เสือเหลือง vs เสือใต้ กับการสลับขั้วอำนาจลีกเมืองเบียร์

เสือเหลือง vs เสือใต้ กับการสลับขั้วอำนาจลีกเมืองเบียร์

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายที่ทำผลงานได้เหนือกว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทั้งในและนอกสนาม พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ถึง 6 สมัยติดต่อกันพร้อมกับทำแต้มทิ้งห่าง เสือเหลือง ไปไม่น้อยกว่า 25 คะแนนได้ 4 ครั้งรวมถึงฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากนี้ เสือใต้ ยังตามมาเก็บเกี่ยวสตาร์ดังหลายๆคนของทีมคู่แข่งสำคัญไปร่วมทีมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบัน ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นทีมจ่าฝูงผู้ไร้พ่ายของ ลีกเมืองเบียร์ แถมยังทิ้งห่าง บาเยิร์น ที่รั้งอยู่ในอันดับ 4 ไปถึง 9 คะแนน

ฟาฟร์ vs โควัช

ทั้งสองสโมสรต่างแต่งตั้งเฮดโค้ชคนใหม่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยที่ ดอร์ทมุนด์ เลือกดึงตัว ลูเซียง ฟาฟร์ กุนซือผู้มากประสบการณ์ของ นีซ ที่เคยทำหน้าที่คุมทีม แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ใน เยอรมัน มาก่อนหน้านี้ ส่วนทาง บาเยิร์น ก็หันไปหา นิโก้ โควัช อดีตกองหลังของทีมที่ซีซั่นก่อนเคยทำงานอยู่กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต โดยพึ่งคว้าโทรฟี่ใบแรกในฐานะผจก.ทีมจากเกมนัดชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล ที่ปราบสโมสรปัจจุบันของตนเองลงได้ด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ โควัช จะพาทีมพบกับความปราชัยไปเพียงแค่ 3 ครั้งจากการออกสตาร์ท 20 เกมแรก แต่ปัญหาก็คือเขากำลังคุมทีมที่ทำแต้มทิ้งห่างคู่แข่งไปถึง 21 คะแนนเมื่อฤดูกาลก่อน ในขณะที่ ฟาฟร์ พาลูกทีมของตนเองเก็บชัยชนะไปแล้ว 14 ครั้งจากทั้งหมด 19 เกมและพึ่งพ่ายแพ้ไปเพียงแค่ครั้งเดียวในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

“หากเราลองลงลึกในรายละเอียดของการจัดระเบียบเกมรับของพวกเขา คุณคงแทบจะสังเกตได้เลยว่าผู้เล่นของ บาเยิร์น เหมือนกำลังอยู่ในห้วงของความคิดที่ว่า ‘พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่? พวกเรามีแผนการอะไรที่นี่ นั่นเป็นสิ่งที่ โควัช เคยถูกคาดหมายเอาไว้ แม้มันอาจไม่ใช่เรื่องประเด็นส่วนตัวมากนักแต่ภายในทีมยังไม่ค่อยรู้สึกเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือพวกเขาในสิ่งที่ต้องการได้ แม้ลำพังจะเป็นเพียงแค่ปัญหาทางด้านเทคนิคแต่มันก็ทำลายความเชื่อมั่น และอาจจะเป็นสะพานเชื่อมโยงไปถึงอนาคตที่สั่นคลอนในระยะยาวของเขา มันเป็นเรื่องยากสำหรับโค้ชทุกคน โดยเฉพาะกับ โควัช ที่ไม่เคยมีโอกาสทำงานร่วมกับนักเตะที่อยู่ในระดับนั้นมาก่อน เขาเปรียบเสมือนผจก.ทีมที่ไร้ประสบการณ์และเคยประสบความสำเร็จกับ แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อฤดูกาลก่อนกับรายการ เยอรมัน คัพ ซึ่งมันอาจจะก้าวล้ำตัวตนของเขาจนเกินไปและกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่น่ากังวล การที่ต้องมาตัดสินผลงานของผจก.ทีม บาเยิร์น ในเดือนพฤศจิกายนแบบนัดต่อนัด วันต่อวัน และคอยแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ที่ล่อแหลมมันไม่ใช่แนวทางที่น่าพิสมัยในการบริหารธุรกิจ แต่ ดอร์ทมุนด์ ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลต่างประตูเมื่อซีซั่นที่แล้ว กลับกำลังทำผลงานได้เกินความคาดหมายของใครหลายๆคน ลูเซียง ฟาฟร์ ได้ทำในสิ่งต่างๆที่ โควัช ไม่สามารถทำได้ เขาพัฒนาทีมได้อย่างค่อยไปค่อยไปในแต่ละวัน นักเตะแต่ละคนสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว พวกเขายังเป็นทีมที่ไร้พ่ายภายในประเทศและยังคงเพลิดเพลินกับการทำประตูพร้อมทิ้งระยะห่างไว้ที่ 7 คะแนน” ราฟาเอล โฮนิกสไตน์ กูรูลูกหนังเยอรมัน ออกความเห็นไว้กับสถานีวิทยุของ บีบีซี

