นีซ : Nice

ประวัติสโมสร นีซ

สโมสรกายบริหารโอลิมปิกนิสโกตดาซูร์ (ฝรั่งเศส: Olympique Gymnaste Club Nice Côte d’Azur) หรือเรียกแบบย่อว่า โอจีซี นีซ (OGC Nice) หรือ นีซ (Nice) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในเมืองนีซ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1904 ปัจจุบันเล่นอยู่ในลีกเอิง ลีกสูงสุดของประเทศ มีสนามเหย้าคือ อลิอันซ์ ริวีเอรา มีผู้จัดการทีมคือ ปาทริค วิเอร่า และกัปตันทีมคนปัจจุบันคือ ดันเต้ กองหลังชาวบราซิล

นีซก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ Gymnaste Club de Nice และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งลีกเอิงฝรั่งเศส สโมสรได้แชมป์ลีกเอิงมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้งและฟุตบอลถ้วย อีก 3 สมัย นีซประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 1950 โดยมีโค้ชเช่น นูมา อันดอยร์ , วิลเลียม เบอร์รี่และฌอง ลูเซียโน แชมป์สุดท้ายของพวกเขาคือแชมป์ Coupe de France ในปี 1997 หลังจากที่เอาชนะแก็งก็อง 4-3 ในการดวลจุดโทษ โดยสีเสื้อของนีซเป็นสีแดงและสีดำ

ในช่วงที่สโมสรประสบความสำเร็จในช่วงปี ค.ศ. 1950 นีซเป็นหนึ่งในสโมสรแรกของฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จในการรวมนักเตะนานาชาติเข้าไว้ด้วยกัน ผู้เล่นที่โดดเด่น ได้แก่ Héctor De Bourgoing,Pancho Gonzales,Victor Nurenberg และ Joaquín Valle ซึ่งเป็นนักเตะที่ทำประตูได้สูงสุดของสโมสรและยังเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่มากของสโมสรด้วย

นักเตะ นีซ

นีซก่อตั้งขึ้นในย่านที่อยู่อาศัยของ Les Baumettes เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1904 ภายใต้ชื่อ Gymnaste Club สโมสรก่อตั้งโดย Marquis de Massengy d’Auzac ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานของ Fédération Sportive des Alpes-Maritimes ( Alpes-Maritimes Sporting Federation ) โดยตอนแรก สโมสรเน้นกีฬายิมนาสติกและกรีฑาเป็นหลัก วันที่ 6 กรกฏาคม 1908 สโมสรได้แยกออกเป็นสองส่วนคือในส่วนที่เป็นกรีทาและฟุตบอลที่เป็นส่วนใหม่ที่เพิ่มเข้ามา วันที่ 20 กันยายน 1920 นีซ ได้เริ่มลงเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในลีกระดับภูมิภาค ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอล ซึ่งตอนนั้นมีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ก็อง และ มาร์กเซย์ ในปี 1924 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น Olympique Gymnaste Club de Nice.

ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 1930 สภาแห่งชาติของสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสได้ลงมติเห็นด้วย 128-20 เพื่อสนับสนุนให้มีลีกฟุตบอลอาชีพของฝรั่งเศสเกิดขึ้น โดยนีซพร้อมกับสโมสรส่วนใหญ่จากทางภาคใต้ของฝรั่งเศสกลายเป็นกลุ่มสโมสรแรกๆที่ได้รับการคัดเลือกให้ลงเล่นในลีกนี้ ในฤดูกาลแรกของนีซ พวกเขาจบลงในอันดับที่ 7 ของตาราง ในฤดูกาลถัดไป นีซจบลงที่อันดับที่ 13 ของตาราง ทำให้ตกชั้นในที่สุด และได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งในปี 1936 ซึ่งมาเริ่มต้นใหม่ในดิวิชั่น 2 แทน นีซใช้เวลาสามปีก่อนที่จะกลับมาอยู่ในลีกสูงสุดของฝรั่งเศสได้อีกครั้ง และเวลาต่อมา ได้เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ทำให้ทุกอย่างถูกยกเลิกไปก่อน

