แรชฟอร์ด จากเด็กดาวรุ่ง สู่ผู้บัญชาการเกมรุกแห่งทัพ “ปีศาจแดง”

แรชฟอร์ด จากเด็กดาวรุ่ง สู่ผู้บัญชาการเกมรุก

ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก เรียก มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอก “ปีศาจแดง” อดีตลูกทีมเก่าของเขาว่าดาวรุ่ง แต่ดาวรุ่งรายนี้ฉลองวันเกิดครบรอบ 22 ปี ของเขาในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการโชว์ฟอร์มสุดยอดยิง เชลซี 2 ประตู ในศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ

ในเกมกับ เชลซี นั้น แรชฟอร์ด ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จากการซัดจุดโทษในนาทีที่ 25 และซัดฟรีคิกสุดสวยระยะ 30 หลาในนาทีที่ 73 ก่อนพา “ปีศาจแดง” เข้ารอบต่อไปได้สำเร็จและในเวลานี้ ดาวยิงชาวอังกฤษ กลายเป็นผู้นำในแนวรุกของ แมนฯยูไนเต็ด ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ อย่างเต็มตัวแล้ว

ตอนนี้ แรชฟอร์ด ซัดไป 4 ลูก จากการลงสนาม 3 เกมหลังสุดรวมทุกรายการให้กับ แมนฯยูไนเต็ด โดยก่อนที่จะบุกไปเอานะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น พลพรรค “ปีศาจแดง” ไม่ชนะในการเล่นเป็นทีมเยือนมา 11 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

หลังจากผลงานที่ไม่สม่ำเสมอของ แมนฯยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โซลชา นั้น กระแสกดดันเริ่มถาโถมเข้ามาสู่สโมสรและ แรชฟอร์ด ก็ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจในการฟื้นฟูผลงานของทีมและในตอนนี้ หัวหอก “สิงโตคำราม” แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้นักเตะดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว

นับตั้งแต่ได้ลงสนามเปิดตัวให้กับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯยูไนเต็ด ครั้งแรกในวัย 17 ปี ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์ จนถึงตอนนี้ แรชฟอร์ด ลงเล่นให้กับ “ปีศาจแดง” รวมทุกรายการไปถึง 184 เกม และซัดไป 52 ประตู

จนถึงตอนนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แรชฟอร์ด ก้าวขึ้นมาเป็นคนสำคัญ และสร้างประโยชน์ให้กับการเล่นของ แมนฯยูไนเต็ด อย่างมหาศาล ซึ่งการเล่นของเขานั้น ยังทำให้ อองโตนี่ มาร์กซิกยาล กองหน้าชาวฝรั่งเศส เล่นได้ง่ายขึ้นด้วย

ย้อนกลับไปในเกมกับ เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ โซลชา เริ่มต้น 11 ตัวจริงของ แมนฯยูไนเต็ด ด้วยการใช้ สก็อต แมคโทมิเนย์ กองกลางชาวสก็อตแลนด์ วัย 22 ปี, เดเนียล เจมส์ ปีกชาวเวลส์ วัย 21 ปี และ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ แบ็คซ้ายวัย 19 ปี ลงสนามและมีนักเตะอย่าง เจมส์ การ์เนอร์ วัย 18 บนม้านั่งสำรอง

ขณะที่ แรชฟอร์ด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมจะประครองนักเตะรุ่นน้องคนอื่นๆภายในทีม และแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเหมาะสมกับการเป็นตัวจริงของ แมนฯยูไนเต็ด ทุกประการ โดยบรรดาดาวรุ่ง “ปีศาจแดง” ต่างก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ในยุคของ โซลชา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ แมนฯยูไนเต็ด ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อบรรดาผู้เล่นดาวรุ่งด้วยการสรรหานักเตะวัย 25 และ 26 ปี ที่พร้อมจะเสริมความมั่นคง และประสบการณ์ในสนามให้กับพวกเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญเมื่อมีผู้เล่นอายุน้อยจำนวนมากอยู่ในทีม