สิ่งเดียวที่ทีมแชมป์เก่าดูจะทำได้ดีกว่าคู่ปรับสำคัญในฤดูกาลนี้ก็คือผลงานในบอลถ้วยยุโรป ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็พากันตีตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ บาเยิร์น ผ่านเข้าไปในฐานะแชมป์กลุ่มโดยที่ยังไม่เคยแพ้ใคร ส่วน ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองรองจาก แอตเลติโก มาดริด

ฟาฟร์ vs โควัช

ซุปตาร์ในทีมใหญ่

ภายในทีมของ เสือเหลือง ล้วนอุดมไปด้วยบรรดานักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้หมุนเวียนกันลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทั้ง จาดอน ซานโช่, ยาค็อบ บรูน ลาร์เซ่น, คริสเตียน พูลิซิช, แดน-อั๊กเซล ซากาดู และ อัชราฟ ฮาคิมี่ ที่ล้วนอยู่ในช่วงวัย 20 ปีหรือน้อยกว่า

ซานโช่ ปีกทีมชาติอังกฤษวัย 18 ปี ทำไปแล้ว 5 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์จากการลงสนามรวม 20 เกม ในขณะที่ ปาโก้ อัลกาเซร์ หัวหอกที่ยืมตัวมาจาก บาร์เซโลน่า ก็สามารถสร้างสถิติยิงได้ทุกๆ 49 นาทีจากผลงาน 11 ประตูภายใน 11 นัด ส่วนทาง บาเยิร์น ก็ถูกวิเคราะห์ว่าจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดยกทีม เนื่องจาก 6 ผู้เล่นที่ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอล้วนมีอายุที่เกินกว่า 30 ปี โดยเฉพาะปีกคู่พิฆาตอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่ต่างก็อยู่ในวัย 34 และ 35 ปีตามลำดับ

“แน่นอนว่า หาก ร็อบเบน อยู่ในมู้ดและสภาพความฟิตที่ดีรวมถึงมีพื้นที่เปิดกว้าง และทางฝั่ง ริเบรี่ ก็มีเวลามากเพียงพอ พวกเขายังคงสามารถเล่นงานคู่แข่งได้แบบจะแจ้ง สิ่งที่ บาเยิร์น อาจไม่ได้คาดการณ์มาก่อนก็คือ ความยากลำบากของ นิโก้ โควัช ในการจัดการกับบรรยากาศภายในห้องแต่งตัว การที่ต้องมารับมือกับบรรดาลูกทีมที่มีอีโก้เหล่านั้น” โฮนิกสไตน์ ได้กล่าวเอาไว้

นักข่าวชาวเยอรมัน ยังคงไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะหาหนทางที่ราบรื่นในการยกระดับคุณภาพของทีม

“ผมยังคงเชื่อมั่นว่า บาเยิร์น ยังต้องประสบปัญหาในการปรับตัวครั้งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้า พร้อมกับความยุ่งยากในการที่จะปล่อยใครซักคนออกไป หากพวกเขาพยายามจะดึงตัว มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ และ เฟรงกี้ เดอ ยอง 2 คู่หูจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม พร้อมกับคำพูดที่ว่า ‘มาอยู่กับเราและพวกนายจะพัฒนายิ่งขึ้นภายใต้การดูแลของผจก.ทีมที่ยิ่งใหญ่ พวกเรามีทีมที่ยอดเยี่ยม’ แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้มีอยู่จริง และมันจะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ยากมากๆ”