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง นีซกลับเข้าสู่ลีกอาชีพอีกครั้งในดิวิชั่น 2 เหมือนเดิม ซึ่งเพียงปีแรกพวกเขาก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาลีกสูงสุดได้ทันที ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมชาวออสเตรีย แอนตัน มาเร็ค พวกเขาจบในอันดับท็อป 10 ได้ ในอีก 2 ฤดูกาลต่อมา หลังจากนั้น นีซที่นำโดย ฌอง ลาดี้ ก็ได้ประสบความสำเร็จครั้งแรกด้วยการชนะแชมป์ลีกในฤดูกาล 1950-51 นำโดยนักเตะชาวฝรั่งเศสชาวอย่าง มาร์เซล โดมิงโก้,อองตวน โบนิฟาซี่,อับเดลาซิส เบน ติโฟ และ ณอง โคตูร์ รวมทั้งดูโอชาวอาร์เจนติน่าอย่าง พานโช่ กอนซาเลส และ หลุยส์ คาร์นิเกลีย และนักเตะชาวสวีเดน อย่าง พาร์ เบงสัน นีซ ได้แชมป์ลีกทั้งๆที่มีแต้มเท่ากับสโมสร ลีลล์ แต่ได้แชมป์เพราะว่าชนะมากกว่าลีลล์อยู่ 1 เกม ในฤดูกาลต่อมา ภายใต้การคุมทีมของ นูม่า อันดอร์ นีซทำผลงานได้ดีขึ้น เมื่อสามารถคว้าได้ถึงสองแชมป์ คือแชมป์ลีก และแชมป์ ฟุตบอลถ้วย สำหรับแชมป์ลีกของพวกเขา ต้องเจอกับทีมที่เป็นคู่แข่งสำคัญในตอนนั้นก็คือ บอร์กโดซ์ และ ลีลล์ ส่วนในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ก็เป็นการเจอกับ บอร์กโดซ์ ซึ่งพวกเขาเอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 3 โดย 5 ประตูที่ทำได้เกิดขึ้นจากนักเตะที่ไม่ซ้ำหน้ากันเลย

นีซ ยุคเก่า

นีซยังคงทำผลงานได้ดีมาเรื่อยๆ ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งที่สองในปี 1954 ซึ่งตอนนั้นสโมสรนำทีมโดยนักเตะหนุ่มอย่าง จัส ฟอนเทน โดยนัดชิงชนะเลิศ เป็นการเจอกับ โอลิมปิค มาร์กเซย์ ซึ่งนีซ เอาชนะไปได้ 2 ประตูต่อ 1 โดยได้ประตูจาก วิเตอร์ นูแรมเบิร์กและ คาร์นีเกลีย หลังจากจบฤดูกาล คาร์นีเกลีย ก็ได้เลิกเล่นฟุตบอลและขึ้นมารับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมของนีซแทน โดยในปีแรกที่เขานั้นเข้ามารับงาน เขาพานีซ คว้าแชมป์ลีก ได้เป็นครั้งที่ 3 หลังจากมีแต้มอยู่เหนือคู่แข่งอย่าง มาร์กเซย์ และ โมนาโก รวมไปถึง ล็องส์ และ แซงต์ เอเตียน ด้วย หลังจากได้แชมป์แล้ว ทีมก็ต้องเสีย ฟอนเทน ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร แร๊งส์ หลังจากนั้นอีก 3 ฤดูกาล นีซก็กลับมาได้แชมป์สุดท้ายในปี 1959 ซึ่งเป็นการปิดฉากช่วงปี 1950-1959 ด้วยการเป็นแชมป์ลีก 4 ครั้ง และแชมป์ฟุตบอลถ้วยอีก 2 ครั้ง พวกเขาเคยได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลยุโรปด้วย ซึ่งในครั้งแรกคือฤดูกาล 1956-57 แต่ก็ต้องแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปในรอบก่อนรองชนะเลิศ

ในทศวรรษต่อๆมานีซพยายามที่จะประสบความสำเร็จให้เท่ากับยุค 50 ให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเจอคู่แข่งอย่าง แร๊งส์ และ แซงต์ เอเตียน โดยในช่วงนั้น นีซ ขึ้นๆลงๆระหว่างดิวิชั่น 1 และ ดิวิชั่น 2 บ่อยครั้ง โดยผลงานที่ดีที่สุดของนีศคือการจบอันดับที่ 2 ในลีกสูงสุด เมื่อปี 1973 และ 1976 ซึ่งเป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดแล้วนับตั้งแต่ปี 1959 ซึ่งหลังจากนั้นก็กลับเข้าสู่วงจรเดิม นั้นก็คือการขึ้นๆลงๆ ดิวิชั่น 1 และ 2 นั้นเอง

