ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง (Pierre Emerick Aubameyang) ชื่อเต็ม ปิแอร์ เอเมริค เอมิเลียโน่ ฟรองซัวส์ โอบาเมยอง (Pierre Emerick Emiliano Francois Aubameyang) เกิดวันที่ 18 มิถุนายน 1989 เป็นลูกชายของอดีตนักเตะทีมชาติกาบองอย่าง ปิแอร์ โอบาเมยอง (Pierre Aubameyang) โอบาเมยอง เกิดและเติบโตในเมืองลาวาล ประเทศฝรั่งเศส โดยได้รับการผลักดันเข้าสู่วงการลูกหนังจากพ่อของเขาเองตั้งแต่อายุ 6 ปี แล้วก็ได้เข้าร่วมทีมชุดเยาวชนกับหลายสโมสรในท้องถิ่น ได้แก่ เอเอสแอล แอล ฮูร์สเซเรีย, นีซ, ลาวาล, รูอ็อง, บาเตีย
จนกระทั่ง ปิแอร์ โอบาเมยอง ผู้เป็นพ่อได้รับงานให้เป็นแมวมองประจำสโมสร เอซี มิลาน เลยถูกดึงตัวเข้ามาเล่นให้กับทีมชุดเยาวชนของ เอซี มิลาน ตอนอายุ 17 ปี แล้วโอบาเมยองก็โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในการเป็นดาวยิงให้สโมสรจากการทำประตูอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรแล้วโอบาเมยองก็ยังไม่มีใครคิดว่าเจ้าตัวจะเป็นศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของสโมสร เลยทำให้โอบาเมยองเริ่มไม่ค่อยจะมีความสุขกับการค้าแข้งที่สโมสรแห่งนี้ และก็เริ่มคิดที่จะหาทางย้ายออกจากสโมสร พอถึงฤดูกาล 2008-2009 ทางสโมสรจากฝรั่งเศสอย่างดิฌงก็ได้ให้ความสนใจในฝีเท้าของโอบาเมยอง และก็ตกลงทำการยืมตัวกับสโมสรต้นสังกัดอย่าง เอซี มิลาน เพื่อให้โอกาส โอบาเมยอง ได้ลงสนามในฐานะนักเตะชุดใหญ่ แล้วการย้ายไปครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า โอบาเมยอง มีพรสรรค์ในการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก หลังจากทำไปทั้งหมด 10 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ หรือหากนับเฉพาะเกมในลีกแล้วเจ้าตัวทำไป 8 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ส่วนอีก 2 ประตูนั้นเป็นเกม เฟร้นช์ ลีกคัพ หลังจากเฟร้นช์ ลีกคัพหมดสัญญายืมตัวกับดิฌง ทางสโมสรร่วมลีกประเทศฝรั่งเศสอย่างลีลล์ ก็ได้ทำเรื่องเข้ามาขอยืมตัวโอบาเมยองอีก 1 ฤดูกาล จนท้ายที่สุดลีลล์ก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการให้แฟนบอลทราบว่าสโมสรสามารถเซ็นสัญญายืมตัว โอบาเมยอง ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 24 มิถุนายน 2009 แต่ผลงานที่ทำได้นั้นไม่ดีเท่ากับตอนอยู่ดิฌง เพราะทำได้ 2 ประตู จากการลงเล่น 14 เกม และได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงเพียง 4 เกม หลังจากหมดสัญญา โอบาเมยอง ก็โดนสโมสรโมนาโกทาบทามยืมตัวอีก ในวันที่ 21 สิงหาคม 2010 โอบาเมยอง สามารถทำประตูแรกให้กับโมนาโกได้ในเกมที่พบล็องส์ และก็ทำอีกประตูในเกมที่พบโอแซร์ ซึ่ง โอบาเมยอง อยู่กับโมนาโกเพียงครึ่งฤดูกาลแรกก่อนที่จะย้ายเล่นไปเล่นให้กับ แซงต์ เอเตียน จนจบฤดูกาล 2010/11 โดยที่ โอบาเมยอง ทำไปได้ทั้งหมด 4 ประตู กับ 3 แอสซิสต์
ในวันที่ 22 ธันวาคม 2011 แซงต์ เอเตียน ได้ยื่นข้อเสนอขอเซ็นสัญญา โอบาเมยอง ในฉบับถาวร และแล้วทางต้นกัดอย่าง เอซี มิลาน ก็ยอมตกลงกับข้อเสนอดังกล่าว แล้วโอบาเมยองก็ได้ออกสตาร์ทด้วยการเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 7 ด้วย ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2012 โอบาเมยองทำแฮตทริกแรกให้กับตัวเองได้ในเกมที่พบกับลอริยองต์ และโอบาเมยองก็กลายเป็นตัวหลักสำคัญที่ทางสโมสรขาดไม่ได้ แล้วในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกโอบาเมยองทำไปได้ 16 ประตู ทำให้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งดาวซัลโวของลีกเอิง และในวันที่ 20 เมษายน 2012 โอบาเมยองก็ได้ลงเล่นในเกมเฟร้นช์ลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ พบกับ เลส์ แวร์ ก่อนที่จะเอาชนะไปได้ 1 ประตูต่อ 0 เลยทำให้โอบาเมยองได้สัมผัสถ้วยโทรฟี่แรกในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล แล้วก็จบด้วยการเป็นรองดาวซัลโว แต่โอบาเมยองก็ถูกคัดเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของลีกเอิง รวมถึงได้รับรางวัลนักเตะทวีปแอฟริกายอดเยี่ยมประจำลีกเอิงด้วย
ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2013 โอบาเมยอง ก็ได้ย้ายมาร่วมทัพกับทางสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในระยะเวลาสัญญา 5 ปี และก็ได้ลงเล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กรกฎาคม 2013 เป็นเกมที่พบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในรายการ เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ โดยถูกส่งลงมาแทน ยาคุบ บาซีคอฟสกี้ ในช่วง 18 นาทีสุดท้าย ซึ่งเกมนั้นเป็นทางฝั่งสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะไปได้ 4 ประตูต่อ 2 แล้วโอบาเมยองก็มีส่วนร่วมในหารทำประตูสุดท้ายด้วยจากการผ่านบอลให้ มาร์โก รอยส์ ทำประตู ต่อมาในวันที่ 10 สิงหาคม โอบาเมยองถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงในเกมบุนเดสลีก้าเป็นครั้งแรก และสามารถทำแฮททริกได้ในสีเสื้อของดอร์ทมุนด์ เลยทำให้โอบาเมยองกลายเป็นนักเตะกาบองคนแรกที่ได้ลงเล่นบนเวทีบุนเดสลีก้า หลังจากนั้นไม่กี่เดือน โอบาเมยอง ก็ทำประตูแรกในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ในเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ถล่มนาโปลีไป 3 ประตูต่อ 1 หลังจบฤดูกาล โอบาเมยอง ทำไปได้ทั้งหมด 16 ประตูรวมทถกรายการ แบ่งเป็นของบุนเดสลีก้าอยู่ 13 ประตู ถัดมาอีกหนึ่งฤดูกาลในวันที่ 13 สิงหาคม 2014 โอบาเมยองจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูแรกก่อนที่เจ้าตัวจะมาทำในประตูที่ 2 ส่งผลให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าชัยเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ไป 2 ประตูต่อ 0 ในเกมเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ รอบชิงชนะเลิศ หลังจากที่โอบาเมยองทำประตูได้ก็ฉลองท่าดีใจด้วยการสวมหน้ากากสไปเดอร์แมน ในช่วงฤดูกาล 2014-2015 โอบาเมยองทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยจำนวน 25 ประตู จาก 46 เกม ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2015 โอบาเมยอง ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับดอร์ทมุนด์จนถึงปี 2020 พร้อมกับกล่าวว่า “หัวใจของผมอยู่ที่สโมสรแห่งนี้และผมไม่ต้องการที่จะย้ายออกจากสโมสร” หลังจากนั้น โอบาเมยอง ก็ระเบิดฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมในลีกหรือเกมถ้วยทวีปยุโรป โดยในช่วงจบครึ่งฤดูกาลแรก โอบาเมยอง ไปทำหมด 18 ประตูจากการลงสนาม 17 เกม แต่จบฤดูกาลนั้นเจ้าตัวก็ยังเป็นรองดาวซัลโวเหมือนเดิม ตามหลังรุ่นพี่อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ย้ายไปเล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2016-2017 โอบาเมยอง ก็ยังรักษามาตรฐานการทำประตูได้ดีเหมือนเดิม และทำประตูได้เกือบทุกทีม ต่อมา มาร์เซล ชเมลเซอร์ รับได้บาดเจ็บ ทำให้ โอบาเมยอง ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมครั้งแรกในวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งเกมนั้นเจ้าตัวสามารถทำได้ 1 ประตูด้วย แต่ไม่ดีพอที่จะเอาชนะอิงโกลสตัดท์ได้ เลยจบไปแบบสนุดสุดมันส์ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 3 นอกจากนี้ผลงานใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ทำประตูตลอด หลังจบฤดูกาลนั้น โอบาเมยอง คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของนุนเดสลีก้าได้สำเร็จด้วยจำนวน 31 ประตู
