ชาลเก้ 04 : Schalke 04

ประวัติสโมสร ชาลเก้

Fußballclub Gelsenkirchen-Schalke 04 e. V. หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ FC Schalke 04 หรือ ชาลเก้ 04 ในภาษาไทย มีฉายาว่า 04 เพราะสโมสรก่อตั้งขึ้น ในปี ค.ศ.1904 เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศเยอรมัน อยู่ที่เขตชาลเก้ ใน เก็ลเซินเคียร์เชิน นอร์ทไรน์ เวสต์ฟาเลีย ชาลเก้โด่งดังเป็นสโมสรที่โด่งดังมายาวนาน ในช่วง ค.ศ.1930-1940 ปัจจุบันแข่งขันอยู่ในบุนเดสลีกา ลีกสูงสุดของประเทศเยอรมัน เดือนมิถุนายน 2018 เป็นสโมสรที่มีสมาชิกถึง 155,000 คน มากที่สุดเป็นอันดับสองในเยอรมันและอันดับที่สี่ในระดับโลก สโมสรยังมีกิจกรรมด้านอื่นๆอีกเช่น กรีฑา,บาสเก็ตบอล,แฮนด์บอล,ปิงปอง,กีฬาทางน้ำและอีสปอร์ต

ชาลเก้ ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ.1904 ได้แชมป์เยอรมัน แชมเปี้ยนชิพ จำนวน 7 ครั้ง DFB Pokals 5 ครั้ง DFL Supercup 1 ครั้ง และยูฟ่า คัพ อีก 1 ครั้ง และเป็นสโมสรแรกที่ได้สองแชมป์ในปีเดียวกันคือ แชมป์เปี้ยนชิพ และ DFB Pokal ในปี ค.ศ.1937 และในปี ค.ศ.2015 ชาลเก้ได้รับการจัดอันดับจาก ยูฟ่า ว่าเป็นสโมสรที่ดีที่สุด 7 อันดับแรกของยุโรป ตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 ชาลเก้ใช้สนาม เดอะเวลตินส์ อารีน่า เป็นสนามเหย้า และมีทีมคู่ปรับบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เวลาแข่งกันเรียกว่า เดอะเรวิเออร์ ดาร์บี้

ชาลเก้ 1904

สโมสรชาลเก้ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ.1904 โดยกลุ่มนักเรียนในเวสต์ฟาเลีย เมืองชาลเก้ ใช้สีแดงและเหลืองเป็นสีของสโมสร ปี ค.ศ 1912 พวกเขาพยายามเข้าร่วมในรายการฟุตบอลเยอรมันอย่าง เวสต์ดัชท์เชอร์ สเปียลเวอร์แลนด์หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต จนในที่สุด ปี ค.ศ.1877 ชาลเก้ได้รวมสโมสรเข้ากับสโมสรกีฑาชาลเก้ การรวมกันในครั้งนี้ทำให้ชาลเก้สามารถเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลของเยอรมันได้ แต่ปี ค.ศ.1915 เอสวี เวสต์ฟาเลีย ชาลเก้ ได้แยกตัวออกมาสั้นๆ ก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้ง ในปี ค.ศ.1919 ชาลเก้ได้แชมป์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี ค.ศ.1923 ในรายการ the Schalke Kreisliga ทำให้ทีมมีฉายาว่า Die Knappen มาจากคำในภาษาเยอรมันว่า คนงานเหมือง เพราะสโมสรได้ดึงเอานักเตะและแฟนบอลจากเหมืองถ่านหินมาร่วมทีมมากมาย

ค.ศ.1924 พวกเค้าได้แยกสโมสรฟุตบอลออกมาอีกครั้ง โดยประธานสโมสรและทีมงาน ได้ตั้งชื่อสโมสรใหม่ว่า เอฟซี ชาลเก้ 04 ใช้สีน้ำเงินและขาวเป็นสีประจำสโมสร เป็นที่มาของฉายา ราชันย์สีน้ำเงิน ปีต่อมาพวกเค้ากลายเป็นสโมสรท้องถิ่นที่มีรูปแบบการเล่นเป็นเอกลักษณ์คือการเล่นส่งบอลสั้น เท้าสู่เท้า ในการเล่นบอล ทำให้แผนการเล่นดังกล่าวรู้จักในชื่อ Schalker Kreisel ซึ่งระบบการเล่นแบบนี้ทำให้พวกเขาเป็นทีมชั้นนำใน Gauliga สู่การเป็นแชมป์ลีก และการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันระดับประเทศ

ชาลเก้ 1928

สโมสรเป็นที่นิยมมากจนสร้างสนาม the Glückauf-Kampfbahn ขึ้นในปี ค.ศ.1928 และเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เข้ากับท้องถิ่นเป็น เอฟซี เก็ลเซินเคียร์เชิน ชาลเก้ 04 ทีมได้แชมป์ เวสต์ เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ ในปี 1929 แต่ถูกทีมอื่นๆไม่พอใจจากการจ้างนักเตะมากกว่าเพดานเงินเดือนที่ลีกกำหนดไว้ จนเป็นเหตุให้ทีมถูกห้ามแข่งกว่าครึ่งปี อย่างไรก็ตาม หลังพ้นโทษแบนพวกเคาเปิดบ้านพบกัน ฟอร์ทูน่า ดุยเซลดอร์ฟ ท่ามกลางแฟนบอลถึง 70,000 คน