ในปี 1997 นีซได้กลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง แถมยังสามารถกลับมาคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้อีกด้วย ซึ่งนั้นอาจจะไมได้เป็นเรื่องที่เซอไพร้มากนัก เพราะตลอดเส้นทาง พวกเขาโชคดีมากๆ เพราะว่าได้เจอแต่ทีมที่มาจากดิวิชั่น 2 ทั้งนั้น มีเพียงบาสเตีย ทีมเดียว ที่มาจากดิวิชั่น 1 และนัดชิงชนะเลิศ นีซ ก็ได้ลงเล่นกับ ก็องแก็ง ซึ่งพวกเขาเอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 4 ซึ่งที่น่าแปลกใจก็คือ หลังจากที่คว้าแชมป์ไปได้ ไม่ถึง 2 วัน เขานั้นก็ต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 อีกแล้ว ซึ่งพวกเขาใช้เวลาถึง 5 ปี จนถึงปี 2001-2002 พวกเขาถึงจะกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน นีซ เกิดปัญหาเรื่องของการเงิน ทำให้สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส ปรับสโมสรให้ตกไปเล่นในดิวิชั่น 3 เลยทีเดียว ก่อนที่เคลียปัญหาและกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งได้นั้นก็คือปี 2005-06 โดยในปี 2006 พวกเขาได้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยฝรั่งเศสด้วย แต่ก็แพ้ให้กับน็องซี่ ไป 2 ประตูต่อ 1

นีซ ยุคใหม่

ในปี 2016 นักธุรกิจชาวจีนและอเมริกันอย่าง เชน ลี และ อเล็ก เช็ง เข้ามาซื้อหุ้นของสโมสรไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2016-17 นีซ จบได้ถึงอันดับที่ 3 ของตารางในลีกเอิง ฝรั่งเศส และได้เข้ารอบไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีก ด้วย

ในวันที่ 11 มกราคม แพททริค วิเอร่า ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกุนซือคนปัจจุบันของทีม เข้ามาแทนที่ ลูเซียน ฟาร์ฟ กุนซือคนเก่าของทีม

สนาม นีซ

จากปี คศ. 1927 ถึงปีค. ศ. 2013 นีซมีสนามเหย้าคือ Stade Municipal du Ray หรือโดยปกติจะเรียกสั้นๆเพียง Stade du Ray เท่านั้น สนามกีฬาแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่าStade Léo-Lagrange ซึ่งตั้งชื่อตามนักการเมืองชาวฝรั่งเศสที่ สนามได้ผ่านการบูรณะหลายครั้งล่าสุดในปี 1997 และมีความจุ 17,415 ที่นั้ง สนามกีฬาเป็นที่นิยมสำหรับแฟนๆที่อยู่ในใจกลางเมือง แต่ไม่สามารถรองรับความจุของผู้คนในเมืองได้ที่มีจำนวนมหาศาลอย่างเพียงพอ

นีซเริ่มมีความพยายามที่จะสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ขึ้นในปี 2002 ในความพยายามครั้งแรกสโมสรได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักการเมืองท้องถิ่นที่ตั้งคำถามถึงประโยชน์และรูปแบบของสนามกีฬา อย่างไรก็ตามข้อเสนอของสโมสรได้ผ่านการพิจารณาและเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม

เมื่อวันที่ 22 เดือนกันยายน 2009 หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส L’Équipe รายงานว่าสนามแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) เป็น 1 ใน 12 สนามที่จะใช้เป็นสนามในการเตะฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส wfh ทำการเลือกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ.2016 ซึ่งสนามนี้ได้รับการคัดเลือกให้ใช้งานในทัวนาเม้นต์นั้นจริงๆ โดยการต่อเติมสนามของพวกเขานั้นเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายระหว่างปี 2011-2013