ในวันที่ 21 มกราคม 2018 โอบาเมยอง ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญากับทีมยักษ์ใหญ่จากเกาะอังกฤษอย่าง อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์ และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ อาร์เซน่อล ก็ได้ลงสนามเป็นเกมแรกที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน ในรายการพรีเมียร์ลีก ซึ่งเกมนั้นต้นสังกันใหม่อย่าง อาร์เซน่อล เอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 1 แล้วโอบาเมยอง ก็มีส่วนร่วมด้วยจากการทำประตูที่ 4 และเจ้าตัวก็กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ได้ 5 ประตู จากการลงสนาม 6 เกม ในช่วงต้นฤดูกาล หลังจบฤดูกาลดังกล่าว โอบาเมยอง ทำไปได้ 10 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ฝยเกมพรีเมียร์ลีก นับว่าเป็นดาวซัลโวประจำทีมคนสุดท้ายภายใต้การคุมทีมของมหาโค้ชตลอดกาลอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ในฤดูกาล 2018-2019 โอบาเมยอง เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้หลัก 10 ลูกในพรีเมียร์ลีก แล้วโอบาเมยองก็ได้กล่าวไว้ว่า “เขาต้องการที่จะเดินรอยตามตำนานนักเตะของสโมสรอย่าง เธียร์รี่ อองรี่ และ เดนนิส เบิร์กแค้มป์ ซึ่งเจ้าตัวได้สวมเสื้อหมายเลข 14 เหมือนกับ เธียร์รี่ อองรี่ ตอนที่เล่นให้กับอาร์เซน่อล แล้วตอนนั้น โอบาเมยอง ก็ทำได้ 18 ประตูจากการลง 23 เกมบนเวทีพรีเมียร์ลีก จนถึงปัจจุบัน โอบาเมยอง ก็ช่วยสโมสรทำประตูมากมายไม่ว่าจะลงเล่นรายการไหน รวมถึงฟอร์มการเล่นก็คงเส้นคงวาตลอดไม่มีถดถอยลงสักนิด
โอบาเมยอง ได้รับเชิญให้เล่นกับทีมชาติอิตาลี่ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี หลังจากที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีกับสโมสรดิฌง แต่เจ้าตัวกลับมาเลือกลงเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2009 และยังมีสิทธิลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนด้วย แต่ถึงอย่างไรแล้ว โอบาเมยอง ก็ตัดสินใจที่จะเลือกเล่นให้กับทีมชาติกาบอง เพราะว่าครึ่งหนึ่งพ่อของเขาเคยลงเล่นให้กับทีมชาติกาบอง แต่เขาก็มีแมเป็นคนสเปน เลยคิดที่จะย้ายมาเล่นที่ลีกสเปนในสักวันหนึ่ง ในวันที่ 25 มีนาคม 2009 โอบาเมยองถูกเรียกติดทีมชาติกาบอง และได้ลงสนามครั้งแรกในเกมที่เอาชนะโมร็อกโกไป 3 ประตูต่อ 2 แล้วโอบาเมยองก็ทำได้อีก 2 ประตู ในเกมที่พบเบนิน โตโก และ เซเนกัล ซึ่งโอบาเมยองเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติกาบองที่พาทีมชาติเข้าถึงรอบควอเตอร์ไฟนอลรายการ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2012 ที่ทีมชาติกาบองเป็นเจ้าภาพร่วม แล้ว โอบาเมยอง ก็ทำได้ 3 ประตู หลังจากจบทัวร์นาเม้นต์ โอบาเมยอง คว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2012 โอบาเมยอง ทำประตูให้ทีมชาติในเกมที่พบมาลีในรอบควอเตอร์ไฟนอล อย่างไรก็แล้วเกมนั้นจบลงด้วยผลสกอร์ 1 ประตูต่อ 1 เลยต้องตัดสินด้วยการยิงลูกจุดโทษ ปรากฎว่ารอบควอเตอร์ไฟนอลไปติดเซฟผู้รักษาประตูของทีมชาติมาลี เลยทำให้ตกรอบ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2012 เโอบาเมยองลงเล่นให้ทีมชาติในรายการโอลิมปิกเกมฤดูร้อนที่กรุงลอนดอน โอบาเมยอง สามารถทำประตูใส่ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นนักเตะกาบองคนแรกที่ทำประตูในรายการโอลิมปิกเกมรอบสุดท้าย แล้วก็กลายเป็นประตูเดียวของทีมชาติกาบองเพราะว่าตกรอบแบ่งกลุ่ม ในวันที่ 15 มิถุนายน 2013 โอบาเมยองทำแฮตทริกจากการยิงลูกโทษในเกมที่ทีมชาติกาบองเอาชนะทีมชาติไนเจอร์ไป 4 ประตูต่อ 1 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก แล้วโอบาเมยองก็ได้เป็นกัปตันทีมชาติกาบองในการแข่งขันฟุตบอลแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ซึ่งรายการนั้นโอบาเมยองยิงประตูเบิกร่องในเกมที่เอาชนะบูร์กินาฟาโซ่ไป 2 ประตูต่อ 0 แล้ววันที่ 17 มกราคม 2015 โอบาเมยองก็ยังทำประตูใส่ทีมชาติมาลีได้อีก รวมถึงวันที่ 25 มีนาคม 2015 โอบาเมยอง กลายเป็นนักเตะทีมชาติกาบองคนแรกที่ทำประตูได้มากที่สุด