จอร์จินโญ่ : Jorginho

ประวัติ นักเตะ จอร์จินโญ่

Jorge Luiz Frello Filho หรือที่รู้จักกันกันดีในนามของจอร์จินโญ่ เขาเกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1991 เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับทีมเชลซีในพรีเมียร์ลีกอังกฤษและในนามทีมชาติอิตาลีอีกด้วย โดยจอร์จิโญ่เกิดในบราซิล แต่ได้ย้ายมาอาศัยที่อิตาลีตอนอายุ 15 และเริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของสโมสรเวโรน่า ก่อนที่จะได้เลื่อนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ในช่วงฤดูกาล 2010-11 เขาได้ถูกปล่อยให้ยืมตัวไปเล่นให้กับซัมโบนิฟาเชเซ่ ในเดือนมกราคม 2014 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมนาโปลี ที่ที่เขาได้คว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย และซุปเปอร์โคปากับนาโปลี โดยเขาลงเล่นให้กับสโมสรไปทั้งหมด 160 นัดก่อนที่ทางเชลซีจะดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2018 ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์

จอร์จินโญ่ เกิดใน Imbituba ในรัฐคาตาริน่าของบราซิล แต่ก็ได้ย้ายไปอยู่ในอิตาลีตอนอายุ 15 เขามีเชื้อสายอิตาเลี่ยนจากปูย่าของเขา ซึ่งอาศัยอยู่ในลูเซียน่า เมืองเวเนโต้ เขาคงต้องขอบคุณปู่ของเขาที่ทำให้ได้รับสองสัญชาติทั้งอิตาเลี่ยนและบราซิลเลี่ยน

จอร์จินโญ่ เวโรน่า

จอร์จินโญ่เป็นผู้เล่นในชุดเยาวชนของทีมเวโรน่า ในเดือนมิถุนายน 2010 เขาได้ถูกยืมตัวไปร่วมทีมในลีกต่ำกว่าอย่าง AC Sambonifacese ทำให้เขาได้ลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในฤดูกาลร่วมกับทีมในเวเนโต้ เขาลงสนามไปทั้งสิ้น 31 นัด ยิงไปได้ 1 ประตู และผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูอีก 10 ครั้งจากการเล่นในตำแหน่งกองกลาง โดยเขาเปิดตัวกับเวโรน่าเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2011 ในนัดที่พบกับทีมซัสซูโอโล่ ซึ่งถูกเปลี่ยนลงไปเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 67

จอร์จินโญ่ นาโปลี

วันที่ 18 มกราคม 2014 เขาได้ย้ายไปร่วทีมนาโปลี โดยมีสัญญาซื้อขายร่วมกันระหว่างนาโปลีและเวโรน่า ด้วยระยะเวลา 4 ปีครึ่ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เขายิงประตูให้นาโปลีในนัดที่พบกับโรม่าและเอาชนะไปได้ 3-2 ในนัดแรกของรายการโคปาอิตาเลีย และนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม จอร์จินโญ่ได้ลงเต็มเวลาในนัดที่นาโปลีเอาชนะฟิออเรนติน่าไป 3-1

ในช่วงรายการแข่งขันซุปเปอร์โคปาอิตาเลียน่า 2014 ที่กรุงดาฮาร์ วันที่ 22 ธันวาคม ในนัดนั้นนาโปลีต้องพบกับทีมยูเวนตุส และจอร์จินโญ่ได้มีโอกาสลงมาในครึ่งเวลาหลังของช่วงต่อเวลาพิเศษแทนโจนาธาน เดอกุซแมน และเขาได้รับโอกาสให้ยิงจุดโทษเป็นคนแรกในช่วงของการดวลจุดโทษ แต่บุฟฟ่อนนายประตูของยูเวนตุสเซฟไว้ได้ จบเกมส์นัดนั้น นาโปลีเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้

