต้องการความเชื่อมั่นว่า มูรินโญ่ เป็นคนใหม่ที่มีความคิดใหม่จริงๆ เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตของตัวเอง และปรับปรุงวิธีการของเขาตามแนวทางนั้น และแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่ดีที่สุดก็คือ ซาคราเมนโต้ ที่จะนั่งข้างเขาในซุ้มมานั่งสำรอง
ในวัยเพียง 30 ปี ซาคราเมนโต้ เข้ามารับบทบาทผู้ช่วยของ มูรินโญ่ ในทีม สเปอร์ส เขาเป็นโค้ชที่มีอายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก และยังอายุน้อยกว่าผู้เล่นบางคนของ “ไก่เดือยทอง” ที่เขากำลังช่วยดูแลอยู่อีกด้วย แต่เขานำแรงผลักดันที่สดใหม่สู่สโมสร และมาพร้อมกับชื่อเสียงที่กำลังเติบโตเช่นกัน
ล่าสุด ซาคราเมนโต้ ทำงานกับ คริสโตฟ กัลป์ติเย่ร์ ที่ ลีลล์ ในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส โดยก่อนหน้านั้น เขาอยู่ที่ โมนาโก ทำงานเป็นโค้ชทีมชุดแรกของ รานิเอรี จากนั้น เขาก็ทำงานร่วมกับ จาร์ดิม มันไม่เลวเลยสำหรับโค้ชที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
เส้นทางของ ซาคราเมนโต้ คล้ายคลึงกับ มูรินโญ่ เจ้านายคนใหม่ของเขา ซึ่งเริ่มจากการเป็นล่าม ให้กับ เซอร์ บ๊อบบี้ ร็อบสัน ตำนานผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ โดย ซาคราเมนโต้ เปิดเผยว่าเขาไม่ได้มุ่งมั่นจะเป็นนักฟุตบอลนัก
ซาคราเมนโต้ ตัดสินใจเดินทางออกจากประเทศโปรตุเกสบ้านเกิดเพื่อเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการเป็นโค้ชที่มหาวิทยาลัยเกลมอร์แกน ในประเทศเวลส์ อันเงียบสงบ โดยขับรถเพียงครึ่งชั่วโมงจาก คาร์ดิฟฟ์ เมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น
สตีฟ ซาเวจ หัวหน้าแผนกกีฬาที่มหาวิทยาลัยเซาท์เวลส์ บอกกับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “มันเป็นช่วงระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรีของเขาในสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าเป็นไปได้เหล่านั้นที่ทำให้เขาโผล่ขึ้นมาในสายของ มูรินโญ่”
“การเชื่อมโยงของเขากับ โชเซ่ มูรินโญ่ นั้น เริ่มต้นด้วยงานชิ้นหนึ่งที่เขาทำที่นี่ เจา ทำการวิเคราะห์งานของ โชเซ่ ปรัชญาและมุมมองของเขาในเกม การใช้แนวคิดเกี่ยวกับการกำหนดยุทธวิธี และส่งไปให้ โชเซ่ โดยบอกว่าเขารักสิ่งที่ โชเซ่ เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กคนนี้รู้เรื่องของ โชเซ่ เป็นอย่างดี และนั่นคือการติดต่อกันครั้งแรกของพวกเขา”
มูรินโญ่ เป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มาแล้วถึง 2 ครั้งในเวลานั้น และ ซาคราเมนโต มีความทะเยอทะยานอันสูงส่งของเขาเอง และเขาต้องทำงานเพื่อโน้มน้าวให้พ่อ-แม่ของเขาส่งเขาไปที่เวลส์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับฟุตบอล มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและ ซาคราเมนโต มั่นใจว่าเขาต้องการที่จะไปที่ใด
ซาเวจ เล่าต่อว่า “เมื่อเขามาถึงที่นี่ 9-10 ปีก่อน เขาพูดกับเราว่าเขาจะไปทำงานให้กับสโมสรในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นั่นคือความทะเยอทะยานของเขา และเขาได้วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว เจา มุ่งมั่นอย่างมาก นั่นเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เขามีจรรยาบรรณในการทำงานที่ยอดเยี่ยม และเขาก็มุ่งเน้นไปที่การทำให้เกิดขึ้น”
จรรยาบรรณในการทำงานของ ซาคราเมนโต ช่วยให้เขาเอาชนะอุปสรรคด้านภาษาในช่วงปีแรกๆ ใน เวลส์ ตอนนี้เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเดียวกับภาษาโปรตุเกส สเปน และฝรั่งเศส แต่ทักษะการสอนและการวิเคราะห์ของเขานั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถบรรลุเป้าหมาย