ซุปตาร์ในทีมใหญ่

บอร์ดเจ้าปัญหา

หลายปีที่ผ่านมา เสือใต้ คือหัวเรือใหญ่ที่มีส่วนขับเคลื่อนวงการลูกหนังของเยอรมันจากบทบาททั้งในและนอกสนาม ด้วยงบประมาณที่มีก้อนใหญ่สุดรวมถึงโอกาสที่ดีที่สุดในการคว้าแชมป์ ทำให้พวกเขาสามารถเซ็นสัญญากับ มาริโอ เกิตเช่ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มาแบบไม่มีค่าตัว รวมถึงการซื้อตัว มัตส์ ฮุมเมลส์ มาด้วยสถิติ 30 ล้านปอนด์ ภายในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมาจาก ดอร์ทมุนด์ หนสุดท้ายที่ เสือเหลือง เคยคว้าแชมป์ลีกได้ก็คือฤดูกาล 2011-12 และพวกเขายังเป็นทีมสุดท้ายนอกจาก บาเยิร์น ที่ได้ชูถาด บุนเดสลีกา หากแต่ช่วงเวลากำลังจะผันเปลี่ยนไป

“โครงสร้างของอำนาจที่ บาเยิร์น กำลังล่มสลาย อูลี่ เฮอเนส ประธานสโมสร และ คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานฝ่ายบริหาร คือ 2 คนที่เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งคู่มักจะสร้างประเด็นระหว่างกันเองขึ้นมาแต่ก็ยังช่วยกันดูแลจัดการสิ่งต่างๆภายในสโมสร แต่ในเวลานี้ ด้วยผอ.กีฬาผู้อ่อนปวกเปียกอย่าง ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช และผจก.ทีมฝีมือดาดๆก็ทำให้จุดบอดและความไม่ลงรอยกันภายในทีมขยายวงกว้างขึ้น จากที่พวกเขาเคยเป็นทีมที่มี มัทธีอัส ซามเมอร์ ดำรงตำแหน่งผอ.กีฬาและมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รับหน้าที่โค้ชภายในฤดูกาล 2015-16 จนกลายสภาพมาเป็นทีมที่มี ซาลิฮามิดซิช และ โควัช ผู้ที่ขาดแคลนทั้งบารมีและความสามารถจนทำให้จุดบกพร่องที่มีอยู่ภายในถูกเปิดเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันคือสาเหตุที่ทำไมพวกเขาถึงกำลังประสบปัญหาอยู่ทั้งในและนอกสนาม ไม่เพียงแต่ ดอร์ทมุนด์ กำลังทำผลงานในสนามได้ดีขึ้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเตรียมตัวทำการบ้านมาเป็นอย่างอีกด้วย พวกเขายังดูเหมือนทีมที่กำลังจะพลิกโฉมหน้า พวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาดภายในซีซั่นก่อน พวกเขาเสริมทัพได้อย่างชาญฉลาด มีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ บทบาท และโครงสร้างตั้งแต่ระดับภายในห้องแต่งตัวขึ้นไป พวกเขาดึงตัว ซามเมอร์ เข้ามาในฐานะที่ปรึกษา และ เซบาสเตียน เคห์ล อดีตกองกลางและผู้เล่นทีมชาติเยอรมัน เข้ามารับหน้าที่แบบ ซาลิฮามิดซิช ในเวอร์ชั่นของ ดอร์ทมุนด์ แต่เขากำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยไอเดียในการดูแลจัดการภายในที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าและมีคุณภาพมากกว่า ก็กลายเป็นปัญหาที่หนักอึ้งสำหรับ บาเยิร์น อย่างแท้จริง แม้ในยามที่ บาเยิร์น ทำผลงานได้ไม่ดี อย่างน้อยพวกเขาก็ยังพอจะอวดได้ว่ามีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า แต่กลับกลายเป็นว่าในเวลานี้ ดอร์ทมุนด์ กำลังครอบครองเครื่องยนต์ที่เจ๋งกว่าด้วยซ้ำ”

บอร์ดเจ้าปัญหา

เนื้อหาใกล้เคียง