โดยเขาต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นตัวจริงในช่วงการทำทีมชองราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมของนาโปลีในขณะนั้น ภายหลังจากนั้นเหมือนโชคชะตาของเขาได้เปลี่ยนไป เมื่อเมาริซิโอ ซารี่ เข้ามาคุมทีมแทนเบนิเตซ ซึ่งถือว่าซาร์รี่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้จอร์จินโญ่ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นจากเดิม โดยในปี 2017 เขาได้พัฒนาฝีเท้าและมีส่วนร่วมในการลุ้นแชมป์กัลโช่ซีรี่เอของนาโปลีขณะนั้นด้วย

จอร์จินโญ่ เชลซี

วันที่ 14 กรกฎาคม 2018 จอร์จินโญ่ได้ตลงเซ็นสัญญากับทีมเชลซีแห่งเกาะอังกฤษด้วยระยะเวลา 5 ปี พร้อมกับการเข้ามาคุมทีมของซาร์รี่ในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยจอร์จินโญ่ย้ายมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์รวมกับโบนัสอีก 7 ล้านปอนด์ เขาได้สวเสื้อหมายเลข 5

ตามที่ประธานสโมสรของนาโปลีอย่าง ออเรลิโอ เดอลอเรนทิสได้ออกมากล่าวว่าจอร์จินโญ่เคยปฏิเสธข้อเสนอของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ก่อนหน้านี้ ทำให้ในนัดแรกที่เขาลงสนามในวันที่ 5 สิงหาคม ในรายการเอฟเอ คอมมูนิตี้ชิลด์ที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเชลซีพบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทางฝั่งแฟนบอลฝั่งตรงข้ามต่างพากันโห่ใส่จอร์จินโญ่ และตะโกนด่าทอ จากการที่เขาปฏิเสธที่จะร่วมทีม ผลจบที่ในนัดนั้นเชลซีแพ้ไป 2-0 วันต่อมาเขาได้ลงสนามให้เชลซีเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก ซึ่งยิงจุดโทษให้ทีมเอาชนะทีมฮัดเดิลฟิวส์ ทาวน์ไป 3-0 ในนัดที่สามที่เชลซีต้องพบกับนิวคาสเซิ่ล ก็สามารถเอาชนะไปได้ 2-1 ซึ่งจอร์จินโญ่สามารถผ่านบอลได้สำเร็จถึง 158 ครั้ง ถือเป็นสถิติสูงสุดในการจ่ายบอลต่อหนึ่งนัดของทีมเชลซีในพรีเมีย์ลีก และเป็นอันดับสองรองจาก อิลคาย กุนโดกันที่จ่ายบอลสำเร็จไป 167 ครั้งในทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ในวันที่ 23 กันยายน จอร์จินโญ่ได้ทำลายสถิติการจ่ายบอลสำเร็จที่ 173 ครั้งในนัดที่ทีมพบแมนซิตี้

จอร์จินโญ่ อิตาลี

จอร์จินโญ่เป็นผู้ได้รับสองสัญชาติทั้งอิตาเลี่ยนและบราซิลเลี่ยน ทำเขามีสิทธิ์ที่จะเล่นให้ทั้งสองชาติได้ ในปี 2012 เขาถูกเรียกให้ติดทีมชาติอิตาลีชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี และอีกสองปีต่อมา เขาแสดงความต้องการที่จะเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีมากกว่าบราซิลอย่างชัดเจน และเขาถูกเรียกให้ติดทีมชาติชุดใหญ่ในเดือนมีนาคม 2016 ภายใต้การคุมทีมชาติของอันโตนิโอคอนเต้ ในนัดกระชับมิตรที่พบพบกับสเปนและเยอรมนี เขาลงเล่นให้ทีมชาตินัดแรกในวันที่ 24 มีนาคมซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของมาร์โค ปาโรโล่ในช่วงท้ายเกมส์ในนัดที่เสมอกันไปกับสเปน 1-1 ที่สนามสตาดิโอ ฟริอูลี่ ในเมืองอูดิเน่ เขายังได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องจากคอนเต้ให้มีชื่อติดหนึ่งใน30คนสำหรับรายการยูฟ่า ยูโร 2016 แต่ตอนตัดตัวนักเตะให้เหลือ 23 คนเขากลับไม่มีชื่อและตัดออกจากทีม