ซาคราเมนโต เคยทำงานกับ โมนาโก ลีลล์ และตอนนี้กับ มูรินโญ่ ที่ สเปอร์ส ความใส่ใจในรายละเอียดของเขานั้นน่ากลัวมาก เขาจะนั่ง และทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาข้อบกพร่องในระบบการเล่นของคู่แข่งและบางครั้งเขาทำงาน 16 – 20 ชั่วโมงเพื่อหาโอกาสที่เขาสามารถเอาชนะในเกมได้
ซาคราเมนโต เคยทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์คู่แข่งให้กับ โมนาโก ก่อนที่ หลุยส์ คัมโปส ผู้อำนวยการกีฬาของ ลีลล์ จะดึงตัวเขามาร่วมงาน แต่ก้าวแรกของเขาในวงการฟุตบอลอาชีพมาพร้อมกับตำแหน่งที่คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในฐานะแมวมอง
ก่อนหน้านั้น ซาคราเมนโต กำลังเดินทางไปทั่วสหราชอาณาจักรเพื่อรวบรวมรายงานการลาดตระเวนดูนักเตะของทีมระดับมหาวิทยาลัย ฟุตบอลสำหรับเขาคือ ความหลงใหล และเขายังเคยเขียนบล็อกส่วนตัวเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ทีม บาร์เซโลน่า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เบนฟิก้า ของ ฮอร์เก้ เฆซุส มาแล้ว
ซาเวจ เล่าว่า “เจา เคยเดินทางไปทำงาน และไปดูนักเตะอย่าง ราฮีม สเตอร์ริ่ง (สมัยเป็นดาวรุ่ง) เพื่อรวบรวมรายงานจุดแข็งและจุดอ่อนของเขาและหาวิธีที่ทีมของเราที่ USW มหาวิทยาลัยเซาธ์เวลส์ สามารถเอาชนะทีมของพวกเขาได้ เขาทำงานได้อย่างชัดเจนเพราะในที่สุดเราก็ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุด และเอาชนะได้”
“มันค่อนข้างชัดเจนว่า เขามีความเข้าใจในเกมอย่างแท้จริง ความใส่ใจในรายละเอียดของเขานั้นน่ากลัวมาก การวิเคราะห์คู่แข่งของเขา การวิเคราะห์ว่าทีมเล่นอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม”
การอุทิศตนนั้นเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกับ เดวิด อดัมส์ อาจารย์ และเคยเป็นผู้ให้คำปรึกษาของ ซาคราเมนโต ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย
อดัมส์ ซึ่งตอนนี้เป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสมาคมฟุตบอลเวลส์ มา 4 ปี และเคยดูแลทีมเยาวชนของ สวอนซี นั้น เคยแต่งตั้ง ซาคราเมนโต เป็นผู้สาธิตทางเทคนิคที่มหาวิทยาลัย และเป็นผู้ช่วยวิทยากรหลังจากที่เขาจบปริญญาโท
อดัมส์ กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการที่จะสูญเสียเขาไป ผมคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ถ้าเขากลับไปที่โปรตุเกส ผมตัดสินใจที่จะให้งานนั้นแก่เขา และเขามีค่าอย่างมากมาย เขาสอนนักเรียนครั้งแรกในวิชาต่างๆเมื่อเขายังอายุเพียง 22 หรือ 23 ปีเท่านั้น”
“เขาเป็นหนึ่งในนักเรียนที่น่าดึงดูด และกระตือรือร้นที่สุดที่ผมเคยพบมา เขาไม่มีความสนใจในด้านสังคม หรือประสบการณ์ชีวิตส่วนหนึ่งของการเป็นมหาวิทยาลัย เขาแค่มีแรงจูงใจที่จะประสบความสำเร็จ เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ”
“เมื่อนักเรียนคนอื่นออกไปเที่ยวในเมืองในช่วงสัปดาห์ เขาจะอยู่ที่สโมสรท้องถิ่นหรือที่สถานศึกษาของ คาร์ดิฟฟ์ เพื่อสอนเด็กๆและในสภาพอากาศหนาวเย็นในช่วงกลางฤดูหนาวเขาก็อยู่ทำงานจนถึง 22.00 น. บางครั้งเขาก็แค่เฝ้าสังเกตโค้ชคนอื่นๆ เขามีความคิดและจิตใจที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่คุณจะจัดว่าเป็นนักเรียนทั่วไป”
ซาคราเมนโต ได้รับคะแนนเป็นที่หนึ่งตลอดการศึกษาของเขา แต่สิ่งที่ อดัมส์ ประทับใจที่สุดคือวิธีที่เขานำการวิเคราะห์ของตัวเองไปใช้ในการฝึกซ้อม ความสามารถของเขาในการคิดรูปแบบการฝึก และสร้างสถานการณ์ในเกมขึ้นมาใหม่เป็นสิ่งที่ กัลป์ติเย่ร์ ชื่นชอบเกี่ยวกับเขาที่ ลีลล์ แต่มันเริ่มต้นขึ้นในเวลส์ ที่ซึ่งเขาได้คุมทีมเพื่อนนักเรียนในสนาม และในห้องเรียน
อดัมส์ กล่าวต่อว่า “คุณสามารถฝึกฝนในฐานะนักวิเคราะห์ แต่คุณต้องเข้าใจเกม และผมคิดว่านั่นเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เจา เขามีความรู้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขารู้วิธีเชื่อมโยงการวิเคราะห์ของเขาเข้ากับเกม โดยเริ่มต้นการฝึกเร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้ เขาสามารถจัดสองสิ่งเหล่านั้นเพื่อใช้การวิเคราะห์เพื่อออกแบบการปฏิบัติที่มีความหมาย และรูปแบบการฝึกซ้อม”
