ควันหลงจากเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก อาร์เซน่อล เปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ถล่มเอาชนะ เชลซี ไปได้แบบสบาย ๆ 2-0 ทำให้หลังเกม เมาริซิโอ ซาร์รี่ เจ้านายใหญ่แห่งทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ฉุนขาด ถึงขั้นออกมาต่อว่าลูกทีมหลังจบเกมถึงขนาดว่าขอพูดเป็นภาษาอิตาเลียน พร้อมวิจารณ์ยับถึงฟอร์มการเล่นอันไม่อ่าวของนักเตะแต่ละคนจนทำให้มีกระแสว่าเขาอาจโดนเตะไล่โค้ชเหมือนที่ยุคนี้ชอบนิยมพูดกันหรือเปล่า
ทริคของ ซาร์รี่ ไม่ต่างจาก มูรินโญ่ ?
ซึ่งกุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้เขาก็ออกมาบอกชัดเจนว่ามันเป็นวิธีของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็มั่นใจว่าภายในทีมจะไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะหลังจากที่ให้สัมภาษณ์สื่อเสร็จ ก็เตรียมตัวคุมลูกทีมลงซ้อมต่อทันที จะว่าไปวิธีของ ซาร์รี่ เองก็ไม่ได้ต่างจากกุนซือหลายรายที่ชอบวิจารณ์นักเตะ วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของทีมหลังจบเกมอันเป็นที่เข้าใจได้ว่าเขากำลังโมโหอย่างหนัก ยกตัวอย่างที่เรามักเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ชอบออกมาวิจารณ์ลูกทีม หากวันไหนฟอร์มไม่เอาอ่าว ไม่สามารถเอาชนะทีมที่เขามองว่าอ่อนประสิทธิภาพกว่าได้
กระนั้นด้วยความที่นักเตะยุคนี้มองเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่พวกเขาจึงไม่ค่อยสบอารมณ์มากนักเวลาโดนผู้จัดการทีมด่าต่อหน้าสื่อจนทำให้เกิดคำพูดเล่นไล่โค้ชกันอยู่บ่อย ๆ อันนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ก็คงมีแต่ตัวนักเตะเท่านั้นที่รู้ ทว่าหากมองอีกมุมมันเป็นวิธีจัดการของกุนซือที่แต่ละคนย่อมมีลูกเล่น มีวิธีต่างกันออกไป เราไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีไหนคือวิธีดีที่สุด แต่สไตล์การทำทีมมันเป็นเอกลักษณ์ของใครของมันจะให้เปลี่ยนแปลงหรือจะให้แก้ไขคงเป็นเรื่องยากมาก ๆ และกับการที่ ซาร์รี่ ออกมาวิจารณ์นักเตะครั้งนี้ผ่านสื่อไม่ใช่หนแรก สมัยคุม ทัพนาโปลี ในศึกกัลโช่ ซีเรีย อา อิตาลี เขาก็มักทำแบบนี้บ่อย ๆ เวลาลูกทีมเล่นไม่ได้ดั่งใจ
แม้มีข่าวออกมาว่านักเตะเชลซีอาจเล่นไล่โค้ชหรือเปล่าทว่า ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังหัวฟูได้ให้ข่าวว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในทีมแน่ ๆ นักเตะทุกคนพร้อมทุ่มเทให้กับ ซาร์รี่ เหมือนเดิม จะว่าไปหากลูกน้องผิดพลาดก็ต้องโดนหัวหน้าสับเละเป็นเรื่องปกติ แต่บรรดานักเตะที่เอะอะจะเตะไล่โค้ชอย่างเดียวแบบนี้ ถือว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าและไม่สมควรก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยซ้ำ