แม้จอร์จินโญ่จะเป็นกำลังหลักให้กับทีมนาโปลีในตอนนั้น แต่ในฝั่งทีมชาติอิตาลีเขากลับถูกมองข้ามภายใต้การทำทีมของปิเอโร่ เวนทูร่า ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งแทนคอนเต้ที่ลาออกไป และถึงแม้ว่าจะมือข่าวลืออย่างหนาหูว่ามีความเป็นไปได้ที่ติเต้ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติบราซิลให้ความสนใจและต้องการให้เขาไปเล่นให้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2017 โดยที่เขายังไม่ได้เป็นตัวจริงของทีมอิตาลีชุดใหญ่ แต่ทางจอร์จินโญ่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงและไม่ได้ต้องการไปเล่นให้กับทีมชาติบราซิล หลังจากนั้นเขาด้รับโอกาสในทีมชาติอิตาลีมากขึ้นภายใต้การทำทีมของเวนทูร่า ซึ่งในนัดที่อิตาลีเปิดบ้านพบกับทีมชาติสวีเดนในวันที่ 13 พฤศจิกายนผลจบลงที่เสมอกันไป 0-0 ในการเล่นที่สนามซานซีโร ในเมืองมิลาน เป็นนัดที่สองของรอบเพลย์ออฟหาผู้ชนะผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก โดยผลรวมประตูทั้งสองนัดทำให้สวีเดนเข้ารอบไปจากนัดแรกที่สามารถเอาชนะอิตาลีไปได้ 1-0 นั่นหมายความว่าอิตาลีจะไม่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี วันที่ 7 กันยายน 2018 อิตาลีลงสนามนัดแรกในรายการยูฟ่าเนชั่นลีก เปิดบ้านพบกับโปแลนด์ที่เมืองโบโลญญ่า ซึ่งจอร์จินโญ่ยิงประตูได้ในนามทีมชาติด้วยลูกจุดโทษช่วยให้อิตาลีตามตีเสมอได้

จอร์จินโญ่ สไตล์การเล่น

เป็นที่รู้กันดีว่าจอร์จินโญ่เป็นนักเตะที่มีความสุขุมและเล่นบอลได้นิ่ง รวมไปถึงทักษะที่เหมาะสมสำหรับนักฟุตบอลที่ควรจะมี ทำให้ตัวเขาเองสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในกองกลาง โดยเขาได้ฝึกซ้อมอย่างหนักรวมไปถึงเทคนิค ความฉลาด ทักษะในการทำลายจังหวะของผู้เล่นฝั่งตรงข้าม วิสัยทัศน์และความแม่นยำในการผ่านบอล เขามักจะได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางจากสามคนในแผนการเล่น 4-3-3 ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่ผอมบางและตัวเล็กแต่เขาก็สามารถทำให้ตัวเขาเองมีบทบาทในสนามทั้งเป็นตัวดึงจังหวะของเกมและสร้างสรรค์เกม ซึ่งเขามีเซ้นส์บอลที่ยอดเยี่ยมรวมไปถึงการอ่านเกมส์ช่วยให้เขาสามารถจัดการกับพื้นที่ที่เขาต้องรับผิดชอบและกดดันฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดีจาการตัดเกมส์และพร้อมจะเล่นสวนกลับ เขาเริ่มปรับเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองในการยืนโดยยืนตำแหน่งเหนือกองหลังตัวกลางมันทำให้เขากลายเป็นเพลย์เมกเกอร์ของทีมซึ่งทำให้เขามีเวลาในการควบคุมจังหวะของเกมส์อละลักษณะการเล่นของทีมด้วยความถูกต้องและแม่นยำในการจ่ายบอลระยะสั้นกับพื้น โดยถือได้ว่าจอร์จินโญ่เป็นนักเตะที่ยิงจุดโทษได้คมและแม่นยำทำให้เป็นจุดเด่นของเขา