ซาเวจ กล่าวว่า “ฟุตบอลอาจเป็นสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และท้าทาย ดังนั้นคุณต้องเคารพความต่อคนอื่นๆ เจา มีตัวตนอยู่เสมอ และเขามีความสามารถในการสื่อสารสิ่งที่เขาต้องการจากผู้เล่นของคุณ คุณสามารถเป็นโค้ชที่ดี แต่ถ้าคุณไม่สามารถส่งข้อความของคุณได้ แต่การทำงานของ เจา สามารถทำได้ทั้งสองด้าน”
อดัมส์ กล่าวเสริมว่า “เขาไม่เคยมีปัญหาใดๆกับทีมเลย เขาไม่เห็นว่าอายุเป็นอุปสรรค และเขาก็เคารพเพื่อนร่วมงานของเขาอย่างเต็มที่ เพราะเขามีความรอบคอบและพิถีพิถัน และเขาสามารถส่งมอบความรู้ และความเข้าใจระดับสูงไปยังนักเตะ และถ้าผู้เล่นที่คุณเห็นว่าคุณกำลังช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาก็จะเคารพคุณเช่นเดียวกัน”
การพัฒนาของ ซาคราเมนโต นั้นรวดเร็วเป็นพิเศษ นับตั้งแต่ออกจากเวลส์ไปฝรั่งเศสในปี 2014 แต่มันก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาเสมอไป สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ ช่วงเวลาสั้นๆของ บิเอลซ่า ที่ ลีลล์ ในระหว่างที่เขาต้องยอมรับความรับผิดชอบที่ลดลงไป และปรับให้เข้ากับวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนใคร
อดัมส์ กล่าว่า “เขาไม่เห็นว่าอายุเป็นอุปสรรค และเขาก็เคารพนับถือเพื่อนร่วมงานของเขาอย่างเต็มที่เพราะเขาเป็นคนรอบคอบ และละเอียดอ่อน เขาพบว่าช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะ บิเอลซ่า มีวิธีการทำงานที่เข้มข้นมาก”
เจา ทำงานทุกชั่วโมงภายใต้ดวงอาทิตย์ตก และตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจัดกิจกรรมการซ้อมของ บิเอลซ่า มันเป็นเรื่องยาก แต่ผมรู้ว่าเขาเรียนรู้มากมายเช่นกัน มันมีค่ามากที่ได้เห็นวิธีการทำแบบนั้น”
ซาคราเมนโต มีการประยุกต์ใช้การกำหนดยุทธวิธี และวิธีการฝึกซ้อมที่ออกแบบโดยนักวิชาการชาวโปรตุเกส อย่าง วิคตอร์ ฟราเด้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้เขาเป็นแบบอย่างที่ดีในการเข้ามาแทนที่ ลุยซ์ ฟาเรีย อดีตมือขวาคู่ใจของ มูรินโญ่
อดัมส์ กล่าวว่า “เจา ศึกษาวิธีการนั้นในรายละเอียดค่อนข้างมากที่มหาวิทยาลัย มันเป็นสิ่งที่เราทั้งคู่เชื่อในการสนับสนุนการทำงาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ต่อกันอยู่เสมอ”
ซาคราเมนโต เคยติดตาม สวอนซี ภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ มาอย่างยาวนาน ซึ่ง ร็อดเจอร์ส ก็เคยทำงานร่วมกับ มูรินโญ่ ที่ เชลซี มาแล้ว และมันอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ดัง ซาคราเมนโต มาทำงานร่วมกันที่ สเปอร์ส
ขณะเดียวกัน อดัมส์ รู้สึกมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ ซาคราเมนโต ประสบความสำเร็จมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่การทำงานในเวลส์ และเชื่อว่าอดีตลูกศิษย์มีศักยภาพที่จะเดินหน้าต่อไป และกลายเป็นยอดโค้ชอันดับ 1 ในอนาคต
อดัมส์ กล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากอาจคิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปถึงระดับนั้น แต่ผมคิดว่า เจา สามารถทำได้ เขามีความคิดที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่ตัวเอง เขามีระดับความกระตือรือร้น และแรงจูงใจในระดับที่เหมาะสม และเขายินดีที่จะเสียสละ”
ซาเวจ กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เขาเป็นหนึ่งในศิษย์เก่าของเรา เขาอ่อนน้อมถ่อมตน และทำงานหนัก และเขาก็เป็นคนดีเช่นกัน เขายังคงเรียกผมว่าหัวหน้า และผมรู้ว่าเขาจะไม่ทำให้เขาผิดหวังผม ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น”