ขณะที่ แรชฟอร์ด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อม

โซลชา กล่าวว่า “วันนี้เรายอดเยี่ยมด้วยการเล่นฟุตบอลที่ไหลลื่น และทำเกมอย่างรวดเร็ว นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยเป็น เรากำลังพยายามกลับไปหามันอีกครั้ง เมื่อคุณให้ประสบการณ์แก่เด็กๆ อย่าง แบรนดอน วิลเลียมส์ ในคืนนี้ เขาก็โดดเด่น มันจะช่วยพวกเขามากๆ เรารู้ว่า เรายังไม่ได้มีนักเตะที่คอยช่วยประครองทีมมากนัก แต่เรากำลังดำเนินการอยู่ และพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น”

เชลซี มีปัญหาที่คล้ายกันกับ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาถูกแบนห้ามซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีมในช่วง 2 ซัมเมอร์ เช่นเดียวกับ โซลชา คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” ให้ความเชื่อมั่นต่อเยาวชนที่มีความสามารถของสโมสร

บรรดาผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย วัย 18 ปี, รีส เจมส์ วัย 19 ปี, บิลลี่ กิลเมอร์ วัย 18 ปี, และ คริสเตียน พูลิซิส วัย 21 ปี ต่างก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมคาราบาว คัพ กับ แมนฯยูไนเต็ด และก็ทำผลงานได้เป็นอย่างดี

ฮัดสัน โอดอย ดูเหมือนจะมีความพร้อมมากกว่าเพื่อนร่วมทีมดาวรุ่งคนอื่นๆ เขาเป็นตัวหลักในการสร้างสรรค์เกมของ เชลซี และ แลมพาร์ด กำลังทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำมาก่อนของทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ด้วยการดันเด็กปั้นของสโมสรอย่าง เมสัน เมาท์ กองกลางวัย 20 ปี และ แทมมี่ อับราฮัม หัวหอกวัย 22 ปี เข้ามาเป็นตัวจริงในทีมชุดแรก

ในหลายๆทาง แรชฟอร์ด เป็นตัวอย่างสำหรับเยาวชนทั้งของ แมนฯยูไนเต็ด และ เชลซี ที่น่าจะเอาเป็นแบบอย่าง โดยกองหน้าชาวอังกฤษ ซัดไป 2 ประตูในเกมเปิดตัวกับ มิดทิลแลนด์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016

นอกจากนี้ แรชฟอร์ด ยังซัดใส่ อาร์เซน่อล ไปอีก 2 ประตู ในการเปิดตัวเกมแรกในพรีเมียร์ลีกของเขากับ แมนฯยูไนเต็ด ในอีก 3 วันต่อมา ความสามารถของเขา และฟอร์มการเล่นในเกมล่าสุดกับ เชลซี นั้น ได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของเขาในฐานะหนึ่งในบุคคลสำคัญของ โซลชา

แรชฟอร์ด เป็นผู้เล่นที่เหมาะกับเกมใหญ่อย่างแท้จริง เขายิงประตู เชลซี, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล มาหมดแล้ว และแม้จะพลาดจุดโทษกับ นอริช ซิตี้ ในเกมลีกก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหว และการยิงประตู เชลซี 2 ลูก ในเกมคาราบาว คัพ ก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม แรชฟอร์ด ยอมรับว่า แมนฯยูไนเต็ด ยังต้องหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากฟอร์มการเล่นที่นย่ำแน่ในลีก หลังจากที่พลพรรค “ปีศาจแดง” มีแต้มเหนือโซนตกชั้น เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

ดาวยิง “ปีศาจแดง” กล่าวว่า “เราเคยอยู่ในสถานที่ที่ยากลำบาก แต่เรายังคงผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปได้ วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปได้คือ การต่อสู้ และคว้าชัยชนะ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เมื่อคุณชนะคุณจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ดี เป้าหมายหลักคือการปรับปรุง และพัฒนา และเรากำลังจะเดินหน้าทำมัน”

นอกจากนี้ แรชฟอร์ด ยังซัดใส่ อาร์เซน่อล ไปอีก 2 ประตู

เนื้อหาใกล้เคียง