ชาลเก้รุ่งเรืองสุดๆ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 โดยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลเยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ ปี ค.ศ.1932 และปีต่อมาคือ ค.ศ.1933 เอาชนะฟอร์ทูน่า ดุยเซลดอร์ฟ ในนัดชิงชนะเลิศ และเอาชนะไปได้ 3-0 ได้แชมป์ในที่สุด หลังจากสมาคมฟุตบอลเยอรมันได้เปลี่ยนแปลงระบบฟุบอลในประเทศในปี ค.ศ.1933 ชาลเก้ต้องไปแข่งใน the Gauliga Westfalen 1 ใน 16 ดิวิชั่นของระบบฟุตบอลเยอรมัน ซึ่งพวกเค้าประสบความสำเร็จมากในช่วงปี 1933-1942 โดยได้เข้าชิงถึง 14 ครั้งจากทั้งหมด 18 ครั้ง ได้แชมป์เยอรมัน แชมป์เปี้ยนชิพ 10 ครั้ง,DFB Pokal อีก 8 ครั้ง,และได้แชมป์ลีกอีก 11 ครั้ง ชาลเก้ไม่เคยแพ้ในการแข่งขัน the Gauliga Westfalen เลยตลอด 11 ฤดูกาล โดยทีมแพ้แค่ 6 ในฤดูกาล 1935–36,1936–37,1937–38,1938–39,1940–41 และ 1942–43 เท่านั้น

ชาลเก้ 1963

ในปี ค.ศ.1963 ได้มีการก่อตั้งบุนเดสลีกาขึ้น และพวกเขาก็ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 16 สโมสรฟุตบอลที่มีสิทธิเข้าร่วมลงแข่งในรายการนี้ โดยปีแรกทำผลงานได้ไม่ดีจนทีมเกือบตกชั้น โชคดีที่มีการขยายจำนวนทีมเป็น 18 ทีม ทำให้พวกเขารอดตกชั้น ฤดูกาล 1971-1972 พวกเขาได้รองแชมป์ พร้อมกับคว้าแชมป์ DFB Pokal ได้เป็นครั้งที่สอง

แม้ทีมจะมีผลงานดีขึ้นแต่ในปี ค.ศ.1971 พวกเค้าถูกตัดสินว่าล้มบอล ในนัดที่ 28 ในการแข่งกับอาร์เมเนีย บีเลฟิลด์ ทำให้นักเตะโดนแบนตลอดชีวิต 3 คน ก่อนที่จะได้รับการลดโทษเหลือ 6 เดือน ถึง 2 ปี เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่อื้อฉาวมากในปี ค.ศ.1970

ชาลเก้ 1973

ปี ค.ศ.1973 พวกเขาย้ายสนามแข่งจาก พาร์คสเตเดี้ยน ไปแข่งที่สนามใหม่ ที่สร้างเพื่อรองรับฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1974 ความจุกว่า 70,000 ที่นั่ง หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นพวกเขาทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่ฤดูกาล 1976-1977 พวกเค้าก็ได้อันดับสองของตารางคะแนน โดยห่างจากแชมป์แค่ 1 คะแนนเท่านั้น ในฤดูกาล 1981-1982 พวกเขาตกชั้นจากบุนเดสลีกา ก่อนจะกลับขึ้นมาอีกครั้งในฤดูกาล 1983-1984 ปี ค.ศ.1988 ก็ตกชั้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะขึ้นมาได้ในฤดูกาล 1991-1992 และอยู่ในลีกสูงสุดมาถึงปัจจุบัน ปี ค.ศ.1972 ได้แชมป์ DFB Pokal และได้แชมป์ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 1996-1997 ได้แชมป์ DFB Pokal ติดต่อกันในฤดูกาล 2000-2001 และ 2001-2002 และได้รองแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาล 2000-2001,2004-2005,2006-2007

ชาลเก้ 2005

หลังจากได้อันดับสอง ในปี ค.ศ.2005 พวกเขาก็ได้เข้าแข่งขันในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้ได้อันดับสามของกลุ่ม ต้องไปแข่งในยูฟ่า คัพ แต่ก้ตกรอบเพราะแพ้ต่อเซบีญ่าในรอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2007-2008 พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มยุฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกเป็นครั้งแรก โดยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนจะแพ้บาร์เซโลน่าไปในรอบดังกล่าว วันที่ 6 ตุลาคม 2006 บริษัทน้ำมันจากรัสเซียได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนใหม่ของสโมสร ด้วยเงินลงทุนกว่า 125 ล้านยูโรตลอด 5 ปี พร้อมการเป็นพันธมิตรกับสโมสรเซนิต เซ้นต์ ปีเตอร์เบิร์ก 13 เมษายน 2008 สโมสรเปลี่ยนโค้ชจาก เมียร์โก สโลมก้า ที่ทำผลงานในลีกและยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกได้ย่ำแย่ แทนที่ด้วยอดีตนักเตะ ไมค์ บุสเก็นส์ และ ยูริ มูลเดอร์ ฤดูกาล 2008-2009 ได้เซ็นสัญญาโค้ชคนใหม่คือ เฟร็ด รอยท์เตน โดยเซ็นสัญญาถึงมิถุนายน 2010 แต่ปี ค.ศ.2009 รอยท์เตน และแต่งตั้ง ไมค์ บัสเกนส์,ยูริ มูลเดอร์และโอลิเวอร์ เร็คก์ เข้าคุมทีมอีกครั้ง